ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
new
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 23 พ.ค. 2004
ตอบ: 532
|
ตอบเมื่อ:
26 ม.ค. 2006, 11:19 pm |
  |
เด็กหนุ่มที่นั่งสมาธิที่เนปาล จนเป็นข่าวโด่งดัง จนมีคนตั้งข้อสงสัยว่าเป็นไปได้หรือที่จะนั่งได้นานขนาดนั้น โดยที่ไม่ได้กินอาหารและน้ำเลย
ฟังจากรายการก็มีผู้ที่ให้คำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้
ฝ่ายหนึ่งมีความรุ้ในทางวิทยาศาสตร์ บอกว่า เป็นไปไม่ได้ในทางวิทยาศาสตร์ ที่จะอดข้าวอดน้ำได้นานขนาดนี้
อีกฝ่ายหนึ่งเป็นพระ บอกว่าสามารถที่จะเป็นไปได้ ในทางพุทธศาสนา บอกว่าสามารถอยู่ได้ด้วยปีติ การเข้าสมาธิลึก ๆ
ผมเคยได้ยินได้อ่านมาเกี่ยวกับผู้ที่นั่งสมาธินาน ๆ ถึงขั้นฌาน นั้น สามารถนั่งได้นานเป็นเดือน ๆ
และผมก็เชื่อว่า เหตุผลนี้สามารถเป็นไปได้
เมื่อเรานั่งสมาธินานๆ ร่างกายก็จะมีการเผาผลาญน้อยลง
และมีผู้ที่ให้ความเห็นเกี่ยวกับ การเข้านิโรธสมาบัติด้วย ว่า การเข้านิโรธสมาบัตินั้น ร่างกายสามารถอยู่ได้ แต่การเข้านิโรธสมาบัติจะต้องเป็นระดับ พระอนาคามี จนถึงพระอรหันต์
ท่าน ๆ มีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไรบ้างครับ
ที่ผมดูรายการนี มีคนให้ความเห็นว่า ไม่น่าเป็นไปได้ เป็นเรื่องหลอกลวง แต่บางคนก็เชื่อ แต่สำหรับผมแล้วฟังหูไว้หู แต่ก็คิดว่าน่าจะเป็นไปได้ที่คนเราสามารถนั่งสมาธิได้นาน ๆ โดยไม่จำเป็นต้องกินอาหาร
และถ้าหนุ่มคนนี้นั่งได้ด้วยใจที่บริสุทธิ์ก็น่าอนุโมทนาในบุญนี้ด้วย |
|
|
|
  |
 |
TU
บัวทอง


เข้าร่วม: 23 พ.ค. 2004
ตอบ: 1589
|
ตอบเมื่อ:
27 ม.ค. 2006, 2:44 am |
  |
ขอให้เวลาเป็นเครื่องตัดสินอุปนิสัย และอัธยาศัยของคน
ขอให้ดูไปนานๆ ค่ะ |
|
|
|
    |
 |
ปุ๋ย
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275
|
ตอบเมื่อ:
27 ม.ค. 2006, 3:21 am |
  |
กราบสวัสดี คุณnew
ในบทความเรื่อง "การฝึกจิตให้เป็นสมาธิ ตอนที่ ๒" ของ พลตำรวจตรี สุชาติ เผือกสกนธ์ กล่าวถึงเรื่องของ "อรูป" เอาไว้ว่า
"....เราไม่สามารถไประงับยับยั้งการเกิดดับของจิตได้ เพราะเป็นธรรมชาติของจิต และตราบใดที่เรายังไม่สามารถปฏิบัติสมถกัมมัฏฐานจนถึงขั้นอรูปฌาณ หรือ ฌาณสมาบัติ ๘ เราก็ไม่สามารถระงับยับยั้งการทำงานของเจตสิกได้
ตามหลักวิชาพุทธศาสตร์ เมื่อเราสามารถปฏิบัติสมาธิได้จนถึงขั้นดังกล่าว หรือสูงกว่า ซึ่งเป็นขั้นสุดท้ายคือ ขั้นที่ ๙ ที่เรียกว่า "สัญญาเวทยิตนิโรธ หรือ นิโรธสมาบัติ" ซึ่งเป็นภาวะที่สัญญาเจตสิก (ความจำ) และเวทนาเจตสิก (อารมณ์) หยุดการปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้น องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้ทรงสมมุตินามบัญญัติคำว่า "อรูป" ซึ่งแปลว่า "ไม่มีรูป ไม่มีกาย" สำหรับกรณีนี้ขึ้น เนื่องจาก ในช่วงเวลานี้ อวัยวะของร่างกายที่เป็นกลไกทำงานของเจตสิก คือ สมอง หรือ หทัยวัตถุ จะหยุดการทำงานไปในช่วงเวลาที่จิตกำลังเป็นสมาธิ อยู่ในฌาณสมาบัติระดับนี้
ก่อนที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะทรงตรัสรู้ พระองค์ท่านได้ทรงศึกษาหาความรู้จากพระอุททกดาบสรามบุตร พระอาจารย์ที่เก่งที่สุดในขณะนั้น จนทรงสามารถปฏิบัติสมถสมาธิได้บรรลุถึงฌาณสมาบัติ ๘ หรือ อรูปฌาณ ๔ มาแล้ว แต่ได้ทรงพิจารณาเห็นว่า เป็นทางปฏิบัติที่ไปสุดสิ้นเพียงโลกิยธรรมเท่านั้น กล่าวคือ เมื่อจิตถอนออกจากสมาธิ หรือ ฌาณสมาบัติแล้ว ก็ยังต้องกลับมาเผชิญกับปัญหาทางโลกอีกต่อไป จึงทรงวินิจฉัยว่า วิธีการนี้มิใช่เป็นทางปฏิบัติที่จะดับทุกข์ ซึ่งเป็นทางเข้าสู่พระนิพพานได้ พระพุทธองค์จึงได้ทรงเปลี่ยนไปปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานแทน....."
ได้ดูภาพขณะที่กล้องจับอย่างไม่ให้คลาดสายตา และจากประสบการณ์ที่ได้เข้าปฏิบัติธรรม 7 วัน กับครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งที่จังหวัดระยอง ขอแสดงความคิดเห็นส่วนตัวว่า เป็นไปได้ที่เด็กหนุ่มที่นั่งสมาธิที่เนปาลนั้น จะนั่งได้นานโดยที่ไม่ได้ทานอาหารหรือน้ำเลย ทีนี้นั่งนานๆในช่วงสมถกรรมฐานนี่ ไม่ใช่ทนนั่งหรือฝืนนั่งไปอย่างนั้นแน่นอน เพราะสังเกตได้จากอาการสั่นและกระตุกตามส่วนต่างๆร่างกายของเด็กหนุ่มขณะที่กล้องจับภาพอย่างไม่ให้คลาดสายตา ซึ่งรายละเอียดของอาการสั่นและกระตุกนี่สอบถามได้จากวิปัสสนาจารย์แนวยุบหนอ พองหนอ เมื่อมีการสอบอารมณ์หลังจากถอยออกจากการปฏิบัติ ท่านจะให้คำตอบได้ดีว่าหมายถึงอะไร
ทีนี้เรื่องทานอาหารและน้ำนี่ ผู้ปฏิบัติท่านจะทราบด้วยตัวท่านดีว่า การเข้ากรรมฐานเป็นเวลานานนี่ ก่อนจะเข้ากรรมฐานเป็นเวลาหลายชั่วโมง หรือหลายวัน จะรับอาหารและน้ำเกินกว่าความจำเป็นของร่างกายไม่ได้ คือมันอัตโนมัติไปเอง คือมันจะดำเนินไปเรื่อยจนรับได้ไม่กี่คำ น้ำก็พอแค่ชุ่มปาก รับมากกว่านั้นไม่ได้ เหมือนรอบของสภาวะที่ร่างกายเตรียมพร้อมไปโดยอัตโนมัติ บางท่านแทบไม่มีการเตรียมการณ์ว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ คือถึงรอบแห่งการปฏิบัติที่สะสมมาก็จะทราบได้ด้วยตนเอง
ทีนี้นั่งนี่มันไม่ได้นั่งเป็นหิน มันต้องมีการปรับสภาวะของธาตุในให้สมดุลกับธาตุนอกตลอดเวลา อากาศร้อนมากลมพัดมาหรือไม่มีลมพัด ก็จะสามารถปรับเอาลมเย็นอ่อนๆที่ไหลเวียนอยู่รอบๆตัวเข้ามาปรับสภาวะภายในกายให้เย็นได้ อากาศหนาวก็จะปรับให้อุ่นจากแสงแดดที่เข้ามากระทบตามผิวหนังให้ซึมเข้าไปทั่วทุกอณู หรือแม้แต่การฝึกกำหนดจิตไว้ที่กึ่งกลางอก การหายใจในอกอย่างแผ่วเบาก็สร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกายได้เช่นกัน
นั่งอยู่นี่ ไม่หิวหรอก มันอิ่ม มันสุข ปรับเข้าปรับออก แล้วก็หาย หายนี่มันมีรู้สึกตัวกับไม่รู้สึกตัว แรกๆมันจะสะสมรอบหายซึ่งไม่นานเท่าไหร่ บ่อยๆเข้าอย่างนั่งนานๆอย่างเด็กนี่ มันสะสมมากเข้า หายก็หายไปหลายวัน อย่างเราๆท่านๆมีภาระกิจต้องทำ มันจะสะสมจากการนั่งสมาธิในแต่ละวันนั่นแหละ นั่งวันนึงสองชั่วโมง เวลาหายก็หายไปสองชั่วโมง นั่งทั้งวัน มันก็หายไปทั้งวัน ไม่ต้องทำอะไร เรียกก็ไม่ได้ยินหรอก
ทีนี้คนที่ฝึกมาทุกอิริยาบทนี่ เวลามันได้รอบ มันก็ถึงรอบทุกอิริยาบทพร้อมๆกัน ยืน เดิน นั่ง นอน ดับหมด วันเดียวกันแต่จะมีอิริยาบทเด่นที่เป็นตัวนำก่อนที่แต่ละบุคคลนั้นถูกกับจริต ก็เป็นไปได้นะ เพราะจะไม่ต้องการอาหารและน้ำเลย แต่อย่าให้ออกมานะ มันก็หิวเหมือนเดิมนั่นแหละ
เจริญในธรรม
มณี ปัทมะ ตารา  |
|
|
|
   |
 |
เจไอเอบี
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
27 ม.ค. 2006, 7:46 am |
  |
สาธุ กับทุกคำตอบ  |
|
|
|
|
 |
pongsakorn28287
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 23 พ.ย. 2004
ตอบ: 42
ที่อยู่ (จังหวัด): จ.เชียงใหม่
|
ตอบเมื่อ:
27 ม.ค. 2006, 11:49 am |
  |
|
   |
 |
new
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 23 พ.ค. 2004
ตอบ: 532
|
ตอบเมื่อ:
30 ม.ค. 2006, 8:39 pm |
  |
ขอบคุณสำหรับทุกคำตอบครับ คุณปุ๋ย หามาให้อ่านได้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มากครับ  |
|
|
|
  |
 |
|