Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ กับการพระพุทธศาสนา
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
ผู้ตั้ง
ข้อความ
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
ตอบเมื่อ: 02 เม.ย.2008, 12:33 am
ส ม เ ด็ จ พ ร ะ เ ท พ รั ต น ร า ช สุ ด าฯ
กั บ ก า ร พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพุทธมามกะ
และเป็นเอกอัครบรมราชูปถัมภก
ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของพระบรมวงศ์
ที่จะต้องโดยเสด็จบำเพ็ญพระองค์เป็นพุทธมามกะที่เคร่งครัด
แต่
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
มิได้ทรงถือแต่เพียงว่าเป็นหน้าที่เท่านั้น
หากแต่ทรงยึดมั่นในพระรัตนตรัย
ด้วยพระราชศรัทธาและพระปัญญาบารมีโดยแท้จริง
ทั้งนี้ก็ต้องถวายพระเกียรติแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ที่ทรงอบรมสั่งสอนพระราชโอรสพระราชธิดาทุกพระองค์
ให้ใกล้กับพระบวรพุทธศาสนาตั้งแต่ทรงพระเยาว์
เช่น การให้โดยเสด็จพระราชดำเนิน
ไปร่วมงานบำเพ็ญพระราชกุศลอยู่เป็นนิตย์
หรือการให้ทรงสวดมนต์สรรเสริญคุณพระรัตนตรัยก่อนทรงพระบรรทม
และเมื่อพระราชโอรสพระราชธิดาเจริญวัยขึ้น
ก็ทรงศึกษาหาความรู้ในพระพุทธศาสนา
สุขุมคัมภีรภาพเจริญงอกงามขึ้นตามลำดับพระสติปัญญา
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ทรงเสื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง
ทรงมีพระหฤทัยมั่นคงในพระรัตนตรัย
มาตั้งแต่ยังทรงมีพระชนมายุน้อย
ด้วยทรงได้รับการอบรม
จากสมเด็จพระราชบิดาและสมเด็จพระราชมารดา
ให้เป็นผู้ใฝ่ในการปฏิบัติธรรม เจริญสมาธิและภาวนา
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
ทรงสนพระราชหฤทัยในการศึกษาพระพุทธศาสนา
ตั้งแต่ทรงศึกษาในระดับมัธยมที่โรงเรียนจิตรลดา
ดังจะเห็นได้จากพระราชนิพนธ์บทความสั้นๆ ๓ ย่อหน้าเรื่อง
"นตถิ ปญญาสมา อาภา แสง สว่างเสมอด้วยปัญญาไม่มี"
ในย่อหน้าสุดท้ายดังนี้
"สิ่งที่ทำให้คนเรา แตกต่างจากสัตว์อื่นๆ
ก็เพราะว่า คนย่อมมี ปัญญาที่จะนึกคิด
และปฏิบัติสิ่งที่ดีมี ประโยชน์ และถูกต้องได้
ผู้ที่ยังปฏิบัติสิ่งที่ ดีมีประโยชน์และนึกคิดสิ่งต่างๆ ไม่ได้
ก็ เปรียบเสมือนผู้ที่ไม่มีแสงสว่าง นับว่าเป็น ผู้ที่อยู่ในความมืด
แม้แสงแดดจะแผด เผาจัดจ้าสักแค่ไหน
ก็ยังเปรียบเทียบกับ แสงปัญญาไม่ได้
เพราะแสงแดดไม่สว่างพอที่ จะทำให้คนเรารอบรู้เห็นแจ้งสิ่งต่างๆ ได้
จึงกล่าวได้ว่า พระพุทธสุภาษิตที่ว่า
"นตถิ ปญญาสมา อาภา แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาไม่มี"
นั้นเป็นความจริงอย่างที่สุด"
พระราชนิพนธ์เรื่องดังกล่าวทรงไว้เมื่อปี พ .ศ. ๒๕๑๓
นอกจากนี้ ยังทรงโปรดการอ่านนิทานชาดกในพระพุทธศาสนา
ทั้ง ๕๔๗ เรื่องเป็นอย่างมาก
ต่อมาเมื่อทรงเข้าศึกษา ใน
คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
แล้วต้องทรง ศึกษาภาษาบาลี และเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธศาสนามากขึ้น
จึงมีพระราชนิพนธ์เป็นรายงานส่งอาจารย์บ้าง
พระราชนิพนธ์ส่งไปพิมพ์ในวารสารของคณะบ้าง
เช่น ศาสนาเกิดขึ้นได้อย่างไร (๒๕๑๖)
พระจูฬปันถกเถระ ทรงแปลจากต้นฉบับภาษาบาลี
ในพระคัมภีร์ธมมปทฏฐกถา (๒๕๑๗)
ศาสนากับการปกครองระบอบประชาธิปไตย (๒๕๑๗)
ในประสบการณ์ (๒๕๒๐) ทรรศนะธรรม (๒๕๒๑)
และพระราชนิพนธ์ที่เคยพิมพ์แพร่หลายพอสมควรนั้น
คือ
พุทธศาสนาสุภาษิต คำโคลง
ยิ่งเมื่อได้ทรงมีโอกาสศึกษาภาษาบาลีจากอาจารย์กำชัย ทองหล่อ
ก็ยิ่งทำให้พระองค์สนพระราชหฤทัยในพระพุทธศาสนา
ทั้งที่เป็นด้านวิชาการด้านการปฏิบัติและด้านพิธีกรรมมากขึ้น
มิได้ทรงปฏิเสธเมื่อมีผู้กราบบังคมอัญเชิญ
เสด็จฯ ไปในงานพิธีที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันสำคัญต่างๆ ทางพระพุทธศาสนา
พระองค์ก็มักจะได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณ
จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้เป็นผู้แทนพระองค์
เสด็จฯ ไปทรงเป็นองค์ประธานในการพิธีนั้นๆ
เช่น เสด็จฯ แทนพระองค์ไปทรงเป็นประธานในพิธีเวียนเทียนที่พุทธมณฑล
เนื่องในเทศกาลวิสาขบูชา เทศกาลวันมาฆบูชาฯ
นอกจากนี้
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ยังเป็น
องค์ริเริ่มฟื้นฟูประเพณีฉลองวันวิสาขบูชา
ซึ่งเคยมีปรากฏมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
โดยได้ทรงประกาศเชิญชวน
ให้พุทธศาสนิกชนทั่วไปร่วมกันจุดโคมประทีป
และส่งบัตรอวยพรที่มีข้อธรรมะ
เพื่อเป็นเครื่องเตือนสติให้ระลึกถึงคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทรงมีพระราชดำริให้
ธรรมสถาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จัดงานเทศน์มหาชาติตามรูปแบบที่ถูกต้องตามตำรับหลวง
หรือที่เรียกว่า
เทศน์มหาชาติร่ายยาว
ขึ้น
เพื่อชี้นำให้คนไทยได้เข้าใจในคุณค่าของเรื่องมหาชาติ
และประเพณีการเทศน์มหาชาติที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล
อีกพระราชกรณียกิจหนึ่งที่มีความสำคัญต่อทางพระพุทธศาสนาก็ คือ
การที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ทรงรับเป็นแม่กองอำนวยการ
บูรณปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ทั่วทั้งพระอาราม
เพื่อให้ทันงานฉลองสมโภชน์ ๒๐๐ ปี กรุงรัตนโกสินทร์
ด้วยแนวพระราชดำรัสเช่นเดียวกันกับสมเด็จพระราชบิดาที่ว่า
ศาสนาทุกศาสนาล้วนมีจุดประสงค์ให้คนเป็นคนดี
ดังนั้น แม้จะมีความเชื่อถือในศาสนาที่แตกต่างกัน
ก็สามารถที่จะอยู่ร่วมกันได้โดยผาสุก
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
จึงทรงให้การสนับสนุนแก่ศาสนาอื่นๆ ตามสมควร
และเมื่อได้รับคำกราบบังคมทูลอัญเชิญเสด็จฯ ไปในงานพิธีของศาสนานั้นๆ
ก็มิได้ทรงละเลยที่เสด็จฯ ไปร่วมด้วยทุกครั้ง
รวบรวมและเรียบเรียงมาจาก :
http://kanchanapisek.or.th/kp8/sirindhorn/pratep11.html
http://www.sema.go.th/
วันที่ ๒ เมษายน วันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระเทพฯ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=25&t=41637
แก้ไขล่าสุดโดย กุหลาบสีชา เมื่อ 31 มี.ค.2012, 7:35 pm, ทั้งหมด 8 ครั้ง
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
ตอบเมื่อ: 02 เม.ย.2008, 1:21 am
และเนื่องในวโรกาสแห่งวันคล้ายวันพระราชสมภพ
๒ เมษายน ๒๕๕๑
เวียนมาบรรจบอีกครั้ง...
ข้าพระพทธเจ้า
"กุหลาบสีชา"
ขอน้อมถวายพระพร
ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย
โปรดจงอภิบาลขัตติยนารีผู้ทรงมีพระจริยาวัตรอันงดงาม
มีน้ำพระทัยอันประเสริฐ และมีพระปรีชาญาณล้ำเลิศ
ประดุจดั่ง
"เทพ"
ที่สถิตย์ในดวงใจของผองพสกนิกร
ให้พระองค์ทรงเกษมสำราญ
เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทย...ตราบนานเท่านาน...เทอญ
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม...ขอเดชะ
poivang
บัวตูม
เข้าร่วม: 18 มิ.ย. 2005
ตอบ: 224
ตอบเมื่อ: 02 เม.ย.2008, 8:20 am
ชอบพระราชนิพนธ์ ที่เป็นปรัชญาทางธรรมนี้จัง
แม้แสงแดดจะแผดเผาจัดจ้าสักแค่ไหน
ก็ยังเปรียบเทียบกับ แสงปัญญาไม่ได้
เพราะแสงแดดไม่สว่างพอที่ จะทำให้คนเรารอบรู้เห็นแจ้งสิ่งต่างๆ ได้
ขอจงทรงพระเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม
I am
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972
ตอบเมื่อ: 02 เม.ย.2008, 9:37 am
คนต่างจากสัตว์ก็เพราะปัญญา
สาธุจัา..
_________________
ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก
บัวหิมะ
บัวเงิน
เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273
ตอบเมื่อ: 10 ส.ค. 2008, 11:51 am
กุหลาบสีชา พิมพ์ว่า:
และเนื่องในวโรกาสแห่งวันคล้ายวันพระราชสมภพ
๒ เมษายน ๒๕๕๑
เวียนมาบรรจบอีกครั้ง...
ข้าพระพทธเจ้า
"กุหลาบสีชา"
ขอน้อมถวายพระพร
ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย
โปรดจงอภิบาลขัตติยนารีผู้ทรงมีพระจริยาวัตรอันงดงาม
มีน้ำพระทัยอันประเสริฐ และมีพระปรีชาญาณล้ำเลิศ
ประดุจดั่ง
"เทพ"
ที่สถิตย์ในดวงใจของผองพสกนิกร
ให้พระองค์ทรงเกษมสำราญ
เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทย...ตราบนานเท่านาน...เทอญ
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม...ขอเดชะ
ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
อนุโมทนาบุญ
_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th