Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
การให้อามิสทานหรือวัตถุทานมีสองลักษณะ (ท่านพุทธทาสภิกขุ)
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ผู้ตั้ง
ข้อความ
poivang
บัวตูม
เข้าร่วม: 18 มิ.ย. 2005
ตอบ: 224
ตอบเมื่อ: 09 พ.ค.2008, 4:03 pm
ในสังคมไทยพุทธศาสนิกชนนิยมทำบุญสุนทานกัน ตามวัดที่มีงานบุญต่างๆ จะมีผู้คนไปทำบุญสุนทานกันมากมาย แต่ขณะเดียวกันผู้ที่ไปทำบุญนั้นก็มีจิตในการไปร่วมงานบุญต่างกันไป ตามความคิดตามเจตนาตามความรู้หรือทำตามๆ กันไปก็ตาม เป็นไปด้วยความเข้าใจในการทำบุญให้ทานบ้างไม่เข้าใจในเรื่องการทำบุญให้ทานบ้าง ว่าทางพระพุทธศาสนาสอนเรื่องการทำบุญให้ทานนั้นเพื่ออะไร มีจุดประสงค์อย่างไรในการที่ให้ทำทาน
หลายคนไม่เข้าใจในวัตถุประสงค์ของการให้วัตถุทาน บางคนเอากิเลสตนไปรวมปะปนกับการให้ทาน ไม่เข้าใจว่าพระพุทธศาสนามีวัตถุประสงค์ให้ทานไปเพื่ออะไร ดังนั้น ท่านพุทธทาสภิกขุท่านได้แจงอธิบายให้เข้าใจเรื่องการทำทาน การให้วัตถุทานนี้เป็นไปเพื่ออาสวะก็มี ,ไม่เป็นไปเพื่ออาสวะก็มี
การให้อามิสทานหรือวัตถุทานมีสองลักษณะ
โดย พระธรรมโกศาจารย์ (ท่านพุทธทาสภิกขุ)
การให้ทานนั้นประกอบด้วยความพอใจยินดีในการให้ ทั้งสามเวลาคือก่อนให้ กำลังให้ และเมื่อให้แล้ว คือเมื่อคิดว่าจะให้ทานก็ต้องอิ่มอกอิ่มใจที่จะให้ เมื่อกำลังให้อยู่ก็มีความอิ่มอกอิ่มใจ และเมื่อให้ไปแล้วก็ยังอิ่มใจอยู่ นี่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าให้ทานดีแล้วเหมาะแล้ว
การให้ทานที่ดีต้องมีการเลือกเฟ้น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของรวมทั้งเรื่องของกาลเวลาที่เหมาะสม ถ้าเราไม่เลือกเรื่องเวลาแล้วมันจะประดังกันเข้ามา คนรับจะเอาไปเททิ้งได้เมื่อของนั้นล้นเหลือเกินและเสียแล้วไม่เป็นประโยชน์ อย่างการทำบุญทำทานของเราบางโอกาสเหลือมากจนไม่รู้จะเอาไปไหน อย่างนี้มันผิดเวลา ควรทำให้ถูกเวลา
มีคนเล่าให้ฟังว่าที่ไปฮัจยีกันที่เมืองเมกกะนั้น เขามีระเบียบธรรมเนียมให้ทานเหมือนกัน คือแต่ละคนที่ไปที่นั่นจะต้องบริจาคเงินค่าแพะหนึ่งตัวบ้างสองตัวบ้าง แล้วฆ่าแพะนั้นไว้เป็นทานเพื่อว่าคนไม่มีเงินได้อาศัยเป็นอาหาร แต่ก็มีคนบริจาคมากเกินควรแพะที่ถูกฆ่านี้กองเป็นภูเขาแล้วไม่มีใครกินหวาดไหว แพะเลยเน่าเหม็นคุ้งไปหมด
นี่เป็นการให้ทานผิดเวลาผิดสถานที่มักจะมีด้วยกันทุกศาสนา เพราะว่าศรัทธามากเกินไป ฉะนั้นจึงต้องเลือกสิ่งของเลือกเวลา เลือกสถานการณ์ให้ดี เลือกอะไร เลือกให้ดี ไม่งั้นจะเป็นเหมือนตักน้ำใส่ตุ่มเมื่อน้ำเต็มตุ่มแล้วก็ยังพากันตักน้ำใส่ตุ่มนั้นอีก จนน้ำล้นแล้วล้นอีกไม่เป็นประโยชน์ สูญเสียน้ำไปโดยไม่มีประโยชน์ใดๆ ทั้งที่ตุ่มอื่นๆ ก็ยังว่างสามารถใส่น้ำได้ก็ไม่ตักใส่ตุ่มที่ว่างนั้น เพราะชอบตุ่มไหนก็ตักใส่อยู่ตุ่มเดียวจนน้ำล้นแล้วล้นอีก
ทีนี้เราต้องเลือกให้เป็น เลือกให้ที่ที่มีประโยชน์กว้างขวาง ดังนั้นมันจึงเกิดมีการให้ที่เป็นสังฆทาน (คือการให้ส่วนรวม แก่คณะสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข เป็นต้น) และ ปุคคลิกทาน (คือการให้แก่คนที่เรารัก เราชอบเป็นคนๆ ไป เป็นต้น) ส่วนการให้สังฆทานนั้นมีอานิสงส์มากกว่าปุคคลิกทาน
ทีนี้ขอเตือนว่าให้ระวังให้ดีอีกอย่างหนึ่งคือการให้อามิสทานหรือวัตถุทานอย่างนี้มันเป็นไปเพื่ออาสวะก็มี ไม่เป็นไปเพื่ออาสาวะก็มี
การให้อามิสทานหรือวัตถุทานมีสองลักษณะดังนี้
๑. คือการให้ทานที่เป็นไปเพื่ออาสวะ นั้นมันเพิ่มกิเลสเป็นเจตนาค้ากำไรเกินควร การทำบุญให้ทานแล้วจบแล้วจบเล่า ขอผลเป็นร้อยเป็นพันเท่าคล้ายกับว่าทำบุญหนึ่งบาทให้ได้วิมานหนึ่งหลัง นี่เป็นทานที่เป็นไปเพื่ออาสวะ คือเพิ่มความเห็นแก่ตัวให้มีมากขึ้น
เขาไม่ได้ตำหนิว่าผิดอะไรนัก แต่ระบุให้เห็นว่านี้เป็นอาสวัฏฐานียะ คือเป็นที่ตั้งแห่งกิเลสแห่งอาสวะที่มากออกไป ทานชนิดนี้เขาเรียกว่าเป็นไปเพื่ออาสวะ
๒. ทานที่ไม่เป็นไปเพื่ออาสวะ คือให้มันหมดไปทำลายความยึดมั่นถือมั่น ทำลายความเห็นแก่ตัว ไม่บริจาคหรือทำบุญด้วยการหวังผลตอบแทนในทางที่เป็นไปซึ่งกิเลส แต่บริจาคหรือทำบุญไปโดยคิดว่าให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น โดยเราไม่ต้องการอะไรตอบแทน ให้ทานไปเพื่อทำลายความเห็นแก่ตัวของเรา ไม่ต้องการผลตอบแทนร้อยเท่าพันเท่า
การทำบุญค้ากำไรเกินควรนั่นแหละคือการเวียนว่ายตายเกิดไปในวัฏสงสารอีก แล้วก็เป็นอุปธิคือของหนักจะต้องแบกเอาไป รวยกว่าเก่าต้องแบกเอาไปมากกว่าเก่า รวยมากกิเลสก็มากหวงห่วงทรัพย์มากแบกภาระมาก มันจึงเป็นของหนัก
แต่ถ้าให้ทานโดยไม่เอาอะไรตอบแทนทำนองนี้มันเป็นของเบา เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นทานที่เป็นไปเพื่อพระนิพพาน การให้ทานที่เป็นไปเพื่อละกิเลส เป็นไปเพื่อพระนิพพาน ต้องเบา อยากให้ทานชนิดไหนก็เลือกเอาเองแล้วกัน
แก้ไขล่าสุดโดย poivang เมื่อ 16 พ.ค.2008, 3:22 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
ตอบเมื่อ: 10 พ.ค.2008, 3:23 pm
จิตที่คิด
"สละออก" ....
ไม่ยึดตึดคาดหวังกับสิ่งตอบแทนใดใด
เป็นการฝึกหัดคลายความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน
ย่อมได้รับการยกระดับและชำระให้บริสุทธิ์ขึ้นโดยลำดับ
อนุโมทนาสาธุด้วยนะคะคุณ poivang
สบายดีรึเปล่าคะ....
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
ตอบเมื่อ: 12 พ.ค.2008, 2:27 pm
สาธุค่ะ...คุณpoivang
ธรรมะสวัสดีค่ะ
poivang
บัวตูม
เข้าร่วม: 18 มิ.ย. 2005
ตอบ: 224
ตอบเมื่อ: 16 พ.ค.2008, 2:30 pm
เจริญในสุขเจริญในธรรมค่ะคุณกุหลาบสีชา คุณลูกโป่ง
บัวหิมะ
บัวเงิน
เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273
ตอบเมื่อ: 21 ส.ค. 2008, 8:08 pm
ทานที่เป็นของเบา ต้องดีแน่ ใช่ไหมท่าน poivang
เจริญในธรรมค่ะ
_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
ชาญวิทย์
บัวเริ่มพ้นน้ำ
เข้าร่วม: 04 พ.ค. 2008
ตอบ: 152
ตอบเมื่อ: 24 ส.ค. 2008, 8:11 pm
สาธุจ้า
_________________
ธรรมะคือธรรมชาติ
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th