|
 |
|
กำลังอ่านอยู่ : 9 คน |
|
|
|
|

รุ้งตวัด
มีงานยุ่งเป็นยุงตีกันทุกวัน เจอหน้าจันทร์เฉยก็จะบ่นให้ฟังถึงความเหน็ดเหนื่อย
จันทร์เฉยบอกว่าให้ฝึกธรรมะสิใจจะได้รู้สึกไม่ยุ่ง รุ้งตวัดส่ายหน้า
เอาไว้เกษียณก่อนค่อยไป ตอนนี้ไปไม่ไหวมันยุ่ง ไม่ว่างเลย
จันทร์เฉย
ตอบว่า อ๋อ ถ้าเกษียณแล้ว ไม่ต้องไปหรอก ว่างงานแล้วไม่มีเรื่องยุ่ง
ก็ไม่มีปัญหา แล้วจะไปทำไม
อ้าว ก็ไปฟังเทศน์
ไปหลับนะซี แก่ป่านนั้นแล้ว แล้วจะฟังเทศน์เอามาใช้อะไร ในเมื่อเกษียณแล้ว
ธรรมะเหมือนข้าว เอาไว้กินตอนหิว ไม่ได้เอาไว้กินตอนนอน
รุ้งตวัดงงไปหัวเราะไป
พูดอะไรฟังไม่รู้เรื่อง จันทร์เฉยจึงบอกว่า
ธรรมะเป็นข้อคิด ข้อแนะ เมื่อมีปัญหาที่เกิดขึ้นกับเราแล้วทำให้ใจเราเป็นทุกข์
ธรรมะช่วยให้หายทุกข์ใจ เราทุกข์ใจก็เวลาเราทำงาน แก่อยู่กับบ้าน ไม่ค่อยทุกข์อะไรหรอก
มีแต่ฟุ้งซ่านไปเอง ฟังเทศน์ก็หลับเพราะแก่ ไม่ได้ประโยชน์อะไร
ก็ไปทำบุญ รุ้งตวัดหลบซ้าย
ทำบุญ ทำไมไม่ทำตอนนี้ ทำตอนนี้จะได้ทำมากกว่าตอนโน้นตั้งหลายสิบปี
ไม่กลัวได้บุญน้อยเหรอ
ไม่กลัว ทำทุกวันเดี๋ยวก็เยอะเอง รุ้งตวัดหลบขวา
แล้วถ้าเกิดตายก่อนล่ะ
เออ เอาไว้ชาติหน้าก็ทำได้ จันทร์เฉยหัวเราะกลิ้งกับคำตอบนั้น
จันทร์เฉยเคยได้ยิน
คุณอาเล่าให้ฟังว่า คนบางคนไม่ถึงเวลา บางทีแม้แต่เจ้ายังไม่ยอมให้ไหว้
คิดจะไปไหว้เจ้า เดี๋ยวก็มีธุระพออีกวันจะไป ก็มีคนพาไปที่อื่น อีกวันพยายามจะไป
ไปถึงเย็น เขาปิดประตูพอดี ไม่ได้ไหว้เจ้า
คนบางคนยังไม่ถึงเวลาฟังธรรม
แสดงว่ามีกรรมต้องใช้ต่อไป มีมารมาบังธรรม ศัพท์ท่านว่าอย่างนั้น เอาหนังสือไปให้อ่านก็เอาไปเลี้ยงปลวก
แบบนี้บางทีต้องนึกถึงคำพระท่านว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
ต้องเอาอุเบกขาเข้าข่ม

|