ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
กชพร
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 09 เม.ย. 2005
ตอบ: 8
|
ตอบเมื่อ:
09 เม.ย.2005, 7:58 am |
  |
เลิกกับสามี มีบุตรชายเพียงคนเดียว อายุ 21 ปี แต่เมื่อ 18 มีนาคม 2548 กลับเสียชีวิตอย่างกระทันหัน ด้วยการนอนหลับไปแล้วไม่ฟื้นตื่นมาอีก ทำใจให้ยอมรับกับการที่ลูกจากไปยังไม่ได้เลย บางครั้งคิดว่าตัวเองฝันไปหรือปล่าว ควรจะปฏิบัติตัวปฏิบัติใจอย่างไร ขอท่านผู้รู้ช่วยอนุเคราะห์ด้วยค่ะ  |
|
_________________ คนเราเมื่อมีความทุกข์ การที่มีใครสักคนพร้อมที่จะรับฟังและให้คำปรึกษา ถือว่าผู้นั้นเป็นมิตรแท้อย่างยิ่ง |
|
   |
 |
ผ่านมา
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 เม.ย.2005, 12:07 pm |
  |
เสียใจด้วยค่ะ อย่าคิดมาก และหมกมุ่นกับเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นเลยนะค่ะ ใช้เวลาที่เหลืออยู่ปฏิบัติธรรม เพือสร้างคุณค่าให้กับตนเองและอุทิศบุญ กุศลนี้ให้แก่ผู้จากไปเถอะค่ะ |
|
|
|
|
 |
เพื่อนธรรม
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 เม.ย.2005, 1:41 pm |
  |
โห ..... หลับไปแล้วไม่ตื่น นี่เป็นการตายที่ทรมานน้อยที่สุดเลยน๊ะเนี่ย
ผมเองจะได้อย่างนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้
คุณต้องพิจารณาให้แยบคายกว่านี้ว่า ความตายเป็นเรื่องธรรมด๊าธรรมดาที่สุด เราเองก็นั่นแหละเหมือนกันเลย ขณะจิตที่ทุกข์ก็ต้องทุกข์ เพราะได้ยึดมั่นมานานว่านั่นคือลูกของเรา เราเป็นแม่ อะไรทำนองนี้ คือแม้แต่ทุกข์ ถ้าเราบอกว่าเป็นของเรา อย่างนี้ก็เสร็จเลย ทุกข์เต็มร้อยแน่ๆ
เขาถึงต้องฉีดวัคซีน ด้วยการศึกษาธรรมะกันไว้แต่เนิ่นๆไงครับ
เคยรู้เรื่องขันธ์ 5 หรือเปล่า ความไม่ใช่ตัวตนอ่ะ
ตอนนี้ทุกข์ใช่ไหม ต้องพิจารณาตั้งแต่ว่ากายเป็นสักว่าธาตุ นั่นร่างกายใคร แน่ใจหรือว่านั่นเป็นร่างกายลูกของตน แล้วกายเธอเองล่ะ ของเธอแน่น๊ะ ไม่ใช่ดินน้ำลมไฟหรือ นี่ทางกายน๊ะตัวอย่าง
ความทุกข์ก็คือเวทนาอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นธรรมชาติของจิตซึ่งมีอยู่จริงในธรรมชาติ
คนที่มีสภาวะเหตุการณ์อย่างนี้ก็ทุกข์อย่างนี้ทุกคน เพราะนี่คือจิตดวงเดียวกัน
ธรรมชาติให้ลูกเต๋ามาหกด้าน โยนอย่างไรก็หกด้านนี่แหละ ไม่พ้นที่มีนี้ไปได้
คืนทุกอย่างให้ธรรมชาติไปเถอะครับ อย่าตู่ไปว่าสิ่งใดเป็นตัวเราของเราเลย
ผมเองก็ทยอยคืนไปเรื่อยๆครับ บางสิ่งมันยังไม่ได้คืนนั่นแหละทุกข์ทั้งนั้น
ขันธ์ 5
1. รูป ดิน น้ำ ลม ไฟ
2. เวทนา ทุกข์ สุข ไม่ทุกข์ไม่สุข
3. สัญญา ความจดจำในอายตนะทั้ง 5 ( แล้วมักยึดว่าเป็น ) มีบุคคล กาลเวลา สถานที่
4. สังขาร การปรุงแต่งสิ่งที่จดจำนั้นเป็นเรื่องราวยาวยืด
5. วิญญาณ สิ่งที่สัมผัสรับรู้ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ |
|
|
|
|
 |
รอย คีน(เบอร์16)
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 เม.ย.2005, 8:52 pm |
  |
คิดมากปวดหัวมาก
คิดน้อย ปวดหัวน้อย
ไม่คิดเลย ก้อไม่ปวดหัวเลย
จำเป็นด้วยเหรอที่ต้องเอาธรรมะเข้าข่ม
ไม่มีใคร บีบให้คุณคิด คุณคิดของคุณเอง
แล้วจะทำยังงัยดีล่ะ คำตอบอยู่ที่ใคร ก้อคุณงัย อยากเสียใจก้อคิดไป ไม่อยากเสียใจก้อไม่ต้องคิด |
|
|
|
|
 |
chanpapha
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 05 เม.ย. 2005
ตอบ: 16
|
ตอบเมื่อ:
09 เม.ย.2005, 9:28 pm |
  |
ความทุกข์โศกที่เกิดขึ้นจะมลายหายไปได้จากการปฏิบัติธรรมค่ะ แนะนำให้คุณปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งจะก่อให้เกิด สติ ปัญญา และความชุ่มเย็นแก่คุณในการที่จะดับทุกข์นี้ได้ และยังเป็นการสร้างบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ที่คุณจะอุทิศให้กับลูกชายอันเป็นที่รักของคุณได้ด้วยค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ  |
|
|
|
   |
 |
ปุ๋ย
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275
|
ตอบเมื่อ:
09 เม.ย.2005, 9:32 pm |
  |
คุณกชพร.....การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก หรือพลัดพรากจากของรักของชอบใจนั้น คุณลองพิจารณาซิว่า อย่าว่าแต่ชีวิตคนที่เรารัก หรือคนอื่น หรือแม้แต่ทรัพย์สินเงินทองมากมายก่ายกองทั้งหลายเหล่านั้นเลย แม้ชีวิตเราเองก็หนีไม่พ้นกฏของธรรมชาติที่เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นั้นไปได้
ตื่นจากความฝัน สมรสกับพระธรรม ควงคู่อยู่กับพระธรรม น้อมนำเข้ามาเป็นคู่จิตคู่ใจ เชื่อเถอะว่า พระธรรมจะอยู่เคียงข้างกชพรทุกลมหายใจเข้าออกตราบวันตาย ให้พระธรรมอยู่เป็นเพื่อนชีวิต พระธรรมไม่เคยทรยศกบฏรักเหมือนคู่ควงที่เป็นปุถุชนซึ่งมีรักอื่นเสมอด้วยตนไม่มี
เมื่อเสียใจ เศร้าใจ สลดใจ ต้องหลั่งน้ำตา พระธรรมนั่นแหละจะคอยซับน้ำตาและปลอบประโลมใจ อิทธิพลของพระธรรมจะทำให้น้ำตาตื้น หายเป็นปลิดทิ้งในที่สุด.....ชีวิตไม่มีใครเป็นเจ้าของมัน ชีวิตเป็นธรรมชาติ เป็นของธรรมชาติ ปล่อยวางมันเสีย เพียงกระแสธรรมชาติล้วนๆที่ไหลเรื่อยไปต่างหาก
ไหลพร้อมไปกับความไม่เที่ยงแท้แน่นอน คือ อนิจจัง ไหลไปท่ามกลางความทนอยู่ได้ยาก คือ ทุกขัง เพราะชีวิตไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ว่าใคร มันเป็น อนัตตา อย่างนั้นเอง
ปล่อยวางซะ.....วันหนึ่งที่ถึงวันที่เราต้องตาย ก็จงหลับตาตายไปด้วยจิต ที่ประภัสสรอยู่ตามธรรมชาติของมัน ไม่ต้องปรุงแต่งให้หนักอึ้ง เศร้าหมองด้วย อวิชชา ตัณหา อุปาทานอีกต่อไป ภพ ชาติ ทุกข์ ก็เป็นอันจบสิ้นลง ณ ขณะจิตที่สำคัญที่สุดนั้น...นั่นเอง
ธรรมะสวัสดี
มณี ปัทมะ ตารา |
|
|
|
   |
 |
ธรรมะวัฒนะ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
10 เม.ย.2005, 8:12 am |
  |
ความสมดุลแห่งธรรมชาติ มีได้ย่อมมีเสีย มีเกิดย่อมมีตาย มีด้าน
บวกย่อมมีด้านลบ ธรรมชาติมันเป็นเช่นนี้เอง ไม่มีเหตุผล ไม่อาจ
หาคำตอบได้ว่า ทำไม? ผู้ใดสามารถโน้มนำจิตใจให้คล้อยตาม
ธรรมชาติได้ย่อมไม่เกิดทุกข์ ผู้ใดทำใจให้คล้อยตามธรรมชาติไม่ได้
ย่อมทุกข์ใจอยู่ตลอดเวลา
ธรรมวัฒนะ พบรักเมื่อเฒ่าชรา |
|
|
|
|
 |
มโน
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
10 เม.ย.2005, 1:14 pm |
  |
คุณกชพร ต้องขอแสดงความเสียใจด้วย สิ่งที่ทำได้ขณะนี้ก็คือทำใจให้ยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ไม่มีใครที่เกิดมาแล้วล่วงพ้นความตายไปได้ จะช้าหรือเร็วก็แล้วแต่กรรม ขอให้ถือปฏิบัติแต่สิ่งดี ทำบุญอุทิศกุศลให้แก่บุตรที่รัก เมื่อจิตใจสงบ รับได้กับการที่คุณต้องดำเนินชีวิตอยู่ต่อไป คุณย่อมพบกับทางแห่งความสุข |
|
|
|
|
 |
กชพร
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 09 เม.ย. 2005
ตอบ: 8
|
ตอบเมื่อ:
13 เม.ย.2005, 4:22 pm |
  |
กราบขอบพระคุณ ท่านผู้มีธรรมะทุกท่าน ที่ได้ให้ข้อคิดโดยเอาหลักธรรมมาแนะนำ ดิฉันขอน้อมรับไว้เพื่อแก้ทุกข์ที่เกิดในใจ ขอกราบขอบพระคุณอีกครั้ง และขอให้บุญกุศลที่ทุกท่านได้ทำให้ดิฉันได้ข้อคิดเพื่อบำบักทุกข์นั้น ส่งให้ทุกท่านประภัสสรด้วยพระธรรม  |
|
|
|
   |
 |
TU
บัวทอง


เข้าร่วม: 23 พ.ค. 2004
ตอบ: 1589
|
ตอบเมื่อ:
21 เม.ย.2005, 9:56 am |
  |
ขอให้คุณกชพร ศึกษาประวัติของ
พระปฏาจาราเถรี เอตทัคคะในฝ่ายผู้ทรงพระวินัย
ที่สูญเสีย... สามี-ลูกทั้ง 2 คน-พ่อ-แม่-พี่ชาย ในเวลาไล่เลี่ยกัน จนเสียสติ
ท่านประสบทุกข์อันหนักหน่วงมากมาย
แล้วอาศัยธรรมเป็นที่พึ่งจนได้บรรลุพระอรหัตผล
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=6788
ไม่ใช่มีแต่เราเพียงคนเดียวเท่านั้นที่พบกับความสูญเสีย
ยังมีเพื่อนร่วมโลกอีกมากมายที่ประสบกับความสูญเสียนะค่ะ คุณกชพร |
|
|
|
    |
 |
|