ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
จิรเดช เกิดศิริ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.พ.2005, 12:13 am |
|
ผมเองเป็นอีกคนหนึ่งที่อยากจะพบกับแม่ชีธนพร ผมอยากรู้เรื่องกรรมของผมในชาติก่อน และอยากรู้ว่าเมื่อชาติก่อนของผม ผมเป็นใครและทำอะรัย หากใครรู้จักกับแม่ชีธนพรล่ะก็ขอความกรุณาเถอะครับ ช่วยบอกผมหน่อย ผมอยากพบมาก |
|
|
|
|
|
นิรทุกข์
บัวพ้นดิน
เข้าร่วม: 30 พ.ย. 2004
ตอบ: 54
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.พ.2005, 9:04 am |
|
ใบไม้ในมือกับในป่าที่ไหนมีมากกว่ากัน |
|
|
|
|
|
Carnival
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.พ.2005, 3:03 pm |
|
หวัดดีค่ะ คือ อยากทราบว่าที่อยู่ของแม่ชีธนพร อยู่ที่วัดไหนคะ คือว่ารู้ชื่อวัดค่ะ แต่ไม่รู้ว่า จังหวัดอะรัย และต้องไปยังไง เดินทางยังไง แล้วถ้านู๋จะไปหาแม่ชีที่วัดจะได้มั้ยคะ ต้องนัดรึเปล่าคะ แล้วถ้าอยากจะพูดคุยกับแม่ชีตัวต่อตัวกันเลยจะได้มั้ยคะ และต้องทำไงบ้างคะ คือมีเรื่องจะปรึกษาจริงๆ ค่ะ คือ เรื่องนี้มันพูดกับครัยไม่ได้ค่ะต้องการที่จะพูดกับแม่ชีคนเดียวค่ะ พอมีแนวทางบ้างมั้ยคะ ต้องรีบน่อยนะคะ เพราะว่าเดี๋ยวไม่ทันค่ะ งัยก็ช่วยตอบมาทางเมล์ด้วยนะคะ ขอบคุณมาล่วงหน้าค่ะ |
|
|
|
|
|
- สายลม -
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.พ.2005, 11:00 pm |
|
แม่ชี อยู่วัดพิชัยญาติ เขตคลองสาน กทม.
วัดพิชัยญาติ (วงเวียนเล็ก) อยู่ใกล้สะพานพุทธฯ, สะพานปกเกล้าฯ, ตรงข้ามกับโรงเรียนศึกษานารี ถ้ามาจากฝั่งพระนคร ข้ามสะพานทั้งสอง พอลงสะพาน สังเกต วัดจะอยู่ด้านซ้ายมือ มีเจดีย์เป็นยอดพระปรางค์สีขาว นั่นแหละวัดพิชัยญาติ
ถ้ามาจากวงเวียนใหญ่ วัดจะอยู่ด้านขวามือ ก่อนขึ้นสะพานพุทธฯ, สะพานปกเกล้าฯ ก็จะเห็นวัด ที่จริงคลองสาน หรือมาทางศิริราช ถนนอรุณอัมรินทร์ ก็ได้นะ
ได้ข่าวว่าที่วัดจะรับสมัครอบรมกรรมฐาน ในวันเสาร์อาทิตย์ (วันไม่ทราบ) ก็ดูกรรมก็จะมีกฎเกณฑ์คือ แม่ชีจะทำการเสี่ยงทาย โดยการหยิบหางเลขของผู้อบรม เพราะผู้ที่เข้าอบรมจะได้รับหมายเลข แม่ชีหยิบหมายเลขของผู้ใดก็จะให้แก่คนนั้น อาทิตย์หนึ่งก็ไม่ดูกี่คนเท่านั้น ส่วนคนที่พลาดโอกาสก็ต้องมีใหม่อาทิตย์หน้าและอาทิตย์ต่อๆๆ ไป
จะไม่มีการดูให้กับคนที่ไปนอกเวลาอบรม คือต้องไปสมัครอบรมกรรมฐานเท่านั้นจะมีสิทธิ์ได้ดู นะครับ (ได้ยินมา จริงเท็จอย่างไรก็เสี่ยงดูนะครับ) |
|
|
|
|
|
want use
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
25 ก.พ.2005, 8:31 pm |
|
แล้ววิธีที่เราสามารถลดกรรมหนักให้เบาลงมีหรือเปล่า
ตอบกระทู้นี้เถอะนะ |
|
|
|
|
|
สุนทร 2
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
11 มี.ค.2005, 11:57 am |
|
ผมก็อ่านเหมือนกัน เกิดแต่กรรม 1 เดี๋ยวนี้มีออกมาอีกเล่มเป็นเล่ม 2
เล่ม 2 ดูจะออกไปทางปาฏิหาร ไม่ค่อยแน่ใจคงต้องใช้ปัญญาพิจารณาอีกมาก อย่าให้ออกไปทางพราหมน์จะกลายเป็นผู้วิเศษจะไปกันใหญ่ ขออย่าให้เป็นอย่างอดีตพระที่ดัง ๆ จนคนหลงงมงาย ก็ขอให้พิจารณากันต่อไป
เพราะในอดีตที่ดัง ๆ กันทั้งหลายไม่เห็นรอดสักราย ถ้าดีตลอดไป
ขออนุโมทนา |
|
|
|
|
|
สายลม
บัวเงิน
เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245
|
ตอบเมื่อ:
16 มี.ค.2005, 6:02 pm |
|
|
|
|
ลุงข้างบ้าน
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
17 มี.ค.2005, 2:04 pm |
|
เอ่อ..............ถ้ารู้อดีตแล้วไงต่อ เปลี่ยนนิสัยเลยมั้ย
นับถือพระพุทธเจ้ามากขึ้น หรือต้องนับถือแม่ชีมากขึ้น
พระธรรมของพระพุทธองค์คือสุดยอดแล้ว อย่าหลงทางเลย |
|
|
|
|
|
สายลม
บัวเงิน
เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245
|
ตอบเมื่อ:
17 มี.ค.2005, 5:41 pm |
|
ตอบคุณลุงข้างบ้าน
อาจจะเป็นได้ทั้งสองอย่าง ทั้งที่คุณคิด และไม่คิด
ถ้าเป็นอย่างที่คุณคิด ที่คุณคิดว่าเค้าเหล่านั้นหลง ก็ยังดี
ดีกว่าเค้าเหล่านั้นไม่มีอะไรนับถือ ไม่มีอะไรเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวใจเลย
แต่ถ้าเป็นอย่างที่คุณไม่คิด คือเค้าเหล่านั้นไม่ได้หลง และนับถือพระพุทธเจ้า และพระธรรม
คือหลักคำสอน เพราะกรรม หรือกฎแห่งกรรม ก็เป็นเรื่องมีสอนในพระพุทธศาสนา และมีสอนได้ละเอียดมากที่สุด เป็นการสอนให้เชื่อกฎแห่งกรรม ทำอย่างไรก็ได้รับผลอย่างนั้น เป็นการสอนให้เชื่อในการกระทำของตัวเอง เชือผลของการกระทำของตัวเอง ที่จะได้รับในปัจจุบัน และอนาคต อันเป็นสืบเนื่องของการกระทำในอดีต และปัจจุบัน
คนหลายคนเปลี่ยนนิสัยของตัวเองได้ เมื่อย่อมรับความจริง ของกฎแห่งกรรม
ที่บอกนี้ไม่จำกัดเพียงกลุ่มของแม่ชีทศพรเท่านั้น การสอนลักษณะในปัจจุบันก็ยังมี
เช่น หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี
ที่กล่าวนี้ไม่ใช่กล่าวเข้าข้างตัวเอง หรือเข้าข้างแม่ชี ส่วนตัวแล้วไม่ค่อยไปอบรมหรือให้แม่ชีดูอดีตให้หรอก แล้วก็ไม่ริ้นรนด้วย แต่ที่นำมาบอกกล่าวนี้ก็เห็นว่าเป็นสิ่งดีที่น่าสนับสนุนบอกกล่าวต่อๆ ไป ทำให้คนที่ไม่สนใจศาสนา ได้หันมาสนใจ แม้เพียงกระพี้แต่ขอให้เค้าสนใจจริงๆ ก็จะได้รับผลทั้งตัวเอง และคนรอบข้าง |
|
|
|
|
|
ใจจริง
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
12 เม.ย.2005, 12:45 pm |
|
ปัจจุบันครูบาอาจารย์สายวิปัสสนาหลายองค์ ท่านตั้งหน้าตั้งตาแก้กรรมให้กับหมู่ชนอยู่แล้วครับ วิธีแก้กรรมท่านสอน เรื่องเบญจศีลเบญจธรรม และศึลแปด กุศลกรรมบท การปฏิบัติจิตภาวนาป้องกันการก่ออกุศลกรรมเป็นวิตามินให้ใจ (ดั่งวิตามินกายไว้ป้องกันโรค) อาจารย์เหล่านั้นท่านแก้กรรมตำรับพระพุทธเจ้าโดยตรง คนเป็นจำนวนมากก็หมั่นใปฝึกหัดปฏิบัติกับท่าน หนังสือเรื่องหลักธรรมะปฏิบัติซึ่งก็เป็นเรื่องของการแก้กรรมโดยตรงท่านก็พิมพ์ไว้แจกฟรี ท่านไม่ขาย และก็ไม่มีการโปรโมทหนังสือ สื่อมวลชนหลายแขนงก็พิมพ์เผยแพร่ถวายด้วยความสัมมาศรัทธา.... ทั้งๆที่ท่านทราบเรื่องอดีตและอนาคตของแต่ละคนเป็นอย่างดีแต่ท่านก็เมตตาไม่พูด (ท่านมักจะเตือนให้ทำดีตรงๆ ไปเลย) ท่านไม่อวดตัวว่าเป็นผู้วิเศษมีตาทิพย์ เพราะ ท่านเป็นผู้ตื่น ผู้รู้ ผู้เบิกบาน ด้วยธรรม อย่างแท้จริง ท่านไม่หิวเงิน ไม่แสวงหาลูกศิษย์ ไม่แสวงหาสรรเสริญ ท่านเล็งเห็นว่าการเป็นหมอดูทำนายทายทักให้กับผู้คนได้ประโยชน์น้อย แต่ได้โทษมาก....ขอให้ตรึกตรองดูเถิดว่า หากคุณทราบว่า อดีตของคุณเคยไปโกงเงินนายจันท์ สิบล้านบาท แล้วตายไป ชาตินี้คุณจะต้องไปตามหานายจันท์ว่าอยู่ที่ไหนแล้วคุณก็ต้องหาเงินไปใช้นายจันท์ทั้งเงินต้นบวกดอกเบี้ย คุณจะทำมั๊ย คุณจะว่าไง...หรือ ถ้าชีดูหมอบอกว่า เห็นคุณเมื่ออดีตชาติเป็นคนเนรคุณต่อพ่อแม่ ไม่เลี้ยงดู เอาแต่รีดไถเงินพ่อแม่ไปหมดแล้วปล่อยให้เค้าลำบากจนตายไป คุณจะไปหาเลี้ยงดูพ่อแม่เมื่ออดีตชาติได้ที่ไหน หากว่า พ่อแม่ยังไม่ได้มาเกิดร่วมชาติกับคุณในชาตินี้คุณจะทำอย่างไร (ถ้าคุณไปเข้าพิธีถ่ายบาป แก้กรรม ก็เข้าข่ายศาสนาอื่นที่เค้าไปซื้อขายไถ่ถอนบาปกันได้) ขอให้พี่น้องประชาชนจงใช้เหตุผลตรึกตรองดู...... |
|
|
|
|
|
ใจจริง
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
12 เม.ย.2005, 1:01 pm |
|
อดีต คือ ความปด อนาคต คือ ความฝัน ปัจจุบันคือความจริง
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนเรื่องควรเชื่อในสิ่งที่เป็นเหตุผลพิสูจน์ได้ ในกาลาสูตร ข้อสาม พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ว่า "อย่าได้เชื่อเพียงสักว่า กิติศัพท์อันเป็นข่าวลือ" และข้อแปด พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสอนว่า "อย่าได้เชื่อเพียงสักว่า ชอบใจที่เข้ากันได้กับทิฐิของเรา" |
|
|
|
|
|
ใจจริง
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
12 เม.ย.2005, 1:24 pm |
|
อะภิณหะปัจจะเวกขะณะ " กัมมัสะโกมหิ กัมมะทายาโท กัมมะโยนิ กัมมะพันธุ กัมมะปฏิสะระโณ" แปลว่า เรามีกรรมเป็นของๆ ตน มีกรรมเป็นผู้ให้ผล มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นผู้ติดตาม มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย ยัง กัมมังกะริสสามิ กัลยาณังวา ปาปะกัง วา ตัสสะทายาโท ภะวิสสามิ แปลว่า เราจักทำกรรมอันใดไว้ เป็นบุญหรือเป็นบาป เราจักเป็นทายาท คือว่า จะต้องได้รับผลของกรรมนั้นสืบไป เอวัง อัมเหหิ อะภิณหัง ปัจจะเวกขิตัพพัง เราทั้งหลาย ควรพิจารณาอย่างนี้ทุกวันๆ เถิด ข้างต้นทั้งหมดนี้เป็นพระธรรมคำสอนแห่งองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ท่านมีพระมหากรุณาธิคุณเตือนสติชาวโลก ดังนี้แล |
|
|
|
|
|
เด็กบ้านนา
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
04 พ.ค.2005, 4:29 pm |
|
ผมได้ซื้อหนังสื่อ ของท่านแม่ชี ทั้งสองเล่ม ผมอ่านแล้วก็ถือว่าดีมาก ดีตรงที่ว่า ทำให้เรากลัวบาปกรรม เป็นหนังสื่อที่สอนให้คนรู้จักทำความดี ผมคิดว่า ไม่มีอะไรที่ต้องผิด คนเราถ้าคิดว่าตัวเองดีพอ และเพียนทำแต่ความดี แค่นี่ก็มีความสุขแล้ว ใช่ไหมครับ |
|
|
|
|
|
สมหมาย
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
05 พ.ค.2005, 10:55 pm |
|
ความคิดเห็นของ คุณ 2 , 5 และ 7 ผมขอปรบมือให้ ตอนนี้มีหนังสือแฉแหลก แม่ชีชั่วโมงพิศวงด้วย เขียนหน้าปกว่า เกิดแต่กาม ๑ หรือจะไม่อ่านก็ได้ไม่ว่า
ดีที่สอนให้คนกลัวบาป แต่ผมรู้สึกว่ามีอะไรหลายอย่างที่ไม่ถูกต้องทีเดียว
คล้ายๆ กรณีวัดที่สอนให้คนทำบุญเยอะๆ เพื่อไปสวรรค์ ไม่ผิดทีเดียวแต่ก็ไม่ถูกหมด |
|
|
|
|
|
สมหมาย
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
05 พ.ค.2005, 11:04 pm |
|
คุณใจจริง
ความคิดเห็นที่ 30 กับ 31 เป็นเหตุผลที่ดีมาก
เพราะผมคิดอยู่แล้วว่ามันไม่ถูกต้อง แต่ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร |
|
|
|
|
|
วิศวกรไทย
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
21 พ.ค.2005, 4:35 pm |
|
การพิจารณาเรื่องกรรมก็เป็นการดีที่จะได้เตือนสติเราไม่ให้หลงผิด และทำชั่ว แต่ก็ควรใช้สติประกอบการพิจารณา มิใช่ลุ่มหลง แต่ถ้าเพื่อนๆ ได้รักษาศีล เจริญสมาธิ ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ก็จะช่วยให้เรามีชีวิตที่เป็นสุข อย่าไปหลงใหลในการแก้กรรม เพื่อจะได้ไม่ต้องชดใช้กรรมในอดีตที่เคยทำมา ส่วนเรื่องพิธีกรรมนั้นข้าพเจ้าคิดว่าเป็นเพียงสิ่งที่มนุษย์สมมติขึ้น เพื่อให้เกิดความศัทธาจากผู้ไม่รู้ หรือผู้ที่ยึดติดกับกิเลส แต่หาใช่สาระสำคัญของการหลุดพ้นจากกิเลสไม่ |
|
|
|
|
|
มังกรหยก
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
05 มิ.ย.2005, 12:45 pm |
|
การรู้เห็นจากการปฏิบัติย่อมมีขึ้นได้ แต่การนำมาเสนอก็ย่อมแล้วแต่สถานการณ์ พระภิกษุ จะถูกห้ามตามศีล 227 แต่แม่ชี หรือคนธรรมดา ที่มีเพียงศีล 5-8 ย่อมไม่ต้องห้าม แต่ไม่ว่าศีลเท่าไหร่ ก็สามารถบรรลุธรรมได้เท่ากัน จึงไม่ผิดที่ผู้ปฏิบัติทุกเพศ ทุกวัยจะรู้ได้เหมือนกัน |
|
|
|
|
|
เส่
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
05 มิ.ย.2005, 5:42 pm |
|
|
|
|
123
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
17 มิ.ย.2005, 11:28 am |
|
ท่านเป็นจริงๆ พวกญาติโยมแยกให้ออกระหว่างความเป็นอริยะบุคคลกับอภิญญา แม่ชีท่านได้อภิญญา ท่านก็สามารถทราบได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าท่านเป็นอริยะ ท่านอาจจะเป็นหรือไม่ก็ได้ แต่ท่านพยายามสร้างคนไม่มีอกุศลจิต ก็น่าจะอนุโมทนาด้วย การเข้านิโรธสมาบัติ เข้าด้ตั้งแต่พระอนาคามีและพระอรหันต์เท่านั้น พระอรหันต์บางท่านก็ไม่สามารถเข้าได้แล้วแต่บุคคลมีในพระไตรปิฎกครับ อย่าเห็นคนทำดีแล้วต่อต้านมันเป็นกรรมหนัก |
|
|
|
|
|
pb
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
17 มิ.ย.2005, 11:48 am |
|
คุณใจจริง อาจารย์ท่านสอนคุณดีแล้วแต่คุณลืมจำไม่ได้ทั้งหมด คือ อย่าวิจารณ์ผู้ทรงศีล เป็นกรรมหนัก |
|
|
|
|
|
|