Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
ธรรมะจากต้นไม้
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ผู้ตั้ง
ข้อความ
poivang
บัวตูม
เข้าร่วม: 18 มิ.ย. 2005
ตอบ: 224
ตอบเมื่อ: 11 ต.ค.2007, 11:57 am
ธรรมะจากต้นไม้
โดยท่าน ภิกขุ ปัญญาวัฒน์
อาจารย์ท่านหนึ่งสอนศิษย์ให้ไปกวาดใบไม้แห้งที่ลานวัดทุกๆวัน กวาดแล้วรุ่งขึ้นท่านอาจารย์ก็ถามลูกศิษย์ว่าพบอะไรบ้าง ลูกศิษย์ก็บอกว่าไม่เห็นมีอะไรไม่พบอะไร ท่านก็ให้กวาดใบไม้แห้งต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะพบอะไรสักอย่าง ลูกศิษย์ก็กวาดต่อไปเรื่อยๆ บางทีก็พบเศษสตางค์ที่คนมาเที่ยวทำตกหล่นไว้ ก็เอาไปให้อาจารย์ อาจารย์ก็บอกว่าสตางค์ไม่มีประโยชน์อะไร ก็ให้กวาดต่อไปทุกวันกวาดไปเรื่อยๆ
วันหนึ่งลูกศิษย์ก็วางไม้กวาดนั่งลงนึกตรึกตรองเรื่องการกวาดใบไม้ ก็ได้พบความจริงและนำความนั้นไปบอกอาจารย์ว่า ผมกวาดใบไม้มาเดือนหนึ่งแล้วเพิ่งพบความจริงวันนี้เอง ท่านอาจารย์ถามลูกศิษย์ว่า พบอะไร เขาก็บอกกับอาจารย์ว่า พบว่าสิ่งทั้งหลายมันไม่เที่ยง มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อาจารย์ก็บอกว่า กวาดต่อไปอีกที่พบน่ะมันน้อยเกินไป ลูกศิษย์คนนั้นก็กวาดใบไม้ทิ้งต่อไป จนกว่าจะพบสิ่งที่อาจารย์อยากให้พบ
เราคงเคยเห็นใบไม้หล่นเต็มสนามแล้วก็เห็นเด็กๆ หรือคนใช้ไปกวาดมันทิ้งเสีย คนที่กวาดขยะทุกวันๆ แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในใจ แต่ถ้าเป็นคนที่มีการศึกษาทางธรรมะเมื่อกวาดใบไม้แห้งก็ย่อมจะเกิดความคิด เกิดความคิดขึ้นว่าใบไม้อ่อนแล้วก็เป็นใบแก่ แล้วก็เป็นใบสีเหลือง แล้วก็ร่วงหล่นกองอยู่ที่พื้นจนเราต้องกวาดไปทิ้ง
เมื่อเกิดคิดอย่างนั้นขึ้นมาก็เอามาเปรียบเทียบกับตัวเองว่าสมัยหนึ่งเราก็เคยเป็นเด็กน้อยนอนแบเบาะ แล้วต่อมาก็โตขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งเป็นผู้ใหญ่เวลานี้อายุเท่าไหร่ หรืออยู่ในสภาพใบไม้เหี่ยวใบไม้สีเหลือง ไม่เท่าไหร่ก็จะร่วงหล่นลงไปนอนในหีบศพ ถ้าคิดขึ้นมาอย่างนี้ก็เกิดความสลดใจ แล้วจะได้กลับจิตกลับใจเข้าหาการทำความดีได้
คนเรานี่ทำอะไรต้องพิจารณาให้ได้ความจริง อย่างปลูกต้นไม้ดอกไม้อย่าเพียงแต่ปลูกเพื่อความเพลินใจ แต่ปลูกเพื่อศึกษาความจริงจากต้นไม้ดอกไม้ในแง่ธรรมะ เช่นปลูกกุหลาบใส่กระถางไว้ก็ต้องดูกุหลาบเพื่อให้เกิดธรรม เราควรพิจารณาว่าเราได้อะไรจาการปลูกกุหลาบหรือปลูกกล้วยไม้บ้าง นอกจากความเพลิดเพลินเจริญใจจากความสวยงามและความหอมของดอกไม้แล้วเรายังได้แง่คิดอะไรทางธรรมจากการปลูกดอกไม้เหล่านี้บ้าง
อะไรที่อยู่รอบๆตัวเรานั้นเป็นธรรมะ พระพุทธองค์กล่าวกับพระวักกลิว่า โย โข วกกลิ ธมฺมํ ปสฺสติ โส มํ ปสฺสติ ดูก่อนวักกลิ ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเรา อันนี้แหละคือตัวปัญญา ถ้าเราเห็นธรรมะคือเห็นความไม่เที่ยงของสิ่งนั้นก็ดี เห็นความทุกข์ของสิ่งนั้นก็ดี เห็นความเป็นอนัตตาความไม่มีตัวตนของสิ่งเหล่านั้นก็เรียกว่าเราได้ธรรมะ
เมื่อเห็นแล้วก็ยังจะต้องคิดต่อไป พิจารณาต่อไป เวลาเราไปมองสิ่งอื่นก็จะได้เกิดความเปรียบเทียบให้เห็นว่ามันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันไม่มีความแตกต่างกัน คนเราเมื่อเห็นอะไร(ทางธรรม)เหมือนกันเมื่อใดแล้วเราก็ไม่เป็นทุกข์ แต่ถ้าเราเห็นอะไรแตกต่างกันไป เช่น เห็นว่าสวย เห็นว่าไม่สวย เห็นหญิง เห็นชาย เห็นหนุ่มเห็นสาว เห็นชอบ เห็นไม่ชอบ เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เป็นต้น เพราะเหตุแห่งความเห็นอะไรที่แตกต่างกันนี่แหละ จึงเป็นเหตุให้เกิดกิเลส เป็นเหตุให้รักในบางครั้งชังในบางคราว ลุ่มหลงมัวเมาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
ในแง่ธรรมะนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าท่านสอนให้เรามองเห็นอะไรๆให้เห็นเป็นสิ่งเดียว ไม่ให้เห็นเป็นสอง ไม่ให้เห็นเป็นคู่แต่ให้เห็นเป็นเรื่องเดียว ปัญญาที่มองเห็นอะไรเป็นอันเดียวกันนี่แหละ เป็นจุดหมายอันหนึ่งของพระพุทธศาสนา ลักษณะสามัญนามของสิ่งเหล่านั้นมันคืออะไร คือความไม่เที่ยงเรียกว่า อนิจจัง ความคงทนอยู่ไม่ได้คือ ทุกขัง ความไม่มีตัวตนที่แท้จริงคือ อนัตตา
เมื่อวกกลับมาถึงต้นไม้ดอกไม้เช่นดอกกุหลาบดอกกล้วยไม้ที่ปลูก แล้วเห็นสัจธรรมอะไร ก็เห็นไตรลักษณ์นี่แหละคือความไม่เที่ยง (เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป) ทุกขังความคงทนอยู่ไม่ได้ และความไม่มีตัวตนที่แท้จริง เช่นกุหลาบที่ปลูกไว้ในกระถางหน้าบ้าน มีดอกสีแดงสวยสดงดงามมีกลิ่นหอมของกุหลาบที่สดชื่น ความเป็นจริงคือดอกกุหลาบนั้นเกิดขึ้นเป็นดอกตูมอ่อนเติบโตไม่กี่วันดอกนั้นก็บานเห็นสีแดงสดมีกลิ่นหอม เมื่อวันเวลาผ่านไปสักสองสามวันดอกกุหลาบเริ่มเหี่ยวกลีบกุหลาบเริ่มโรย วันที่สี่วันที่ห้ากลีบกุหลาบโรยจนหมดความสวยหมดความหอม
สัจธรรมความจริงได้ปรากฏเห็นความเกิดดับความคงทนอยู่ไม่ได้ของดอกกุหลาบ และความไม่มีตัวตนที่แท้จริงของดอกกุหลาบที่มีสีแดงสวยสดและมีกลิ่นหอมนั้น เพราะความจริงมีอยู่เช่นนี้เองจึงต้องมองให้เห็นเป็นอันเดียวกันในทางเดียวกันในมุมมองเดียวกัน การเห็นสิ่งเดียวกันแตกต่างกันเป็นเหตุให้เกิดกิเลส เช่นเดียวกับการมองดอกกุหลาบให้เห็นความเป็นจริง
และการเห็นความจริงของสิ่งอื่น ตัวอย่างเช่นชายหนุ่มเห็นหญิงสาว บ้างเห็นว่าเธอสวย บ้างเห็นว่าเธอรวย บ้างเห็นว่าเธอนิสัยดี บ้างเห็นว่าเธอเก่ง ต่างก็อยากได้เธอมาเป็นคู่ครองตามที่ตนคิดเห็น ทำให้เกิดกิเลสความลุ่มหลงแก่งแย่งกันจีบว่าใครจะจีบเธอได้เป็นคู่ครอง ถ้ามองในด้านเดียวกันในแง่ธรรมะทุกคนก็คงไม่มีใครอยากจะแก่งแย่งกันจีบเธอ เพราะความสาวสวยนั้นอยู่ชั่วคราวแล้วต่อไปเธอก็แก่เจ็บตาย สภาพร่างกายก็ไม่น่าดูเมื่อถึงเวลาดังกล่าวหนุ่มที่ไหนจะมาตามจีบตามชอบเธอ คงไม่มีหนุ่มคนไหนตามจีบตามชอบผู้หญิงแก่ๆ ผู้หญิงที่ตายแล้ว
แก้ไขล่าสุดโดย poivang เมื่อ 12 ต.ค.2007, 4:14 pm, ทั้งหมด 2 ครั้ง
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
ตอบเมื่อ: 11 ต.ค.2007, 1:13 pm
สาธุ สาธุ สาธุค่ะ...คุณ poivang
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป...เป็นธรรมดา
ธรรมะสวัสดีวันพระค่ะ
poivang
บัวตูม
เข้าร่วม: 18 มิ.ย. 2005
ตอบ: 224
ตอบเมื่อ: 11 ต.ค.2007, 8:04 pm
สวัสดีค่ะคุณลูกโป่ง ธรรมะสวัสดีวันพระเช่นกันค่ะ
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
ตอบเมื่อ: 12 ต.ค.2007, 12:15 am
มองธรรมะเป็นหนึ่งเดียวที่มีคู่ตรงข้าม จึงเข้าใจใน "ไตรลักษณ์"
อนุโมทนาสาธุด้วยนะคะ คุณ poivang
(ท่านยกตัวอย่าง "ดอกกุหลาบ" ได้โดนใจมากเลยค่ะ)
I am
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972
ตอบเมื่อ: 12 ต.ค.2007, 8:12 am
สาธุ..โมทนาด้วยครับ คุณปล่อยวาง..
_________________
ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก
poivang
บัวตูม
เข้าร่วม: 18 มิ.ย. 2005
ตอบ: 224
ตอบเมื่อ: 12 ต.ค.2007, 4:25 pm
สวัสดีค่ะคุณกุหลาบสีชาและคุณI am
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th