วันเข้าพรรษา
เป็นวันที่พระสงฆ์เริ่มอยู่จำพรรษาตลอด
3 เดือน ในฤดูฝน ตั้งแต่วันแรม 1
ค่ำเดือน 8 จนถึงกลางเดือน 11 วันเข้าพรรษาที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตไว้มีอยู่
2 วันคือ
วันเข้าปุริมพรรษา
คือเข้าพรรษาแรก ตั้งแต่วันแรม 1
ค่ำ เดือน 8 ไปจนถึงวันเพ็ญกลางเดือน
11
วันเข้าปัจฉิมพรรษา
คือวันเข้าพรรษาหลัง ตั้งแต่วันแรม
1 ค่ำเดือน 9 ไปจนถึงวันเพ็ญเดือน
12
เมื่อเข้าพรรษาแล้วหากภิกษุมีกิจธุระจำเป็น
อันชอบด้วยพระวินัย พระพุทธเจ้าก็ทรงอนุญาตให้ไปได้
โดยมีข้อจำกัดว่าจะต้องกลับมายังสถานที่จำพรรษาเดิมภายใน
7 วัน ที่เรียกว่า สัตตาหกรณียะ ดังต่อไปนี้
1.
เมื่อทายกทายิกา ปราถนาจะบำเพ็ญกุศล
เมื่อมานิมนต์ก็ให้ไปเพื่อรักษาศรัทธาได้
2.
ถ้าสงฆ์ ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่งเกิดอธิกรณ์ขึ้น
ก็ให้ไปเพื่อระงับอธิกรณ์ได้
3.
ถ้าบิดา มารดา ญาติ พี่น้อง พระอุปัชฌาย์
อาจารย์ เป็นไข้ เมื่อทราบก็ให้ไปได้
4.
พระวิหารในที่แห่งอื่นเกิดชำรุดเสียหาย
ให้ไปหาสิ่งของเพื่อมาปฏิสังขรพระวิหารนั้นได้
5.
เมื่อถูกสัตว์ร้ายรบกวน ถูกโจรปล้น
พระวิหารถูกไฟไหม้ หรือถูกน้ำท่วม
ก็ให้ไปจากที่นั้นได้
6.
เมื่อชาวบ้านถูกโจรปล้น อพยพหนีไป
ก็ให้ไปกับพวกชาวบ้านได้ โดยให้ไปกับชาวบ้านที่มีความเลื่อมใสศรัทธาสามารถที่จะให้ความอุปถัมภ์ได้
7.
เมื่อที่ใดเกิดความขาดแคลน อาหารหรือยารักษาโรค
ขาดผู้อุปถัมภ์บำรุง ได้รับความลำบากก็อนุญาตให้ไปจากที่นั้นได้
8.
ถ้าหากมีผู้เอาทรัพย์มาล่อ ก็อนุญาตให้ไปจากที่นั้นได้
9.
หากภิกษุสงฆ์หรือภิกษุณีสงฆ์แตกกันหรือมีผู้พยายามจะให้แตกกัน
ถ้าการไปจากที่นั้นสามารถระงับการแตกกันได้
ก็อนุญาตให้ไปได้
ในวันเข้าพรรษา
ถือว่าเป็นกรณียกิจพิเศษสำหรับพระภิกษุสงฆ์
จะมีการประชุมกันในพระอุโบสถ ไหว้พระสวดมนต์
ขอขมาซึ่งกันและกัน เสร็จแล้วก็ประกอบพิธีเข้าพรรษา
ภิกษุจะอธิษฐานใจตนเองว่า ตลอดฤดูกาลเข้าพรรษานี้ตนเองจะไม่ไปไหน
ด้วยการเปล่งวาจาว่า
อิมสฺมึ
อาวาเส อิมํ เตมาสํ วสฺสํ อุเปมิ
หรือว่า
อิมสฺมึ วิหาเร อิมํ เตมาสํ วสฺสํ
อุเปมิ
แปลว่า
ข้าพเจ้าขออยู่จำพรรษาตลอด 3 เดือน
ในอาวาสนี้ หรือในวิหารนี้ (ว่า 3
ครั้ง)
หลังจากเสร็จพิธีเข้าพรรษาแล้วก็นำดอกไม้
ธูป เทียน ไปนมัสการปูชนียวัตถุที่สำคัญในอาวาสนั้น
ในวันต่อมาก็นำดอกไม้ ธูป เทียน ไปขอขมาพระอุปัชฌาย์อาจารย์
และพระเถระที่ตนเคารพนับถือ |