Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ทำอย่างไรให้เวลาที่ต้องอยู่คนเดียวแล้วไม่เกิดความเครียดและฟุ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ธรรมะวัฒนะ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 16 เม.ย.2005, 9:41 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อายุ 49 ปี รับราชการมาตลอดตั้งแต่เรียนจบเมื่ออายุ 21 ปี ปัจจุบันหย่าขาด

จากสามี และอยู่คนเดียวมาตลอด แต่เวลาที่อยู่คนเดียวไม่ได้ทำงาน หรือ

ช่วงที่มีวันหยุดงานยาวมักจะเครียดและฟุ้งซ่าน คิดไปเองว่าสิ่งต่างๆที่ตัวเอง

ทำเป็นสิ่งที่ผิดศีลธรรม ทั้งที่ข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย ควรจะแก้ไข

อย่างไร อย่าตอบว่า หลีกเลี่ยงการอยู่คนเดียวนะครับ เพราะบางครั้งเวลา

มีวันหยุดงานนานๆหลายๆวัน จำเป็นอย่างยิ่งต้องอยู่คนเดียว เช่น เทศกาล

สงกรานต์ที่ผ่าน เป็นต้น
 
เกียรติ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 16 เม.ย.2005, 8:07 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

นี่หมายถึง เพื่อนของคุณธรรมะวัฒนะใข่มั้ยครับ ผมว่า เป็นเพราะใจของเพื่อนท่านนี้ ยังไม่มีกำลังเพียงพอน่ะครับ เธอน่าจะต้องหาวิธีสร้างกำลังใจขึ้นมาก่อน (ที่เรียกเธอ เพราะใช้ว่า หย่ากับสามี ก็น่าจะเป็นผู้หญิง)

กำลังแห่งใจ หรือ ที่เรียกว่า พละ 5 นั้น ได้แก่ กำลังแห่งสติ สมาธิ ปัญญา ศรั่ทธา ความเพียร ในความเห็นของผม ถ้ากำลังแห่งใจ แม้อย่างใดอย่างหนึ่ง มีกำลังเพียงพอ เรื่องนี้จะไม่เป็นปัญหาเลย เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สมัยยังบำเพ็ญบารมีเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ พระองค์ก็ฝึกกำลังทั้ง 5 นี้เหมือนกัน มีหลายๆ ชาติมากมาย ที่พระองค์ออกบวชเป็นดาบส อยู่คนเดียวตลอดชีวิต โดยไม่เหงาเลย มีแต่ความสุขใจ ลองมาดู ทีละข้อกันเลยนะครับ



1. กำลังแห่งสติ มีสติอยู่กับปัจจุบัน เพราะอดีตผ่านไปแล้วย้อนไปแก้ไม่ได้ อนาคตก็ยังมาไม่ถึง ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ด้วยการมีสติทุกอิริยาบถ (รายละเอียด ต้องลองอ่านกระทู้ฝึกสติของเพื่อนๆ ในเว็บนี้ดูนะครับ เพราะหลายๆ ท่านจะเชี่ยวชาญเรื่องฝึกสติกว่าผมมากๆ เลยครับ) เพราะสติ คือ คู่ปรับตัวฉกาจกับ ความฟุ้งซ่านครับ เรี่ยกว่า แพ้ทางกันอยู่

2. กำลังแห่งสมาธิ คือ มีจิตตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์เดียว เมื่อฝึกสมาธิเป็นประจำจิตใจจะมีพลัง ชนะความอ่อนล้า อ่อนแอ ของใจได้

3. กำลังแห่งปัญญา คือ ความฉลาดแห่งใจ ที่ช่วยจะคิดหาวิธีนำแต่สิ่งที่มีประโยชน์เข้ามาสู่ชีวิต การฝึกปัญญา ฝึกได้จากการศึกษา (ยังไม่พูดถึงระดับวิปัสสนานะครับ) ดังนั้น คุณควรหาสื่อ เช่น เทป วีซีดี หนังสือ ที่ประกอบไปด้วยเรื่องราวของผู้ไม่ยอมแพ้ชีวิต ผู้ทำประโยชน์ให้สังคม มาให้เธอศึกษา พอศึกษาแล้วจะเกิดกำลังใจทำตามตัวอย่างที่ดีๆ เหล่านั้น เช่น คนเป็นโรคเอสด์ ที่เดินทางไปทั่วประเทศ เพื่อให้ความรู้กับคนทั้งหลาย หลังจากเขาได้ทำอย่างนี้ เขาไม่กลัวตายอีกเลย ฯลฯ แล้วจะรู้สึกว่าชีวิตมีคุณค่า ไม่เหงา (ส่วนหนึ่งของความเหงามาจากความคิดว่า ตัวเองเป็นคนไร้ค่า คิดเช่นนี้มากๆ อาจถึงขึ้น อยู่ไปก็ไร้ค่า คิดฆ่าตัวตายได้ครับ)

4. กำลังแห่งศรัทธา หาคนที่เธอศรัทธา เช่น บิดามารดา (ถ้ายังอยู่) ผู้มีพระคุณ ในหลวง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ลูก ฯลฯ แล้วบอกให้เธอ จงมีมีชีวิตอยู่เพื่อคนเหล่านั้น ต้องอยู่อย่างมีความสุขด้วย อยู่ไปวันๆ ไม่ได้

5. กำลังแห่งความเพียร คือ หาอะไรที่เป็นประโยชน์ทำขึ้นมา ไม่ให้อยู่ว่างๆ เช่น ถ้าผมแนะนำนะครับ กวาดถูบ้านของตนเองครั้งใหญ่ ถ้าสะอาดแล้ว ก็กวาดรอบบ้าน ถ้าหมดแล้ว ก็กวาดรอบออกไปอีก ตามถนนสาธารณะ ฯลฯ เมื่อได้เพียรทำสิ่งต่างๆ โดยเฉพาะสิ่งที่เป็นประโยชน์เพื่อสังคมบ่อยๆ รับรองจะช่วยเยียวยาจิตใจได้มากเลยครับ

กำลังทั้ง 5 นี้ ฝึกเข้าไปเถิดครับ เมื่อใดฝึกจนใจมีกำลังทั้ง 5 นี้เข้มแข็งเพียงพอ เมื่อนั้น จะไม่มีความทุกข์ใดๆ มากล้ำกลายได้ตลอดไปเลยล่ะครับ

 
ครูใต้
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 16 เม.ย.2005, 8:21 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อย่าจมอยู่กับอดีต เพราะอดีตเป็นสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ ให้อยู่กับปัจจุบันและคิดว่าเวลาที่เหลืออยู่จะตอบแทนบุญคุณแผ่นดินอย่างไร ตามรอยพ่อ การอาบนำและชำระร่างกายให้สะอาดแล้ว สวดมนต์ และแปลความหมายของบทสวดมนต์จะทำให้จิตใจ สงบไม่ว้าวุ่น ถ้าอยากเจอความสงบก็ไปวัด เพื่อสามารถจะสนทนาธรรมกับคนที่ไปวัดจะได้เพื่อนที่เป็นกัณยาณมิตรค่ะ
 
ธรรมวัฒนะ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 16 เม.ย.2005, 10:38 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ต้องกราบขออภัยคุณ"เจี๊ยก"ด้วยนะครับ คือผมเล่ายังไม่ละเอียดพอครับ

ความเข้าใจของคุณ"เกียรติ"นั้น ถูกต้องแล้วครับ คนที่อายุ 49 ปี นั้นเป็น"หญิง"

นะครับ ก็เลยช่วยถามไถ่ให้ในฐานะที่เป็นเพื่อนกันครับ ส่วนตัวผมเองผู้ถาม

เป็นชายครับ ยังไม่เคยมีความคิดเรื่อง เกย์ หรือว่า ตุ๊ดนะครับ และผมก็ว่า เพศ

ไหนๆก็ตาม ขอให้เป็นคนดี คิดดี ปฏิบัติดี ก้อพอเพียงแล้วครับ
 
มาดู
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 17 เม.ย.2005, 12:17 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

....ฮา...มากค่ะ...ฮ่า..ๆ...ๆๆ...ๆ....ๆๆๆๆ+++++



สาธุ... ...



...อิอิอิอิ..





 
กชพร
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 17 เม.ย.2005, 6:37 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุด้วยนะคะ ที่คุณธรรมวัฒนะมีจิตเมตตากับเพื่อนอยากให้เธอพ้นจากทุกข์ในใจ ดิฉันยังตอบในด้านหลักธรรมไม่เป็นนะคะ แต่ถ้าพิจารณาทางโลก เธอผู้นั้นคงมีบางสิ่งในใจ ที่ตัวเองไม่สามารถแก้ไขได้ หมายถึงว่าผลที่ออกมาขณะนี้คือความระทมทุกข์ แต่เธอไม่สามารถแก้ไขเหตุนั้นได้ ดิฉันจึงอยากให้คุณธรรมวัฒนะ ช่วยเธอพิจารณาหาเหตุแห่งทุกข์นั้นก่อน แล้วจึงช่วยเธอพิจารณาแก้ไข จะเป็นบุญอย่างยิ่งนะคะ ตามที่คุณเกียรติแนะนำหลักธรรมมาให้นั้น ดิฉันว่าดีมากนะคะ ถ้าปฏิบัติได้ตามนั้น อาจแก้เหตุที่ระทมทุกข์ได้ คนเราทุกคนย่อมมีทุกข์ เป็นของตนเองทั้งนั้น การแก้เหตุทุกข์อยู่ที่ตัวของผู้ที่มีความทุกข์เอง ถ้าเธอพร้อมที่จะแก้ไข หากเธอไม่พร้อมดิฉันว่าไม่มีใครสามารถช่วยได้นะคะ
 
ผู้ยังมีทุกข์เช่นกัน
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 20 เม.ย.2005, 7:15 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

หากเธอไม่มีความสนใจเรื่องการฝึกปฏิบัติธรรม คงยากที่จะช่วยดึงให้หลุดพ้นจากกองทุกข์ได้เพราะมันก็ขึ้นกับกรรมเก่าของแต่ละคนเหมือนกัน หากผมมีคนที่ผมรักและสนิทมากแล้วมีปัญหาชีวิตโดยที่เจ้าตัวไม่อยากฝืนใจถือศีล ปฏิบัติธรรม ผมจะพยายามหลอกล่อ(ไม่รู้บาปหรือเปล่า) ให้เขาทำบางสิ่งซึ่งผมคิดว่าง่าย ใครก็ทำได้ แต่จะหาเทคนิคอะไรจูงใจให้เขาเกิดการอยากทำ เช่น พาไปตลาดแบบไม่ได้ตั้งใจก็หลอกให้ซื้อปลาสักสิบบาทหรือยี่สิบบาทให้เราโดยไม่บอกว่าจะเอาไปทำอะไรสุดท้ายก็แวะเข้าวัดแล้วไปสระน้ำบอกให้เขาช่วยปล่อยปลาให้เราหน่อยตอนปล่อยก็เปรยให้เขาฟังไปบ้างว่าชีวิตบางชีวิตเป็นทุกข์ยิ่งกว่าเราอีกเน้อะวันวันได้แต่รอคอยความตายอย่างเดียวแต่เราผู้กำลังมีทุกข์ก็ยังอุตส่าห์ช่วยให้ชีวิตเหล่านั้นหลุดพ้นความทุกข์ได้อีก บางครั้งก็เล่าสิ่งมหัศจรรย์เกี่ยวกับคาถาให้คนที่ไม่เคยปฏิบัติธรรมฟัง แล้วเอาคาถาที่ยาวนั้นมาช่วยฝึกให้เขาท่องจำให้อ่านแล้วเขียนทีละบรรทัดบ้าง ทายบ้างหวังให้เขาท่องจำให้ได้ แล้วก็จูงใจให้เขาสวดบทนั้นทุกวันในเวลาที่เขาสะดวก ก็กลายเป็นว่าให้เขาฝึกภาวนาโดยไม่รู้ตัว แต่คิดว่าไม่มีอะไรง่ายหรอกครับ ความคิดผมในธรรมชาติคนเราจะมีความทุกข์ การทำความชั่วอยู่มันไม่แปลก แต่มีหนทางไหนที่จะแทรกกิจอันเป็นการสร้างเสริมบุญบารมีให้เกิดขึ้นในผู้นั้นได้บ้างเท่านั้น เริ่มจากทีละนิดก็ยังดีให้เกิดขึ้นเป็นระยะระยะแล้วเพิ่มความถี่ทีละหน่อย จนนานเข้าเจ้าตัวติดเป็นนิสัยจนกลายเป็นทุกวันแล้วมันก็จะเป็นกำลังเพิ่มขึ้นมาเรื่อยเรื่อย ให้กำลังของความอยากทำความชั่วหรือความหลงมัวเมามันลดลงไปเองตามธรรมชาติ จะไปทำแค่ช่วงเดียวแรงแรงหนักหนักหวังให้หายเลยโดยฝืนใจทำไม่น่าจะสำเร็จได้ครับ
 
TU
บัวทอง
บัวทอง


เข้าร่วม: 23 พ.ค. 2004
ตอบ: 1589

ตอบตอบเมื่อ: 21 เม.ย.2005, 9:44 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขออนุโมทนาบุญเป็นอย่างยิ่งกับทุกๆ ความคิดเห็นนะค่ะ



โดยเฉพาะความคิดเห็นของ คุณเกียรติ เป็นความคิดเห็นที่ถูกต้องตรงทาง

ถ้าเพียรฝึกฝนปฏิบัติตาม รับรองเห็นผลทันตาในชาตินี้เดี๋ยวนี้นี่เองค่ะ



ขอส่งกำลังใจและความปรารถนาดีไปสู่คุณธรรมะวัฒนะ และเพื่อนหญิงคนที่กล่าวถึงนะค่ะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวYahoo Messenger
อัตตสันโต_ภิกขุ
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 01 พ.ค. 2005
ตอบ: 4

ตอบตอบเมื่อ: 01 พ.ค.2005, 9:28 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ลองถามใจตัวเองดูว่าเราต้องการอะไรถ้ารู้แล้วก็เลือกที่จะทำเลย

แล้วก็จะพบสิ่งต้องการ อย่าให้เกิดความลังเลเมือเกิดความลังเลแล้วเลือกไม่ถูก

เลยหาความสงบไม่ได้เสียที
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง