เว็บบอร์ด สนทนาธรรม สอบถามห้องแชดสนทนาธรรมสมุดเยี่ยม ฝากข้อความ ติชมรวมเว็บพระพุทธศาสนารวมรูปภาพ พุทธศิลป์ พระพุทธเจ้า พระพุทธรูป พระเจดีย์ พระสงฆ์
  ตั้งเป็นหน้าแรก   เก็บเข้า Favorites   สั่งพิมพ์   แจ้งปัญหา
   
 
 
 
สารบัญหลัก
  หน้าหลัก
  หนังสือธรรมะ
  บทสวดมนต์
  เสียงธรรม mp3
  เสียงสวดมนต์ mp3
  ห้องสวดมนต์ออนไลน์
  สมาธิ
  กฎแห่งกรรม
  วัดป่า-พระป่า
  วันสำคัญทางศาสนา
  ดาวน์โหลด e-book
  คำสอนจากครูบาอาจารย์
  บทความ..ธรรมจักร
  รูปภาพ
  กระดานสนทนา
  ห้องสนทนา
  สมุดเยี่ยม
  รวมเว็บ
  ติดต่อทีมงาน
ขึ้นบน
 
เว็บบอร์ด
  สนทนาธรรม
  ข่าวกิจกรรม
  สติปัฏฐาน
  สมาธิ
  กฎแห่งกรรม
  นิทานธรรมะ
  หนังสือธรรมะ
  บทความธรรมะ
  กวีธรรม
  นานาสาระ
  วิทยุธรรมะ
  สถานที่ปฏิบัติธรรม
  เสียงธรรมออนไลน์
  เสียงสวดมนต์ออนไลน์
  พระพุทธเจ้า
  ประวัติอสีติมหาสาวก
  ประวัติเอตทัคคะ
  ประวัติครูบาอาจารย์
 
 
^-^ มาฝึกสมาธิกันดีกว่า ^-^
 
@ อยากรู้  ประวัติศาสตร์ วงล้อมธรรมจักร ลัญลักษณ์ของพุทธศาสนา  คลิกอ่าน @
 
รวมเว็บพระพุทธศาสนา แบ่งออกเป็นหมวดหมู่ ง่ายต่อการค้นคว้าหาข้อมูล
 
คำสอนของครูบาอาจารย์ เช่นหลวงปู่ดูลย์,หลวงปู่เทสก์,หลวงพ่อชา,หลวงพ่อพุธ,หลวงพ่อจรัญ,พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) เป็นต้น
 
อัลบั้มภาพพระพุทธศาสนา
 
เรือนธรรม - บ้านพักผ่อนทางจิตใจด้วยธรรมะ
 
ขอเชิญเข้ามาร่วมสนทนาธรรมด้วยกันครับ
 
ดูซิ ! ว่ามีใครอยู่ในห้องบ้าง
 
ฝากข้อความติชมของท่านได้ที่นี่ครับ
 
 
 
 
   ธรรมจักร   หนังสือธรรมะ คู่มือทำความดี ปรับขนาดตัวอักษร เพิ่มขนาด ลดขนาด ขนาดปกติ  
 

คู่มือทำความดี
หน้า 2
น. พึ่งพระธรรม


          ที่นี้ ทำอย่างไรจึงจะเป็นคนดีได้ตลอดไป

          ประการแรกก็คือ ต้องฝึกตนเองให้เป็นคนมีเมตตา ไม่ข่มเหงรังแกสัตว์ ไม่ทรมานสัตว์ ไม่กักขังหน่วงเหนี่ยวให้หมดอิสรภาพ ไม่ยกย่องสรรเสริญคนที่ประทุษร้ายสัตว์ เมื่อจิตเราพัฒนาขึ้นจนเกิดเมตตาในสรรพสัตว์หวังความสุขความเจริญแก่คนและสัตว์ทั้งหลาย จนเคยชินเป็นปกตินิสัยแล้ว จะทำให้เรามีจิตใจสูงขึ้น จนไม่คิดอยากจะข่มเหงรังแกเพื่อนหรือผู้ที่อ่อนแอกว่าเรา

          ประการที่ 2 คือ เว้นจากการลักขโมยทรัพย์ สิ่งของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้ ไม่ว่าทรัพย์นั้นจะอยู่ในที่ใดก็ตาม คิดเตือนใจเตือนตนไว้เสมอว่า เราหวงแหนในทรัพย์สิ่งของ ๆ เราอย่างไร คนอื่นเขาก็หวงแหนในทรัพย์สิ่งของ ๆ เขาเหมือนเราเช่นกัน ตั้งใจไว้ให้มั่นคงตลอดไปว่า เราจะไม่ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขามิได้ให้ และจะไม่ใช้ให้ผู้อื่นทำแทนเราด้วย และจะไม่ยกย่องสรรเสริญคนที่ทำเช่นนั้นด้วย

          3. มีความซื่อสัตย์จริงใจ โอบอ้อมอารี ต่อเพื่อนร่วมชั้น ร่วมโรงเรียน หรือเพื่อนนักเรียน นักศึกษาต่างโรงเรียน ต่างสถาบันทุกคน และไม่ยกย่องสนับสนุนผู้ที่ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต ผู้ที่คิดทรยศหักหลังเพื่อนฝูง

          ถ้าหากได้ฝึกตนให้มีปกตินิสัยได้ดังกล่าวมานี้แล้ว เมื่อผ่านวัยเด็กจบการศึกษาเล่าเรียนเจริญเติบโตจนถึงวัยมีเหย้าเรือน ก็จะเป็นคนดีมีนิสัยที่ซื่อสัตย์ต่อคู่ครองของตน วิถีชีวิตก็จะพบแต่ความสันติสุขตลอดไป

          4. งดเว้นจากการพูดเท็จ คำไม่จริงโกหก หลอกลวง พูดเฉพาะคำสัตย์คำจริง พูดไปตามที่ได้เห็น ได้ยิน ได้ทราบ ได้รู้มาอย่างไรก็พูดไปอย่างนั้น หากไม่ได้เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้ทราบ ไม่รู้ ก็ปฏิเสธไป โดยไม่พูดขยายเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ เรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก นอกจากจะไม่พูดปดด้วยตนเองแล้ว จะต้องไม่สนับสนุนหรือยกย่องสรรเสริญให้คนอื่นพูดปดด้วย ฝึกฝนให้มีปกตินิสัยติดตัวก็จะสามารถดำรงตนอยู่ในสัจจะวาจาอย่างมั่นคง

          5. งดเว้นจากการพูดส่อเสียด คำส่อเสียด คือการนำความข้างนี้ไปบอกข้างโน้นนำความข้างโน้มมาบอกข้างนี้ เพื่อต้องการให้คนสองฝ่ายแตกแยกกัน ทะเลาะกัน การมีเจตนาเช่นนี้ อาจจะเกิดจากความโลภในผลประโยชน์ที่ตนจะได้จากคนทั้งสองฝ่าย หรือความโกรธต้องการทำลายคนทั้งสองฝ่าย หรือมีความต้องการให้สะใจ ต้องการดูคนแตกแยกกัน มีลักษณะเป็นสัญชาตญาณดิบในใจของสัตว์โลก คือชอบดูความเดือดร้อนของคนอื่น สัตว์อื่น ในทางปฏิบัตินอกจากจะงดเว้นไม่พูดลักษณะนั้นแล้ว จะต้องไม่ส่งเสริมให้คนอื่นพูด และไม่ยกย่องคนที่พูดเช่นนั้นด้วย จะพูดเฉพาะในทางที่ส่งเสริมความสามัคคี ด้วยความรักความเมตตา หวังดีต่อคนอื่นเป็นสำคัญ

          6. งดเว้นจากการพูดคำหยาบ คำหยาบ คือคำพูดที่พูดด้วยความโกรธ ความริษยา ความเบียดเบียน มุ่งให้เกิดความวิบัติเสื่อมเสียไม่สบายกายใจแก่คนที่ตนพูดด้วย เช่น คำด่าในลักษณะต่าง ๆ แต่ในเรื่องคำหยาบนั้นบางกรณีถ้อยคำอาจจะหยาบ แต่เจตนาแล้วมุ่งในธรรม มุ่งสั่งสอน เพื่อกระตุ้นเตือนให้คนอื่นที่ตนพูดด้วยเป็นคนดี เช่น มารดา บิดา ครู อาจารย์ กัลยาณมิตร ตำหนิด่าว่าคนอันเป็นที่รักของตน เมื่อคนเหล่านั้นทำสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควร ท่านไม่จัดเป็นคำหยาบ เพราะเป็นคำพูดที่เกิดจากความเมตตา ความหวังดี การงดเว้นวาจาหยาบนั้น นอกจากไม่พูดด้วยตนเองแล้ว ต้องไม่แนะนำให้คนอื่นพูด ไม่ยกย่องชมเชยคนที่พูดคำหยาบด้วย และฝึกฝนตนเองให้เป็นคนพูดวาจาที่ไพเราะอ่อนหวานเป็นปกตินิสัย

          7. งดเว้นการพูดเพ้อเจ้อ เหลวไหลไร้สาระ คำเพ้อเจ้อนั้น คือคำพูดที่ไม่มีเหตุผลไม่เป็นอรรถเป็นธรรม ทั้งคนพูดคนฟังเสียเวลาไปโดยไม่เกิดประโยชน์อะไร แต่คนทั่วไปจะนิยมคำพูดในลักษณะนี้มาก คนดีนั้นนอกจากจะไม่พูดเพ้อเจ้อด้วยตนเอง ยังไม่สนับสนุนคนอื่นให้พูดเพ้อเจ้อด้วย ทั้งไม่ยกย่องชมเชยให้ความสำคัญแก่คนที่พูดในลักษณะนี้ด้วย เมื่อถึงคราวที่ตนจะพูดก็พูดเฉพาะเรื่องที่มีประโยชน์แก่ผู้ฟัง ที่ท่านเรียกว่า มีวาจาเป็นสุภาษิต

          8. ไม่เพ่งเล็งโลภอยากได้ของเขาในทางทุจริต ต้องฝึกฝนอบรมปรับสภาพจิตของเราให้สามารถควบคุมความโลภไว้ได้ อย่าให้ถึงกับโลภอยากได้ของ ๆ คนอื่นในทางที่ไม่ชอบไม่ควร มีคนเป็นส่วนมากที่เข้าใจผิดในคำสอนของพระพุทธเจ้า โดยเข้าใจว่าพระพุทธเจ้าสอนไม่ให้โลภ เมื่อไม่โลภแล้วจะรวยได้อย่างไร จริงอยู่พระพุทธองค์ทองสอนให้ละความโลภ ความโกรธ ความหลง แต่ถ้าผู้ใดยังละไม่ได้ก็เป็นเรื่องเฉพาะตัวของบุคคลผู้นั้นเอง มิใช่เป็นเรื่องเสียหาย ถ้าหากว่าผู้นั้นรู้จักควบคุมความโลภของตนให้อยู่ในขอบเขตที่ชอบที่ควร ไม่ถึงกับโลภอยากได้ของ ๆ คนอื่นในทางที่ผิด หรือโลภมากเกินขอบเขต คิดรวยทางลัดถึงกับค้าขายของเถื่อน ของเสพติดที่ผิดกฎหมาย เป็นต้น ก็ต้องเดือดร้อนแน่นอน

          อย่าลืมว่า พระพุทธเจ้าทรงสอนให้คนทั้งหลายหมั่นขยันในการประกอบอาชีพในทางสุจริต ทรงชี้ให้เห็นโทษของความเกียจคร้านทำการงาน หากต้องการจะได้ทรัพย์สิน เงินทอง ลาภ ยศ ก็ใช้ความพยายามแสวงหาเพื่อให้ได้สิ่งนั้นมาในทางสุจริตชอบด้วยกฎหมาย จะได้ว่ากี่ร้อยล้าน กี่พ้นล้าน ก็ไม่เสียหายไม่ผิดศีลผิดธรรมแต่ประการใด เพราะได้มาในทางสุจริต ทรงสอนให้พัฒนาจิตของตนให้อยู่ในศีลในธรรม มีความพร้อมที่จะเสียสละ บริจาค สงเคราะห์คนทั้งหลายด้วยความเมตตากรุณา มีอัธยาศัยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่โอบอ้อมอารีต่อคนทั้งหลาย ที่เรียกว่าเป็นคนมีน้ำใจงามนั่นเอง

          9. ไม่คิดพยาบาทปองร้ายใคร แน่นอนในขั้นมิได้หมายความว่าสามารถละความโกรธได้เด็ดขาด แต่ว่าแม้จะโกรธ ไม่พอใจ ไม่ยินดี หรือหงุดหงิดไปบ้าง ก็ไม่ถึงกับเก็บเรื่องเหล่านั้นมาเป็นเรื่องที่ต้องอาฆาต พยาบาท คิดจองล้างจองผลาญ ทำลายล้างกัน สามารถควบคุมอารมณ์ข่มใจได้ มีความพร้อมที่จะอดทนให้อภัย รอคอย และพิจารณาเห็นความจริงตามกฎของกรรม จนถึงสามารถมองเห็นความจริงว่า เวรย่อมไม่สงบระงับไปเพราะการจองเวร แต่จะสามารถสงบไปได้เพราะการไม่จองเวร แม้คนอื่น จะจองเวรกับเรา ก็ไม่สนใจที่จะจองเวรตอบ จนสามารถพัฒนาจิตใจให้เปี่ยมด้วยเมตตาในคนในสัตว์ทั้งหลายเป็นปกตินิสัย

 

 
หน้า 1 l 2 l 3
ดาวน์โหลด หนังสือเล่มนี้
 
 
 
 
 
 
 
  หน้าหลัก l หนังสือธรรมะ l เสียงสวดมนต์ mp3 l เสียงธรรม mp3 l บทสวดมนต์ l สมาธิ l รูปภาพ
ดาวน์โหลด e-book l ห้องสวดมนต์ออนไลน์  l กระดานสนทนา l ห้องสนทนา chat  l สมุดเยี่ยม lรวมเว็บ
 
จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
ขึ้นบน