ล้อธรรมจักรที่ทำด้วยหินปูนสีเขียวแก่ดังกล่าว
มีลวดลายจำหลักอยู่ทั่วไป ทั้งที่วงรอบดุม ที่กำและที่กง โดยปกติที่วงรอบดุมจะมีรูปจำหลักเป็นเม็ดกลม
ๆ เรียกว่า ลายเนื่อง โดยรอบ คงจะสมมติเป็นเกสรบัว แล้ววงถัดออกมา
จำหลักเป็นกลีบบัวธรรมดาบ้าง บัวรวนบ้าง บัวฟันยักษ์บ้าง วงถัดออกมาจำหลักเป็นลายเนื่องโดยรอบอีก
ถัดออกมาจำหลักเป็น ซี่กำ โคนใหญ่ปลายย่อม ให้เห็นซี่เป็นรูปกลมบ้าง
เป็นเหลี่ยมบ้าง และที่วงล้อเบื้องล่างจำหลักเป็น บัวคว่ำหัวหงาย มี
ลายก้านขด ต่อขึ้นไปเป็นรูป 3 เหลี่ยม บางล้อก็มีรูปเทวดาหรือกษัตริย์ทรงมงกุฎโผล่พระพักตร์เพียงอุระ
สองหัตถ์เกาะอยู่ขอบราวกลีบบัว คล้ายโผล่บัญชร ( ดูรูปที่ 21 )

รูปที่ 21
ธรรมจักรหินปูน ขุดพบในโบราณสถาน อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม
ที่ฐานจำหลักเป็นรูปเทวดาหรือกษัตริย์โผล่บัญชร หัตถ์ทั้งสองเกาะราวกลีบบัว
ที่ฐานรองรับสี่เหลี่ยมมีจารึกคาถาภาษาบาลี ( ดูรปที่ 25 )
ปลายกำด้านติดกับ
ท้องกง แต่ละซี่จำหลักเป็นกระหนกคล้าย บัวหัวเสา รับท้องกง วงถัดออกมาเป็นท้องกง
จำหลักเป็น เส้นลวด เสียรอบหนึ่ง ถัดออกมาก็จำหลักเป็น รักร้อยประเภทกลีบบัว
เป็นวงไปโดยรอบบ้างเป็น ลายก้านขด ชั้นเดียวหรือสองชั้นบ้าง เป็น ลายก้านต่อดอก
บ้าง แล้วจำหลักเป็น เส้นลวด คั่น วงขอบนอกของกงจำหลักลายคล้าย กระหนกเปลว
บ้าง เป็น เม็ดบัว บ้าง เป็นรูปอื่น ๆ บ้าง แต่ธรรมจักรบางอันก็จำหลักละเอียดประณีตกว่าที่กล่าวมานี้มาก
เช่น ธรรมจักรศิลาอันใหญ่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร จำหลักลวดลายละเอียดหลายวงหลายชั้น*
และที่น่าสังเกตอีกอย่างหนึ่ง ก็คือ ธรรมจักรทุกล้อ จำหลักเป็นฐานที่ตั้งติดอยู่ในบัว
แต่บางล้อก็ทำเป็นแกนคล้ายกับจะเสียบตั้งลงในฐานะรองรับอันอื่น ฐานที่ตั้งติดล้อนั้น
บางอันก็จำหลักเป็นบัวหงายบัวคว่ำ บางอันที่เป็นบัวหงายก็จำหลักกลีบบัวเสียยาวเฟื้อยมองดูคล้ายหอยแคลง
( ดูรูปที่ 17 ) บางอันก็ทำเป็นลายก้านขดคู่ บางอันก็ทำเป็นลวดลายอย่างอื่น
และบางอันก็ทำเป็นลายกระหนกสูงขึ้นมาปิดซี่กำด้านล่างจนถึงขอบดุม มีล้อธรรมจักรอยู่
2 ล้อ ที่ฐานด้านตั้งทำเป็นรูปเทวดานั่งขัดสมาธิราบ มือทั้งสองถือก้านชูดอกตูมข้างละดอกยกขึ้นเหนือบ่าทั้งสอง
ซึ่งท่านผู้รู้บางท่านอธิบายว่าเป็นรูปอรุณเทพบุตร ( ดูรูปที่ 22 )
และมีอยู่ล้อหนึ่งที่ข้างทั้งสองของอรุณเทพบุตรนั้นจำหลักเป็นรูปคนแคระหรือกุมภัณฑ์
เอาหลังยันแบกขอบล่างของวงล้อข้างละคน ( ดูรูปที่ 23 )

รูปที่ 22 รูปที่
23
ธรรมจักรหินปูน พิพิธภัณฑสถาน ฯ พระปฐมเจดีย์ ธรรมจักรหินปูน
ที่ฐานรองมีรูปอรุณเทพบุตร
กงล้อ จำหลักเป็นลายก้านขอ ที่ฐานรองรับทำเป็น
และมีคนแคระหรือภุมภัณฑ์ แบบอยู่สองข้าง
รูปเทวดาถือดอกบัว หรืออรุณเทพบุตร..........................................................................
กับมีฐานของธรรมจักรชิ้นแตกหัก
แต่ตรงที่เป็นรูปอรุณเทพบุตร หรือบางท่านว่าเป็นรุปครุฑ ถือดอกบัว
ยังอยู่ค่อนข้างสมบูรณ์ ตั้งอยู่ที่ระเบียงพระปฐมเจดีย์อีกชิ้นหนึ่ง
( ดูรูปที่ 24 ) กับขุดพบที่เนินโคกเจดีย์ ทางทิศตะวันออกของเมืองเก่ากำแพงแสน
อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม อีกล้อหนึ่ง ที่ฐานศิลา 4 เหลี่ยมจารึกคาถาภาษาบาลี
( ดูรูปที่ 21 และ 25 ) ว่า

รูปที่ 24 รูปที่
25
ฐานธรรมจักรหินปูน ระเบียงวิหารคต ฐานรองรับธรรมจักรศิลารูปที่
21
พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม มีจารึกคาถาภาษาบาลี
ดูคำอ่านด้านล่าง
รูปเทวดาหรือบางท่านว่าเป็นรูปครุฑถือดอกบัว ขุดพบที่โบราณสถานเมืองกำแพงแสน
............................................................................
อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม
สจฺจกิจฺกตญาณํ
จตุธา จตุธา
กตํ
ติวฏฺฏํ
ทฺวาทสาการํ ธมฺมจกฺกํ มเหสิโน
แปลว่า
ธรรมจักร ของพระ (พุทธเจ้า) ผู้แสวงหาพระคุณอันยิ่งใหญ่ ทำ (ซี่กำ)
ให้เป็นสี่ ๆ (คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค) มีญาณรู้สัจจะ รู้ที่ควรทำ
รู้ที่ทำแล้ว หมุนไป 3 รอบ จึงเป็นอาการ 12
ที่ข้าพเจ้านำเรื่องลวดลายจำหลักในธรรมจักรศิลามากล่าวโดยสังเขป
ก็เพื่อเป็นแนวให้ท่านผู้สนใจใช้เป็นข้อสังเกตเมื่อพบเห้น ลักษณะของลวดลายในล้อธรรมจักรดังกล่าวนี้
นักโบราณคดีวินิจฉัยกันว่าธรรมจักรในเมืองไทย เป็นของทำขึ้นในสมัยทวารวดี
( พุทธศตวรรษที่ 11 - 16 ) เพราะส่วนใหญ่คล้ายกับลวดลายสมัยราชวงศ์คุปตะในอินเดีย
ถ้ากระนั้นก็แสดงว่าได้มีผู้นำเอาแบบอย่างวัฒนธรรมของอินเดียโบราณ
เข้ามาสู่ดินแดนเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ภาคนี้ อย่างน้อยก็ในสมัยราชวงศ์คุปตะครองประเทศอินเดีย
ระหว่าง พ.ศ. 850 - 1150 หรือถัดมายังมีธรรมจักรศิลาชิ้นสำคัญอีกล้อหนึ่ง
แต่น่าเสียดายที่แตกชำรุดและบางส่วนหายไป เดี๋ยวนี้เก็บรักษาล้อธรรมจักรนี้ไว้ในพิพิธภัณฑสถาน
ฯ พระปฐมเจดีย์
|