|
 |
|
กำลังอ่านอยู่ : 8 คน |
|
|
|
|

ดังที่เกริ่นไว้ในตอนต้นแล้วว่า
ธรรมเหมือนยาในตู้ที่ต้องเลือกใช้ในวาระต่างกัน จุดประสงค์ต่างกัน
วันนี้ปวดท้องกินยาแก้ปวดท้อง วันต่อมาปวดหัวก็กินยาแก้ปวดหัว บางคนอยู่ว่าง
ๆ ชอบเอายาแก้ปวดท้องมาบดรวมกับยาแก้ปวดหัว แล้วก็นั่งมองพยายามคิดเพื่อให้ปวดหัว
ระรวย
นั่งมองดูขนมหยิบ ด้วยสายตาอุเบกขา เมื่อขนมหยิบบอกว่า ระรวยสอนอะไรไม่รู้เรื่อง
เมื่อกี้ก็บอกว่า ตัวตนไม่มี มีแต่ธาตุ 4
ตอนนี้ก็มาบอกว่า ตนเป็นที่พึ่งของตน
ก็ไหนว่าไม่มีตัวตน แล้วจะพึ่งได้ยังไงเล่า
มันคนละเรื่องกัน ระรวยพยายามอธิบาย
ในเวลาที่ขนมหยิบเดือดร้อน ขนมหยิบต้องคิดช่วยเหลือตัวเองก่อน อย่ามัวแต่ไปรอคนอื่นมาช่วย
ตัวเราเองนั่นแหละต้องช่วยตัวเอง เป็นที่พึ่งของตัวเอง หรืออย่างเวลาไปสอบก็ต้องดูหนังสือเองอ่านเอง
แล้วไปสอบ จะไปหวังพึ่งคนอื่นไม่ได้ อันนี้เหมือนกับยาแก้ปวดท้อง ใช้กินเวลาปวดท้องเท่านั้น
ส่วนเรื่องตัวตนไม่มี มีแต่ธาตุ 4 ท่านหมายถึง เราประกอบด้วยธาตุ 4
ดิน น้ำ ลม ไฟ ไม่ได้มีตัวตน แต่เป็นองค์ประกอบของสิ่งที่มารวมกัน
ถ้าเราตาย ร่างกายเราก็คือดินก็สลายไป น้ำในร่างกายก็เหือดแห้งไป ลมหายใจก็ไม่มี
ไฟคือความร้อนในร่างกายก็ไม่มี เราก็หายไป ไม่มีไปด้วย เขาเอาไว้มองชีวิตในมุมกว้าง
ให้รู้จักตัวเราเองว่าเป็นยังไง จุดประสงค์เพื่อจะได้ไม่ยึดมั่นถือมั่นกับตัวเรานี้นักหนา
อันนี้เหมือนยาแก้ปวดหัว ใช้กินเวลาปวดหัวอย่างเดียว
ขนมหยิบพยักหน้าหงึกหงัก
แต่ยังหน้างอ ระรวยจึงบอกว่า ถ้าเราจะเปลี่ยนคำว่า
ตนเป็นที่พึ่งของตน ให้ขนมหยิบ เอาเป็นว่า
ข้าพเจ้าเป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า ก็ค่อยยังชั่วขึ้นไหม
ส่วนอีกอันก็แบบหลวงพ่อพุทธทาสว่าเลยง่าย
ๆ ตัวกู ของกู อย่างนี้ขนมหยิบจะได้ไม่งง
ที่เรียกว่า ตน เหมือนกัน ดีไหม

|