|
 |
|
กำลังอ่านอยู่ : 5 คน |
|
|
|
|

สังฆทาน
คือ การถวายสิ่งของแก่พระโดยไม่เจาะจงว่าเป็นพระรูปใด
การให้โดยเจาะจงว่าเป็นพระรูปนั้น
ๆ เรียกว่า ปาฏิปุคคลิกทาน ได้บุญเหมือนกัน
แต่ได้บุญน้อยกว่าสังฆทาน
พระพุทธเจ้าตรัสว่า
ทานที่ให้เจาะจง เรากล่าวว่าเป็นปาฏิปุคลิกทาน
ปาฏิปุคลิกทานใด ๆ จะมีผลเท่าสังฆทานไม่ได้เลย
เมื่อเราไม่ได้เจาะจงพระสงฆ์รูปใดรูปหนึ่งโดยเฉพาะแล้วก็ถือเป็นสังฆทานทั้งสิ้น
เรียกว่ามีการเจาะจงหรือไม่เจาะจง เป็นใจความสำคัญของสังฆทาน
ตอนเช้า
ตักบาตรให้พระ 1 รูป ที่บิณฑบาตผ่านมา ก็เป็นสังฆทาน
ตอนสาย
ไปวัด หย่อนเงินลงตู้ทำบุญค่าน้ำค่าไฟ ก็เป็นสังฆทาน เพราะให้พระใช้ได้ทั้งวัด
ไม่เลือกพระองค์ใด
ตอนเพล
พระนั่งล้อมวงเป็นร้อยรูป ญาติโยมไปใส่บาตร ให้ท่าน 3 องค์บ้าง 5 องค์บ้าง
หรือทั้งร้อย ก็เป็นสังฆทาน
อยากทำบุญด้วยผ้าไตรสักชุดหนึ่ง
ก็จัดเตรียมแล้วไปหาพระ เมื่อพบพระองค์ใดก็ถวายท่าน ก็สำเร็จเป็นสังฆทาน
สังฆทาน
อยู่ที่เจตนาเจาะจงหรือไม่เจาะจง ไม่ได้อยู่ที่จำนวนพระ และไม่ได้อยู่ที่รายชื่อสิ่งของ
บางคนคิดว่าการถวายสังฆทาน คือ ต้องเป็นถังสีเหลือง ใส่ข้าวสาร ผงซักฟอก
ไม้ขีดไฟ สบู่ ฯลฯ นั่นเป็นเพียงของสำเร็จรูปที่คนค้าขายเขาจัดไว้ให้เพื่อขายเท่านั้น
ปัจจุบันข้าวของเครื่องใช้ บางทีมีมากมายจนล้นเหลือ พระไม่ได้ใช้ บุญก็ไม่เกิดแก่ผู้ให้
แต่พระต้องใช้น้ำใช้ไฟ การจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ค่ายารักษาโรค จึงเป็นบุญ
เพราะมีประโยชน์แก่พระสงฆ์โดยรวม
ในการทำสังฆทาน
ท่านสอนให้เรา ทำใจให้ยินดีในบุญกุศล ไม่ให้ยินดีในบุคคลผู้รับ
ทำใจให้ตรงแน่วต่อคุณของพระรัตนตรัยคือ พระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์
ทานอย่างนี้มีผลมาก เพราะเป็นการขัดเกลาจิตใจของตนไปด้วย
ที่ท่านสอนเช่นนี้ เพราะเราชอบมัวแต่ละล้าละลัง กังวลว่าผู้รับจะดีหรือไม่อย่างไร
คือ กลัวมาทำให้บุญเรามีตำหนินั่นแหละ ( ที่แท้ก็รักตัวเอง ) เลยเศร้าหมอง
ท่านจึงสอนให้เพ่งที่ได้ทำบุญกุศลได้ขัดเกลาจิตใจตนเองเป็นหลัก
|