Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 “ตายแล้วไปป่าช้า” คำสอนยอดฮิต...หลวงพ่อปัญญา อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 11 ต.ค.2007, 3:21 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก...11 ตุลาคม 2550 08:34 น.

Image

“ตายแล้วไปไหน ไม่ต้องไปสนใจมัน
แต่ให้สนใจปัจจุบันว่า ทำตัวดีแต่ไหน
ทำความดีเสียในขณะนี้ ตายแล้วก็จะไปดีเอง”


“หลวงพ่อปัญญามรณภาพ” เป็นข่าวลือหนึ่งที่ลือกันมากสุด
ในช่วงกลางปี ๒๕๔๗ ส่วนเหตุที่เกิดข่าวลือนั้น
เพราะมีพระรูปหนึ่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือ หลวงพ่อปัญญา
รองเจ้าอาวาสวัดบ้านตาดเศกสันติ กัลยาณวิสุทธิ์ จ.อุดรธานี มรณภาพ
แต่คนเข้าใจว่าเป็น หลวงพ่อปัญญาวัดชลประทานฯ
ในช่วงที่เกิดข่าวลือนั้น บรรดาลูกศิษย์โทรศัพท์ไปสอบถามที่วัด
เป็นจำนวนมาก ชนิดที่เรียกว่า “สายแทบไหม้”
และในที่สุดข่าวลือก็กลายเป็นข่าวจริง
“เมื่อเช้าตรู่ของวันวาน หลวงพ่อปัญญามรณภาพ”


ช่วงที่เกิดข่าวลือว่าหลวงพ่อปัญญามรณภาพนั้น
ท่านได้ออกมาพูดเป็นคติเตือนใจว่า
“ข่าวลือเรื่องตายไม่ใช่เรื่องอัปมงคล
พระพุทธศาสนาไม่ได้ยึดถือว่า เรื่องใดเป็นมงคลหรืออัปมงคล
พุทธศาสนาถือว่า การทำดีเป็นมงคล
ส่วนการทำชั่วเป็นอัปมงคล
ใครจะลือว่า อย่างไรฉันไม่ถือ
เมื่อถึงเวลาตายก็เป็นเรื่องธรรมดา
ฉันไม่เคยคิดกลัวตายเลยสักครั้งเดียว
เพราะความตายเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์โลก”


Image

และเรื่องความตายนี้เองก็เป็นคำถามยอดฮิต
ที่มักมีผู้ถามท่านหลายครั้งหลายครา
ถามกันทุกครั้งที่มีการบรรยายธรรมตามสถานที่ต่างๆ
ว่า “ตายแล้วไปไหน”
ขณะเดียวกันท่านก็ตอบสวนออกมา
แบบไม่ต้องคิดว่า “ตายแล้วไปป่าช้า”
ตามมาด้วยคติธรรมที่ว่า
“ตายแล้วไปไหน ไม่ต้องไปสนใจ
แต่ให้สนใจปัจจุบันว่า ทำตัวดีแต่ไหน
ทำความดีเสียในขณะนี้
ตายแล้วก็จะไปดีเอง
เมื่อเรารู้ว่า เราจะตาย
เราควรทำอะไรที่จะไม่ให้เสียชาติที่ได้เกิดมา
เราก็ควรจะตั้งคำถามตัวเองว่า
ฉันเกิดมาทำไม ฉันมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร
เพราะว่าชีวิตนี้แข่งอยู่กับความตาย”


สาธุ สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 11 ต.ค.2007, 3:25 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ในอดีตเมื่อถึงช่วงวันสำคัญทางศาสนา
เรามักจะได้ยินเสียงของหลวงพ่อ
หรือหากช่วงใดที่มีข่าวกระทบต่อศรัทธาพระศาสนา
เราก็มักจะได้ยินหลวงพ่อปัญญาออกมาเตือนสติ
ชี้แนะหนทางที่ถูกต้องอยู่เสมอๆ
ผ่านรายการปาฐกถาธรรมะวันอาทิตย์
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย (สวท.)
และสถานีวิทยุทั่วประเทศ
เป็นงานเผยแผ่ธรรมะที่กว้างไกลไพศาล
และต่อเนื่องยาวนาน ถึงสังขารจะล่วงเลย
แต่ท่านยังมีกะใจเทศน์วันอาทิตย์อยู่อย่างเสมอต้นเสมอปลาย
นับจากที่ท่านได้เป็นเจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฏ์เมื่อปี ๒๕๓๐
ท่านยังคงเทศน์ทุกวันอาทิตย์ จนถึงลมหายใจเฮือกสุดท้าย
แม้การเปล่งเสียงของท่านจะไม่ชัดเจนตามสภาพของสังขาร
แต่ท่านก็ยังเปล่งเสียงออกมาอย่างถึงที่สุด
ขณะฟังเทศน์ ผู้ฟังจะพลอยเอาใจช่วยท่านไปด้วยเสมอ

ตลอดเวลาอันยาวนาน
ท่านได้ทำคุณประโยชน์ต่อวงการพระพุทธศาสนาอย่างเหลือคณานับ
เป็นพระนักเทศน์ที่จาริกไปในทุกที่
ตั้งแต่เหนือจรดใต้ และทุกครั้งที่ไปเทศน์ก็มักสร้างความฮือฮา
กับคำพูดที่ตรงไปตรงมา
เพื่อให้ชาวพุทธทั้งหลายตื่นขึ้นจากความเชื่อแบบผิดๆ
แม้สิ่งนั้นจะปฏิบัติมาเป็นเวลานานจนเป็นประเพณี
แต่หากเห็นว่าไม่ถูกต้อง ก็จะเทศน์สั่งสอนแบบแรงๆ
ซึ่งไม่เคยมีพระรูปใดที่จะกล้าพูด กล้าตำหนิ เช่นนี้มาก่อน


Image

หลวงพ่อปัญญาจึงเปรียบเสมือนเป็น
ศูนย์กลางความคิดในทางธรรม

ที่สื่อมวลชนทุกแขนงมักเข้าหาท่านขอสัมภาษณ์
ขอคำแนะนำ ไปออกอากาศกันเป็นประจำ
คำชี้แนะจากท่านปัญญา ถือเป็นสิ่งถูกต้อง
ที่ชาวพุทธควรน้อมรับนำไปปฏิบัติ
และอยู่บนพื้นฐานที่ทุกคนสามารถคิดได้ ปฏิบัติได้
เช่น เรื่องที่มีการมองว่ากำลังเกิดวิกฤติศรัทธาในศาสนาพุทธ
หรือศาสนาพุทธกำลังอยู่ในช่วงขาลงนั้น
หลวงพ่อปัญญา ได้แสดงธรรมไว้ว่า
พระพุทธศาสนายังคงที่อยู่เหมือนเดิม
และธรรมะของพระพุทธเจ้าก็ไม่ได้มีขึ้นมีลง
ทุกอย่างยังเป็นปกติ ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่าง ขึ้นกับมนุษย์เท่านั้น
ว่า จะเลือกปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติต่างหาก
แต่อย่างที่บอกไปแล้วว่า เดี๋ยวนี้พระไม่สอนให้คนรู้จักศาสนา
แต่กลับไปสร้างความเชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์
กับการดูหมอให้คนมากกว่า
ดังนั้นคิดว่า น่าจะถึงเวลาแล้ว ที่พระสงฆ์ต้องทำงานให้มากขึ้นกว่าเดิม
และที่สำคัญรัฐจะต้องสนับสนุน
และเร่งการจัดการศึกษาให้พระสงฆ์มากขึ้น
เพื่อที่จะสร้างพระที่มีความรู้ความสามารถ ไปสอนประชาชนได้

ความจริงไม่ว่าศาสนาใด ก็ล้วนแต่สอนให้คนเป็นคนดีทั้งสิ้น
อยู่ที่ว่า คนจะรู้จักนำสิ่งดีๆ ที่มีนั้นไปปฏิบัติ
หรือใช้ให้เกิดประโยชน์กับตนเอง และผู้อื่นได้หรือไม่ อย่างไร
และสำหรับพระพุทธศาสนาก็เช่นกัน
วันนี้ก็ยังคงเป็นเสมือนต้นไม้ใหญ่
แผ่กิ่งก้านสาขาให้เกิดความร่มเย็นเป็นที่พักพิง
และที่พึ่งทางใจสำหรับคนทุกคนได้อยู่เสมอ
พระพุทธศาสนาไม่มีวันเสื่อม
หากจะเสื่อมก็คงเป็นการเสื่อมในใจ
เพราะการกระทำของคนเพียงส่วนน้อยเท่านั้น


สาธุ สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 11 ต.ค.2007, 3:28 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

ขณะเดียวกัน ท่านมักจะหยิบปัญหาของเยาวชนขึ้นมาเทศน์บ่อยๆ ว่า
ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ มาจากสังคมทั้งสิ้น
เพราะสังคมชอบส่งเสริมความเหลวไหล ความฟุ้งเฟ้อให้เยาวชนตลอดเวลา
โดยเฉพาะสื่อชอบเสนอแต่เรื่องที่ไม่ดี เช่น การนำภาพวาบหวิวมาโฆษณา
ซึ่งเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เยาวชนเกิดความอยากรู้อยากเห็น
และเกิดการเลียนแบบขึ้น ดังนั้นทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันแก้ไข
รวมถึงพระสงฆ์ก็ต้องช่วยสอนให้คนมีความฉลาด เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานอยู่เสมอ

นอกจากนี้แล้วคำพูดของท่าน เคยกระทบกระเทือนวงการสงฆ์อยู่หลายครั้ง
จนกลายเป็นไม้เบื่อไม้เมากับกลุ่มพระ ที่ไม่ได้ทำหน้าที่ของพระอย่างถูกต้อง
เช่น ตำหนิพระสงฆ์บางรูปว่า วันๆ เอาแต่นอนจำวัด
ประเภท “ฉันเช้าแล้วเอน ฉันเพลแล้วนอน ไม่ได้ทำตัวให้เป็นผู้นำจิตวิญญาณ
ให้ชาวบ้านเปลืองข้าวสุกข้าวสารของผู้มาทำบุญกันเปล่าๆ
ปัจจุบันพระสงฆ์ส่วนหนึ่ง มักจะมุ่งแต่สร้างสิ่งปลุกเสก
สอนให้คนเชื่อว่า ไสยศาสตร์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง
ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นความงมงายที่ผิด
พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนให้เชื่อสิ่งหลอกลวงเหล่านี้”

รูปแบบในการเทศน์ของหลวงพ่อปัญญา ถือเป็นต้นแบบของพระนักเทศน์ยุคปัจจุบัน
โดยท่านจะใช้คำพูดแบบเรียบง่าย เข้าใจง่าย
ไม่อ้างคำบาลีมากมายจนเข้าใจยาก และฟังไม่รู้เรื่อง
ท่านเป็นผู้ที่มีวาทศิลป์เป็นเลิศ อธิบายหลักธรรมให้คนทั่วไปเข้าใจอย่าง่ายๆ
บางครั้งก็พูดติดตลก ที่เรียกเสียงฮาได้ทั้งห้องประชุม

ท่านเป็นพระที่ต่อต้านการนำศาสนามาหากินหลอกลวง ชวนเชื่อให้งมงาย
หรือแม้แต่การเทศน์ออกอากาศทางวิทยุ
ก็เคยตำหนิเรื่องโกงกินของนักการเมือง
จนทำให้นายพลนายทหารที่เป็นนักการเมืองในสมัยนั้น เป็นเดือดเป็นแค้นท่านมาก
ถึงกับมีการตั้งฉายาว่า “พระนักเทศน์ฝีปากกล้า”
และ “นักรบแห่งกองทัพธรรม” รวมทั้ง “พระนักเทศน์คอการเมือง”
ซึ่งในช่วงหนึ่งถึงกับทำให้ท่านถูกขึ้นบัญชีดำ
ห้ามเทศน์ออกอากาศทาง สวท. อยู่หลายปีเลยทีเดียว

Image

หลวงพ่อเป็นพระสงฆ์รูปแรก
ที่กล้าในการปฏิรูปพิธีกรรมทางศาสนาของชาวไทย
ที่ประกอบพิธีกรรมหรูหรา ฟุ่มเฟือย
โดยเปลี่ยนเป็นประหยัด มีประโยชน์และเรียบง่าย
เพื่อรณรงค์ให้ชาวพุทธไทยได้เป็นชาวพุทธที่แท้จริง
ให้ละทิ้งจากความเชื่องมงาย
ตามหลักคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแท้จริง
เช่นผู้ที่มาบวช วัดจะมีการทดสอบความตั้งใจ
ด้วยการให้ไปฝึกท่องภาษาบาลี เพื่อใช้ในพิธีบวช
หากท่องไม่ได้ ก็จะไม่รับเข้าบวช
หรือใครที่ติดบุหรี่ก็จะไม่รับบวชให้เช่นกัน
หรือแม้กระทั่งการจัดพิธีฌาปนกิจ
ที่หากใครพูดคุยกันขณะสวดพระอภิธรรม
หลวงพ่อท่านก็เทศนาสั่งสอนผ่านไมโครโฟน
จนเป็นที่อับอายกันมาแล้วหลายราย
จึงเป็นที่ทราบกันทั่วไปว่า หากมาที่วัดชลประทานฯ
จงอย่าคิดทำอะไรที่ไม่ถูกไม่ควร เหมือนที่เคยทำๆ กันมา
ดังนั้นหลวงพ่อจึงได้รับการขนานนามว่า
“ภิกษุผู้ปฏิรูปพิธีกรรมของชาวพุทธไทย” ในปัจจุบัน


สาธุ สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 11 ต.ค.2007, 3:32 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

ชีวิตเหมือนกับใบไม้

พระธรรมเทศนาของหลวงพ่อปัญญา
ได้แนะนำวิธีเตรียมตัวเตรียมใจไว้
ก่อนจะถึงคราวที่ต้องสูญเสียสิ่งอันเป็นที่รักไป
ไว้ในหนังสือเล่มหนึ่งที่ชื่อว่า
“ดับสังขาร-ประเพณี ปริศนาธรรม พิธีกรรม
และวิธีทำให้ถูกต้องครบถ้วนในงานศพ”

โดยมีตอนที่ท่านได้บรรยายธรรมไว้ว่า “ชีวิตเหมือนกับใบไม้”
ที่วัดแห่งนี้ ถ้าหากมีการตั้งศพบำเพ็ญกุศล
จะมีการสวดพระอภิธรรมเพียงจบเดียว
จากนั้นเป็นการบรรยายธรรมะให้ญาติโยมที่มาในงานฟัง
เพื่อให้ผู้มาในงานได้สิ่งที่เป็นกุศลกลับไปบ้านบ้าง ตามสมควรแก่ฐานะ

โดยหลวงพ่อมักจะบรรยายว่า วันนี้เราทั้งหลายมาประชุมกันที่นี่
ก็เพื่อไว้อาลัยแก่บุคคลผู้หนึ่งซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้ว
ร่างกายของคนเรานั้น เมื่อแก่ชราเต็มที่แล้วก็เหมือนกับ ใบไม้
เราเดินมาในวัดในช่วงนี้จะเห็นว่า บนถนนมีใบไม้แห้งเต็มไปหมด
นั่นเป็นเครื่องแสดงให้เราเห็นว่า ชีวิตของคนเรามันก็เหมือนกับใบไม้
เริ่มต้นด้วยแตกใบอ่อน แล้วก็เป็นใบเพสลาด
แล้วเป็นใบแก่ เป็นใบเหลือง แล้วผลที่สุดก็หลุดจากขั้ว
กระจุยกระจายไปตามพื้นดิน เป็นปุ๋ยของต้นไม้ต่อไป


ชีวิตของเราก็เป็นอย่างนั้น ตั้งต้นด้วยถือปฏิสนธิในครรภ์ของมารดา
แล้วก็ค่อยๆ เจริญขึ้นตามลำดับ สิบเดือนก็ออกมาจากครรภ์ลืมตาดูโลก
พอลืมตาขึ้นก็ร้องไห้ การร้องไห้นั่นแสดงอยู่ในตัวแล้วว่า
โลกนี้มันไม่สบาย โลกนี้มันมีความทุกข์ มีความเดือดร้อน
เพราะฉะนั้น เด็กแรกเกิดทุกคนจึงร้องไห้
การร้องไห้นั้นเป็นเครื่องประกาศให้เราทั้งหลายรู้ว่า ชีวิตมันเป็นทุกข์
แล้วก็เป็นทุกข์จริงๆ สุขนั้นมันมีน้อย
เป็นเด็กแล้วก็เจริญเติบโตขึ้นโดยลำดับ
ระทั่งเป็นหนุ่มเป็นสาว เป็นผู้ใหญ่เต็มตัว
แล้วผลที่สุดก็แก่ชรา แตกดับไปตามสังขารร่างกาย



คัดลอกจาก...

Image

11 ตุลาคม 2550 08:34 น.
เรื่อง ไตรเทพ ไกรงู-สุทธิคุณ กองทอง


สาธุ สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
poivang
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 18 มิ.ย. 2005
ตอบ: 224

ตอบตอบเมื่อ: 11 ต.ค.2007, 8:01 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุค่ะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 12 ต.ค.2007, 12:21 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

"ตายแล้วไปไหน ไม่ต้องไปสนใจ
แต่ให้สนใจปัจจุบันว่า ทำตัวดีแต่ไหน
ทำความดีเสียในขณะนี้
ตายแล้วก็จะไปดีเอง ..."
สาธุ

อนุโมทนาสาธุกับคุณลูกโป่ง...ด้วยนะคะ สาธุ ยิ้ม
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
I am
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972

ตอบตอบเมื่อ: 12 ต.ค.2007, 8:27 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พฤษภกาสร...................อีกกุญชรอันปลดปลง
โททนต์เสน่งคง.............สำคัญหมายในกายมี
นรชาติวางวาย...............มลายสิ้นทั้งอินทรี
สถิตทั่วแต่ชั่วดี ............ประดับไว้ในโลกา ฯ

พฤษภ = วัว กาสร = ควาย กุญชร = ช้าง เสน่ง = เขา

สัตว์เมื่อตายไป ยังเหลือเขา หนังและงา ไว้ใช้ประโยชน์
มนุษย์เมื่อตาย เหลือทิ้งไว้แต่ ความชั่วและคุณงามความดี

: กฤษณาสอนน้อง คำฉันท์ (อินทรวิเชียรฉันท์)
: พระนิพนธ์ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส


สาธุ สาธุ สาธุ
 

_________________
ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
พิทรายา
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 12 ส.ค. 2007
ตอบ: 103
ที่อยู่ (จังหวัด): ชลบุรี

ตอบตอบเมื่อ: 27 ต.ค.2007, 9:35 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ ยิ้มเห็นฟัน ยิ้มเห็นฟัน
 

_________________
ความยึดมั่นถือมั่นทำให้เป็นทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ใบโพธิ์
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2007
ตอบ: 307

ตอบตอบเมื่อ: 30 ต.ค.2007, 7:47 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

ประวัติและปฏิปทาพระพรหมังคลาจารย์ (หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ)
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=8148

รวมคำสอนหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ
http://www.dhammajak.net/dhamma/indexnew32.php
 

_________________
ทำความดีทุกๆ วัน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง