ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
amai
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435
|
ตอบเมื่อ:
17 ธ.ค.2004, 10:10 pm |
  |
เนินอาถรรพ์
เขียนจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นโดย พ. พันธวัฒน์
ใครๆ ก็รู้ดีว่าพงษ์พันธุ์รักใคร่อยู่กับนาเรศ ความรักย่อมเหนือกว่าอะไรทั้งหมด พลังแห่งความรักอาจจะบันดาลอะไรก็ได้
วัยรุ่นสมัยนี้ชอบที่จะประพฤติปฏิบัติอะไรแผลงๆ เสมอ ไม่ว่าการแต่งเนื้อแต่งตัว การเที่ยวเตร่ ดื่มกินหรือว่ามีพฤติกรรมอะไรที่เหนือที่จะคาดคิดกัน
มันเป็นยุคโลกาภิวัตน์ที่ทุกคนชื่นชอบกระนั้นหรือ ความก้าวหน้า พัฒนาหรืออะไรกันแน่ ?
มันเป็นยุคแห่งความใหม่ไปทุกสิ่งทุกอย่าง ด้วยเทคโนโลยีสูงส่งหรือ ?
ยุคแห่งดาวเทียม คอมพิวเตอร์ และความละโมบ ตัณหา ราคะ ?
หลายคนพูดกันว่า ลูกหลานสมัยนี้พ่อแม่จะต้องเอาอกเอาใจ เอาใจใส่กตัญญูต่อลูกให้จงหนัก มิฉะนั้นจะผิดขนบธรรมเนียมในยุคโลกภิวัตน์ ! อาจจะเกิดเหตุร้ายแรง แปลกประหลาด และสับสนยิ่งขึ้น อย่างน้อยก็อาจจะต้องเกิดความหนักอกหนักใจ หนักไปหมดทั้งความคิดความอ่าน เพื่อแผ้วถางไปสู่ความเป็นปึกแผ่นก้าวหน้าของเขาในอนาคต
เกรงกลัวว่าจะเป็นคนไม่ดี เสียผู้เสียคน เรื่องรักก็เป็นสิ่งสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง ปัญหาเกิดขึ้นอยู่เสมอ วัยรัก วัยรุ่น วัยศึกษาเล่าเรียน ใจเร็วด่วนได้ ไร้สติยับยั้งชั่งใจ เกิดขึ้นได้เสมอมิได้ขาด วัยรุ่นยุคนี้ชอบทำอะไรแผลงๆ เกินขอบเขต เย้ยสรวงสวรรค์ ก็อย่างที่ว่ามานี่แหละ
เขาละ พงษ์พันธุ์ กับ นาเรศ สองวัยรุ่นคู่นี้
(มีต่อ 1) |
|
|
|
    |
 |
amai
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435
|
ตอบเมื่อ:
17 ธ.ค.2004, 10:19 pm |
  |
“จะไปไหนอีกละลูก ?” คุณแม่ของเด็กสาวเอ่ยถามด้วยความเอ็นดูนาเรศ “คุณพ่อก็ไม่อยู่ ไปกินเลี้ยงข้างนอกด้วย”
นาเรศชะงัก แต่ก็เข้ามาประจบ เด็กสาวกอดมารดาเอาไว้ ซบหน้าลงที่ตักในเวลาต่อมา
“ติ๋มมีนัดค่ะ กับเพื่อน”
“ใครที่ไหนกัน ?”
“ไอ้แป้น” ปดผู้บังเกิดความเกล้าอย่างขอไปที
“ลูกสาวคุณหญิงเปรื่องหรือลูก ?”
“ค่ะ แป้นมันขอร้องให้ติ๋มไปให้ได้ บอกว่ามีปาร์ตี้นิดหน่อย แล้วก็จะอวดรถเก๋งคันใหม่ที่เพิ่งซื้อมาด้วย”
คุณแม่ของเด็กสาวทำปากเบ้ตำหนิ “วัยรุ่นสมัยนี้ช่างกระไร ชอบอวดโอ้โชว์ไอ้โน่นไอ้นี่ ได้รถคันใหม่มาก็อวดกัน แล้วก็ชอบทำอะไรให้มันสิ้นเปลืองเงินทองพ่อแม่ จัดงานอะไรกันก็ไม่รู้ เสียเงินเปล่าๆ”
“โธ่ คุณแม่ขา” เด็กสาวประจบต่อ กอดบั้นเอวมารดาเอาไว้เหมือนเดิม “ไอ้แป้นมันรวยออกจะตาย คุณพ่อมันก็เป็นถึงรัฐมนตรีว่าการนะคะคุณแม่ เงินเล็กน้อยเท่านี้”
“จ้ะ เงินเล็กน้อยเท่านี้ ดูถูกเงินกันซะจริง แล้วจะไปยังไงล่ะลูก ?”
“แท็กซี่ซีคะ”
“ให้เจ้าผ่องมันขับรถไปส่งแล้วรอรับกลับไม่ดีกว่ารึ ลูก ?”
“ไม่เอาค่ะ คุณแม่ เสียเวลา เกรงใจน้าผ่องด้วย ติ๋มมาเอง อ้อ...ให้ไอ้แป้นมาส่งก็ได้นี่คะ”
พอดีที่ท่านรัฐมนตรีว่าการนั่งรถยนต์ประจำตำแหน่งเข้ามาภายในบริเวณบ้านพัก
“คุณพ่อมาแล้ว เอ๊ะ ทำไมมาเร็วนัก”
คุณหญิงผู้เป็นมารดาของนาเรศอุทานออกมาเบาๆ ด้วยความสงสัย
“พ่อรีบกลับมาก่อน ต้องขอตัวทางโน้นเขาเพราะงานมันยุ่ง ต้องรีบเซ็นหนังสือสำคัญอีกหลายฉบับ หลายเรื่องด้วยกัน” ท่านรัฐมนตรีคนดังว่า และยิ้มออกมาด้วยความสดชื่นที่บุญวาสนาส่งผลให้เด่นขึ้นมาถึงขนาดนี้
“ไม่น่าเกลียดหรือคะ คุณ ? ”
“ไม่หรอก มันจำเป็นเราก็ว่าไปตามจริง” ท่านรัฐมนตรีว่าการพูดต่อ หันมาทางนาเรศลูกสาวคนเดียวของท่านก็ขมวดคิ้ว
“จะไปไหนลูก ?”
(มีต่อ 2) |
|
|
|
    |
 |
amai
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435
|
ตอบเมื่อ:
17 ธ.ค.2004, 10:30 pm |
  |
เด็กสาวเล่าความเป็นไปให้คุณพ่อของตนเองฟัง พอทราบเรื่องตลอดท่านก็ไม่พอใจทันที
“ไม่ค่อยจะเหมาะนัก ลูกควรพักผ่อนบ้าง หมู่นี้ทำไมออกนอกบ้านบ่อยครั้งมากไปแล้ว พ่อจำได้เมื่อวานลูกก็ไปข้างนอก กลับค่ำมืดด้วย”
“โธ่ คุณพ่อขา งานเพื่อนสนิทกันแท้ๆ”
“แต่มันมืดค่ำ ลูกควรจะรู้ เราเป็นผู้หญิงด้วย”
“ค่อยๆ พูดกันก็ได้คุณ อย่าไปดุลูกนักเลย” คุณหญิงเข้าข้างลูกสาว
“ก็เพราะเหตุนี้ เด็กมันถึงเอาแต่ใจตัวเอง ทำอะไรตามใจชอบ เมื่อวานก็ครั้งหนึ่งแล้ว กลับมาตั้งเกือบเที่ยงคืน”
“ที่นั่นมันมีอะไรดีนัก ?” ท่านทำตาเขียว ท่าทางไม่พอใจ
“คิดดูซี่ ทำไมเขาไม่มาหาเราบ้าง มีแต่ฝ่ายเราไปหาเขาทุกที”
นาเรศนิ่งเงียบ ในใจนึกไม่ชอบบิดาของตัวเอง
“พ่อดุอยู่เรื่อย จะไปไหนบ้างก็ว่า ว่า หนูจะเชยอย่างพ่อได้หรอกคะ เอาแต่งาน...งาน”
“เราจะต้องเข้าใจบ้าง นาเรศ พ่อไม่เคยประสงค์ร้ายกับหนู ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่หวังดีกับลูกของตัวเอง ที่เตือนก็ต้องการให้ลูกได้ดีเท่านั้น”
“ใช่ เข้าใจคุณพ่อบ้างนะลูก พ่อเป็นห่วงหนูจริงๆ” คุณแม่ของเด็กสาวเอ่ยออกมาบ้าง แต่ก็เกรงใจลูกสาวอยู่
นาเรศเบื่อที่จะรับฟังอะไรอีก เด็กสาวผลุดลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องทันที
“เห็นรึยัง เห็นไหมคุณหญิง นาเรศเป็นเด็กยังไงลูกของคุณ ?” ท่านรัฐมนตรีว่าการผู้กว้างขวางหันมามองภรรยาของตัวเองทันที “ไปแล้ว เห็นไหม ?”
“ติ๋มคงจะโกรธ”
“บ้าสิ้นดี เพราะเธอคนเดียวให้ท้ายลูกของเรามากเกินไป นาเรศถึงได้เป็นแบบนี้”
“เอ๊ะ คุณ ?” คุณหญิงชักฉุนขึ้นมาแล้ว
ท่านรัฐมนตรีว่าการเดินงุ่นง่านไปมา แล้วออกไปจากห้องก่อนที่จะเกิดโต้เถียงอะไรกันขึ้น เพราะท่านมีความคิดว่านิ่งเสียดีกว่า มิฉะนั้นเรื่องราวอาจจะไปกันใหญ่เพราะการพูดจากันมากประโยคเกินไปก็ได้
(มีต่อ 3) |
|
|
|
    |
 |
amai
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435
|
ตอบเมื่อ:
17 ธ.ค.2004, 10:40 pm |
  |
นาเรศนั่งแท็กซี่มายังที่นัดหมายแห่งหนึ่ง แทนที่จะไปบ้านไอ้แป้นหรือลูกสาวรัฐมนตรี ผู้เป็นเพื่อนสนิทกันกับบิดาของตน
การนัดแนะกันระหว่างนาเรศและเด็กหนุ่มที่ชื่อพงษ์พันธุ์ นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่เล็ก เพราะทั้งคู่รักใคร่กันมาก รักจนกระทั่งเกินเลย รู้เห็นอะไรต่อมิอะไรกันมามากแล้วด้วย
การเป็นวัยรุ่นของเด็กทั้งสองคนก้าวหน้าเป็นผู้ใหญ่ไปนานแล้วทั้งๆ ที่ยังไม่สมควรด้วยประการทั้งปวง
ธรรมชาติสอนให้รู้จักความรัก ความใคร่ ราคะ...และ...ตัณหา !
พงษ์พันธุ์พาเด็กสาวมาที่ค็อฟฟี่ช้อพแห่งหนึ่งแถวสีลม หลบความชุลมุนวุ่นวายของผู้คน อีกทั้งแกรงจะมีผู้ที่มักคุ้นมาเจอะเจอเป็นที่ครหาเปล่าๆ
“พี่คิดถึงติ๋ม เกือบจะไปหาที่บ้านแล้วรู้ไหม คิดว่าเบี้ยวแล้ว”
“นี่อย่าไปที่บ้านเชียวนะ เดี๋ยวเกิดเรื่องใหญ่”
“ทำไมเล่า ?” นาเรศทำตาเขียว
“คุณพ่อดุ ต้องบอกว่าจะไปหาไอ้แป้น ถ้าท่านทราบว่ามาหาพงษ์พันธุ์โดนดีแน่ๆ”
เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือก ส่ายหน้า
“พวกผู้ใหญ่นี่ ช่างไม่เห็นใจเด็กอย่างพวกเราเลยเชยก็เชย คิดอะไรก็ไม่รู้ ไม่เห็นได้ความ”
“เอ๊ะ ทำไมมาว่าคุณพ่อติ๋ม ?” พงษ์พันธุ์รีบจับมือนาเรศเอาไว้
“ขอโทษ ไม่จงใจจะว่าหรอก แต่ว่าท่านไม่เห็นใจเราจริงๆ “
“จากตรงนี้ เราจะไปไหนกัน ?” เด็กสาวเปลี่ยนเรื่องสนทนา
เด็กหนุ่มนิ่งคิดนิดหนึ่งแล้วว่า
“ขับรถไปเรื่อยๆ กินลม มีติ๋มแนบข้างไปไหนก็ไม่น่าคิดมาก บางทีก็อาจจะ...เอ้อ...หาที่เงียบๆ คุยกันดีไหม ?”
หยิกหลังมือของเขาดังหนับจนพงษ์พันธุ์ร้องครางออกมา
“ทะลึ่งเกินไปแล้วพงษ์”
“อูย อู๊ยย...ติ๋มน่าจะรู้นี่นา เราเคยมีอะไรต่อกันมาตั้งเยอะแยะ ทะลึ่งที่ไหนเล่า ?”
“นี่หยุดนะ เรื่องบ้าๆ”
“บ้า อะไร ความรัก รักกันบ้ารึ มันคือความสุขใจ ความสดชื่น เรื่องของมนุษย์ตามธรรมดา ธรรมชาติ ผู้ใหญ่เขายังรักกันเลย แล้วเราล่ะ เด็กหนุ่ม เด็กสาว จะรักกันบ้างไม่ได้รึยังไง ก็ไม่เห็นจะแปลก ไม่แปลก เอาละไปเถอะ”
(มีต่อ 4) |
|
|
|
    |
 |
amai
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435
|
ตอบเมื่อ:
17 ธ.ค.2004, 10:46 pm |
  |
นาเรศนั่งเคียงข้างพงษ์พันธุ์บนรถสปอร์ตสีตะกั่วตัด พงษ์พันธุ์นับว่าเป็นลูกชายมหาเศรษฐีคนหนึ่งในวงการ แม้ว่าคุณพ่อของเขาจะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีใหญ่ก็ตาม แต่เบื้องหลังนั้นมีกิจการใหญ่โตอีกหลายแห่งด้วยกัน ความมั่งคั่งจึงไม่ต้องพูดถึง
เลี้ยวรถเข้าไปที่บางนาในซอยแห่งหนึ่ง ตรงนั้นเป็นที่โล่งแจ้ง อากาศสดชื่น เย็นสบายดี บรรยากาศร่มรื่นมาก
จามจุรีต้นมหึมาผิดสังเกต มีอยู่ 3 ต้นเรียงราย ไม่เคยเห็นว่าต้นไม้ชนิดนี้จะใหญ่โตมากขนาดนี้มาก่อน ทำให้พงษ์พันธุ์กับนาเรศเกิดความฉงนฉงายอยู่ในใจ
นอกนั้นเป็นละเมาะไม้ประปรายพองาม พื้นดินก็เต็มไปด้วยหญ้าเขียวขจีราวกับมีใครมาตกแต่งเอาไว้ น่านั่งมองดูความสวยงามของธรรมชาติตรงนี้
และ...โน่น เนินดินที่โคนต้นจามจุรีก็น่าดูมาก แปลกตาทีเดียว
“พามาที่นี่ทำไม ?” เด็กสาวเอ่ยถามเขาขณะที่ลงมายืนมาเดินอยู่ในสถานที่แปลกตาแห่งนี้
พงษ์พันธุ์โอบไหล่เด็กสาวเอาไว้ พาเดินมาอีกด้านหนึ่ง หอมแก้มนาเรศฟอดหนึ่งด้วย
“บรรยากาศที่นี่ ผมว่าโรแมนติคเป็นบ้า ขับรถผ่านมาครั้งแรกชอบใจจริงๆ ที่นี่ผมว่ามันดีกว่าโรงแรมม่านรูดเป็นไหนๆ”
“บ้าอีกแล้ว ปากคอ คุณพูดอะไรอย่างนั้น ?”
“โรงแรมม่านรูดเราเคยใช้มันมาหลายครั้งหลายหน เบื่อๆ ชอบกล อยากใช้บรรยากาศของท้องทุ่งใต้ร่มไม้แบบนี้บ้าง มืดๆ ขนาดนี้ด้วยใครก็ไม่สังเกต ลมพัดเย็นสบาย สดชื่นยิ่งกว่าแอร์คอนดิชั่น”
“พงษ์ นี่คุณ ?” เด็กสาวตกใจอุทานออกมาแผ่วเบา ประหยัดเสียง
“ก็นี่ละ รู้รึเปล่า ติ๋ม แจ๋วที่สุดในโลก เราไปนั่งคุยกันตรงนั้นดีไหมนะ ?”
“ตรงไหนเล่า ?”
“ที่เนินดินโน่น เห็นรึเปล่า นั่นไง โธ่ นอนเล่นก็ดี เอนหลังพาดพื้นหญ้าเขียวสดชื่น นุ่มเหมือนฟูกนิ่ม และอาจจะได้อารมณ์สุนทรีย์ยิ่งกว่าอีกด้วย ?”
เป็นการพูดจากันระหว่างบุคคลสองคนที่สนิทกันมากที่สุดแล้ว จะพูดอย่างไรก็พูดกันได้เสมอ
นาเรศเองก็เกิดอารมณ์ประหลาดจนได้
พงษ์พันธุ์โอบกอดนาเรศเอาไว้ในอ้อมแขนของเขาด้วยความคะนองย่ามใจ กล้าหาญนักในเรื่องเช่นนี้ เด็กหนุ่มผู้กระหายหิวในรสชาติของความรัก และความต้องการ ทำเหมือนไม่เคยเจอะเจออาหารเอมโอชเช่นนี้มาก่อน ความใหม่ความสดของชีวิตทำให้เขาตระกรามจนเกินเหตุ
นาเรศอ่อนระทวยในอ้อมแขนของเขา หลับตาพริ้ม มีความสุขยิ่งนักเด็กสาวเอนร่างลงบนเนินดินที่มีพื้นหญ้าราบเรียบรองรับราวกับพรมสีเขียวเข้ม
พงษ์พันธุ์เริ่มจุมพิตที่ริมฝีปากเด็กสาว ซอนไซ้ด้วยชิวหาทุกซอกมุมระริก นาเรศถึงกับสะท้านไปทั้งอารมณ์ เรือนร่าง โอบกอดตอบเขา
สายลมพัดมาแผ่วหวิวพอเย็นสบาย แต่หยาดหยดของเหงื่อไคลผุดขึ้นมาที่ใบหน้าเด็กหนุ่มผู้โลดเถลิงโจนทะยานเหาะเหิน ลมพัดแรงจัดยิ่งขึ้นอีก
ความมืดสลัวของบรรยากาศปรากฏโดยรอบแสงดาวระยับท่ามกลางคืนเดือนมืด และ...โน่น...ดาวตกมัดเสียดแทงกับบรรยากาศจนเกิดประกายไฟแดงวาบเหมือนนิมิตหมายอะไรสักอย่าง จะดีหรือร้ายหนอ ?”
พงษ์พันธุ์เองก็มองเห็นถนัดเพราะเขาเงยหน้าขึ้นมาพอดีในวินาทีนั้นแต่นาเรศหลับตาพริ้ม ภวังค์หลุดลอยไปไหนต่อไหนแล้ว หล่อนกำลังลืมตัวไปแล้วหรือนี่ อะไรทำให้เป็นไปได้ ถ้าไม่ใช่กิเลสตัณหา ? ความหลงระเริง
ลมพัดจัดยิ่งขึ้น กิ่งก้านจามจุรีไหวโยนตัว ฝักของมันที่มีอยู่สุกงอมแล้วร่วงหล่นลงมาสองสามฝัก
(มีต่อ 5) |
|
|
|
    |
 |
amai
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435
|
ตอบเมื่อ:
17 ธ.ค.2004, 10:52 pm |
  |
เส้นผมของพงษ์พันธุ์และนาเรศปลิวไม่เป็นระเบียบ
“ตายจริง รีบกลับกันดีกว่าค่ะ พงษ์ ลุกขึ้นซี่ ช้าอยู่ทำไม ?”
“เดี๋ยวน่า ยัง เอ้อ...” เขาตะกุกตะกัก
“พอเถอะค่ะ ลุกขึ้นเร็วเข้า ฝนตกลงมาจะยุ่ง รีบกลับขึ้นรถดีกว่า” ลมยิ่งพัดแรงขึ้นอีก เหมือนแผ่นดินสะเทือนเขย่าไปมา โสตประสาทของพงษ์พันธุ์และนาเรศแว่วๆ คล้ายกับมีใครไม่รู้ส่งเสียงคล้ายเสียงหัวเราะชอบอกชอบใจ
เสียงนั้นดูจะห่างสุดขอบโลกทีเดียว มันไกลมากจริงๆ
“กลับกันเถอะ ถ้าจะไม่เหมาะแล้ว”
เด็กสาวสีหน้าวิตกและอึดอัด
“ก็ดีเหมือนกัน แต่ว่า เอ๊ะ...”
เสียงของเขาชะงักลงเพียงเท่านั้น
ให้จ้าวหักคอ พ่อแม่ช่วยลูกด้วย
อะไรกันนี่ ผีสางนางไม้ที่ไหนเป็นพยานด้วยเถิด
อนิจจา...พงษ์พันธุ์ลุกออกมาจากนาเรศมิได้เสียแล้ว มันเหมือนมีอะไรมาตรึงแน่นสนิทอยู่กับที่ ไม่มีทางเลย
“ติ๋ม ?” เด็กหนุ่มเหงื่อแตกซิก “รู้สึกผิดปกติอะไรไหม บอกซิ ?”
เด็กสาวหน้าเสียเช่นเดียวกัน ใจเต้นแรง หวาดวิตกเป็นทุกข์
“ค่ะ ไม่เคยยังงี้มาก่อน อะไรกันนี่ ?”
“แล้วทำไม ?”
เหงื่อกาฬทั้งคู่แตกซิกๆ จริงๆ ทำหน้าคล้ายจะร้องไห้ออกมา ความสุข ความลืมตัวและความคึกคะนองเหือดหายไปหมดสิ้นแล้ว เหลือก็แต่ความทุกขเวทนาเท่านั้น
“จะอยู่แบบนี้ได้ยังไงคะ พงษ์ โธ่ เราคงทำความชั่ว ความไม่ดีเอาไว้มาก เลยเป็นแบบนี้ อะไรอาจจะลงโทษเราก็ได้นะ พงษ์ ไม่เลือกสถานที่ ติ๋มอยากตาย”
“เดี๋ยวนะ เฉยๆ ก่อน จะลองพยายามดู โอ๊ย...”
เด็กหนุ่มซี๊ดปากด้วยความเจ็บปวดที่สุด
“ติ๋มเกือบจะขาดใจ ทรมานเหลือเกิน”
เด็กหนุ่มนิ่งเฉยไปแล้ว ไม่อาจจะขยับเขยื้อนร่างกายตัวเองอีกได้ลมพัดอ่อนแรงลง แต่ประเดี๋ยวเดียวมันก็หมุนติ้วๆ มาอีกครั้ง บุคคลทั้งคู่อ่อนระโหย เหน็ดเหนื่อยและเมื่อยล้า
ก่อนที่สติสัมปชัญญะจะสงบหลุดลอยไปนั้น ทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงใครคนหนึ่งแว่วมา
“...เอ็งจงฟังข้า...ไอ้...หน็อย สิ้นคิดเหลือเกิน..ลามกอนาจารจนกระทั่งเห็นที่นี่เป็นที่รองรับตัณหาราคะของพวกเอ็ง รู้เอาไว้ด้วย...ข้าจะบันดาลให้เอ็งอยู่กันอย่างนี้เหมือนสัตว์สี่เท้าข้างถนน เดรัจฉานโลกนั่นแหละ เอ็งจะไม่มีวันออกจากกันได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า...”
ท่านรัฐมนตรีกับคุณหญิงเร่งรุดมาที่โรงพยาบาล ทันทีเมื่อทราบข่าวร้าย ข่าวลูกสาวคนสวยคนเดียวของท่านมีอันเป็นไปแล้ว
นายแพทย์ประจำโรงพยาบาลโทรศัพท์ติดต่อไปว่านาเรศป่วยมาก ป่วยอย่างกะทันหันด้วย อาจจะต้องรีบทำการผ่าตัดโดยด่วนที่สุด “ลูกสาวของดิฉันเป็นอะไรไปคะ หมอ ?”
คุณหญิงถามนายแพทย์ผู้อำนวยการด้วยความร้อนรน ท่านรัฐมนตรีว่าการก็หน้าเสีย พูดอะไรยังไม่ออก
นายแพทย์ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหนักใจ
“โรคประหลาดมากครับท่าน ไม่เคยปรากฏมาก่อนในโลก”
“อะไรกันคะ คุณหมอ ?”
“ลูกหมากโต เบ่งบานออกมาผิดปกติ จนกระทั่งคับบวมเป่งตรึงอยู่ภายในเอาออกมาไม่ได้”
“...?...” คุณหญิงตะโกนออกมาก้องโรงพยาบาลด้วยความลืมตัว
“หมายความว่าอะไรกันนะ คุณหมอ ?”ท่านรัฐมนตรีว่าการหลุดปากออกมาด้วยเสียงอันดังเช่นเดียวกัน
“ครับผม มีพลเมืองดีพบคุณนาเรศบุตรสาวของใต้เท้าที่ซอย 65 สุขุมวิทสุดซอย บนเนินดินที่มีต้นไม้ใหญ่ๆ ขึ้นอยู่ ผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกับคุณนาเรศก็อยู่ด้วยกัน ทั้งคู่อยู่ในลักษณะ เอ้อ...มีเพศสัมพันธ์ต่อกันแต่ประทานโทษเถอะครับ ฝ่ายชายไม่อาจจะออกมาได้จากตรงนั้น ประหลาดแท้ๆ ยังไม่เคยมีในคนเลย นอกจากสัตว์บางประเภทเท่านั้น ผมเองก็ไม่เข้าใจว่า ทำไม ?”
“โธ่ นาเรศ...”
คุณหญิงลมใส่ตรงนี้เอง ร่างอ้วนๆ ทรุดลงกับพื้น ดีแต่ท่านรัฐมนตรีกับนายแพทย์ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรีบประคองเอาไว้ได้จวนเจียนจะหลุดมือ รีบจัดการปฐมพยาบาลทันที
อนิจจา...นาเรศ...!!!
>>>>> จบ >>>>> |
|
|
|
    |
 |
admin
บัวทอง


เข้าร่วม: 15 ธ.ค. 2004
ตอบ: 1886
|
ตอบเมื่อ:
17 ธ.ค.2004, 11:22 pm |
  |
ขอขอบพระคุณ... คุณสมเกียรติ สกุลมนูชัย
creative_station@yahoo.com
สมาชิกลำดับที่ : 90 เป็นพิเศษ
สำหรับการเป็นผู้พิมพ์เนื้อหาทั้งหมดของเรื่อง "เนินอาถรรพ์"
โดย พ. พันธวัฒน์.....ลงในเว็บธรรมจักร นะค่ะ
ขอให้การเสียสละตนเองเพื่อส่วนรวมและพระพุทธศาสนา นำมาซึ่งความ
เจริญรุ่งเรืองร่มเย็นในพระธรรมของพระพุทธองค์นะค่ะ คุณสมเกียรติ |
|
|
|
    |
 |
1
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
29 ธ.ค.2004, 11:29 pm |
  |
|
|
 |
นิรทุกข์
บัวพ้นดิน

เข้าร่วม: 30 พ.ย. 2004
ตอบ: 54
|
ตอบเมื่อ:
03 ก.พ.2005, 10:13 am |
  |
ตัณหาราคะ นับวันยิ่งมีอำนาจรุนแรงยิ่งขึ้นเพราะมนุษย์ขาด สติสัมปะชัญญะไร้คุณธรรม พื้นฐานในความเป็นมนุษย์น้อยลงไปทุกวันเพราะส่วนมากมนุษย์ซึ่งกำเนิดหลังกึ่งพุทธกาล มักจะมาจากอเวจีมากกว่าจากสวรรค์ |
|
|
|
   |
 |
Angelina
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
07 ก.พ.2005, 2:03 am |
  |
ขอบคุณค่ะ ที่นำเรื่องดีๆ มาลง ติดตามเสมอค่ะ วัยรุ่นสมัยใหม่นี่ น่าจะมาอ่านนะค๊ะ เผื่อได้ข้อคิดบ้าง
ช่วงสุดท้ายที่เจอสองวัยรุ่นนี้ น่ากลัวจังเลยค่ะ อึ๊ยยยยย |
|
|
|
|
 |
แมวขาวมณี
บัวบาน


เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2006
ตอบ: 307
|
ตอบเมื่อ:
19 ส.ค. 2006, 9:19 pm |
  |
โอ๊ย.... น่ากลัวจังค่ะ เหมือนเรื่องที่วัดแถวๆ ปากท่อเลย แต่ไม่ทราบรายละเอียดประมาณว่า ทางวัดกำลังก่อสร้างพระอุโบสถขึ้นพื้น ฝา แล้วก็หลังคาแล้วเป็นปูนยังไม่ได้ฉาบ (จากที่ขับรถผ่านเมื่อเร็วๆ นี้) มีคืนหนึ่ง สองหนุ่มสาวจากไหนไม่ทราบมาทำบัดสีกันในนี้ แล้วเกิดติดกันแยกไม่ออก ไม่เสียชีวิตที่โรงพยาบาล จริงเท็จอย่างไร ไม่ทราบได้ แต่งานสร้างอุโบสถก็หยุดอยู่แค่นั้นจนบัดนี้
อนิจจา
 |
|
|
|
   |
 |
ไลลารินทร์
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 14 ก.ค. 2006
ตอบ: 64
|
ตอบเมื่อ:
16 มี.ค.2007, 4:09 pm |
  |
 |
|
_________________ เชื่อ ศรัทธา และเคารพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ด้วยหัวใจอย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ |
|
   |
 |
ไม้อ่อน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 09 เม.ย. 2007
ตอบ: 62
|
ตอบเมื่อ:
04 พ.ค.2007, 12:22 pm |
  |
ทำชั่วได้ชั่วจริงๆ เลยหนอ อนุโมทนาแก่ผู้เผยแพร่  |
|
_________________
 |
|
  |
 |
|