Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 อาสีวิสสูตร-อักโกสกสูตร-กาลามสูตร (เสฐียรพงษ์ วรรณปก) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
TU
บัวทอง
บัวทอง


เข้าร่วม: 23 พ.ค. 2004
ตอบ: 1589

ตอบตอบเมื่อ: 10 ต.ค.2008, 6:26 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

อาสีวิสสูตร-อักโกสกสูตร-กาลามสูตร
โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก


อาสีวิสสูตร
“อสรพิษร้าย 5 ตัว”


พระสูตรที่จะกล่าวถึงนี้ชื่อ อาสีวิสสูตร (สูตรว่าด้วยงูพิษ) ความว่า มีคนมาบอกชายคนหนึ่งว่า มีอสรพิษ 4 ตัว จะต้องดูแลให้ดี ปลุกตามเวลา ให้อาบน้ำตามเวลา ให้กินตามเวลา ให้เข้าที่อยู่ตามเวลา ถ้าตัวใดโกรธขึ้นมามันอาจกัดเอาถึงตายได้ ชายคนนั้นกลัวอสรพิษ 4 ตัวนั้น จึงหนีไปที่อื่น

ณ ที่นั้นมีคนบอกว่า มีเพชฌฆาต 5 คนไล่ตามหลังมา พบท่านที่ใดจะฆ่าท่านทันที เขาวิ่งด้วยความกลัว มีคนบอกเขาอีกว่ามีพวกโจรเหาะเหินเดินอากาศได้ เงื้อดาบไล่ตามหลังท่านมา พบท่านที่ใดจะตัดศีรษะท่านทันที ณ ที่นั้น เขากลัวอสรพิษ กลัวเพชฌฆาต กลัวโจร วิ่งหนีไปยังบ้านร้างแห่งหนึ่ง มีคนบอกว่า มีโจรคอยดักฆ่าคนที่เข้ามาบ้านร้างนี้เสมอ เขากลัวรีบหนีไป พบห้วงน้ำใหญ่แห่งหนึ่ง ฝั่งนี้เต็มไปด้วยอันตราย ฝั่งโน้นปลอดภัย เขาจึงเอาไม้มาผูกเป็นแพ พยายามแจวหรือพายจนข้ามถึงฝั่งโน้นโดยสวัสดี

พระพุทธองค์ตรัสดังนี้ ทรงไขความว่า

อสรพิษ 4 ตัว หมายถึง มหาภูตรูป 4 อันได้แก่ ดิน น้ำ ไฟ ลม

เพชฌฆาต 5 คน หมายถึง ขันธ์ 5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

พวกโจร หมายถึง ความกำหนัดยินดีในกามคุณ

บ้านร้าง หมายถึง อายตนะภายใน คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

ห้วงน้ำใหญ่ หมายถึง กาม ภพ (ความมีความเป็น) ความเห็นผิด ความโง่เขลา

ฝั่งนี้ หมายถึง ร่างกายของเรา

ฝั่งโน้น หมายถึง พระนิพพาน

แพ หมายถึง อริยมรรคมีองค์ 8

การพยายามแจวหรือพายเรือด้วยมือและเท้า คือ การทำความเพียรฝึกฝนอบรมตน

การถึงฝั่งโดยสวัสดี หมายถึง การบรรลุอรหัตผลเป็นพระอรหันต์ ถึงจุดหมายปลายทางแห่งชีวิต

พระสูตรนี้ตรัสเป็นปริศนาธรรมให้ขบคิดหาคำตอบ คล้าย “โกอาน” หรือ “กงอั้น” ที่นิกายเซ็นนำไปใช้อย่างแพร่หลาย

สูตรทำนองนี้มีไม่น้อยในพระไตรปิฎก จะได้มาเล่าสู่กันฟังตามลำดับ


อักโกสกสูตร
“ทำอย่างไรเมื่อถูกคนอื่นด่า”


ในชีวิตประจำวันเรามักถูกคนด่าว่า หรือนินทาให้เสียหายทั้งๆ ที่บางทีเราก็ไม่ได้ทำอะไรผิด บางท่านทนไม่ได้ก็อาจ “ด่าตอบ” หรือนินทาตอบเพื่อให้หายแค้น บางท่านก็ “ทำใจ” ได้ ไม่ต่อล้อต่อเถียงด้วย ก็ดีไปอย่าง

มีพระสูตรหนึ่งชื่อ อักโกสกสูตร น่าจะนำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันเราไม่น้อย เรื่องมีว่า ครั้งหนึ่งมีพราหมณ์คนหนึ่ง ไม่รู้ว่าโกรธแค้นพระพุทธเจ้ามาแต่ปางไหน พบพระพุทธองค์ก็เข้าไปด่าเลย แบบไม่ทันได้ตั้งเนื้อตั้งตัว

ด่าว่าอย่างไรไม่ได้ให้รายละเอียดไว้ บอกแต่ว่า อสพฺภาหิ ผรุสาหิ วาจาหิ อกฺโกสติ ปริภาสติ ด่าและบริภาษด้วยวาจาหยาบคาย ไม่ใช่ของสุภาพบุรุษ

เมื่อเขาด่าจนพอแล้ว พระพุทธองค์ตรัสถามว่า พราหมณ์ที่บ้านท่านมีญาติมิตรมาเยี่ยมบ้างไหม พราหมณ์บอกว่ามีสิ ข้าพเจ้ามิใช่คนสิ้นญาติขาดมิตรนี่ (หว่า) พระองค์ตรัสถามว่า เวลาเขามาท่านเอาอะไรต้อนรับเขา พราหมณ์บอกว่าก็เอาน้ำดื่ม ของเคี้ยวของกินต้อนรับสิ

“ถ้าแขกที่มาบ้านท่าน ไม่กินไม่ดื่มของต้อนรับเหล่านั้น ของเหล่านั้นจะเป็นของใคร” พระพุทธองค์ตรัสถาม

“ก็ตกเป็นของข้าพเจ้าตามเดิมสิ” พราหมณ์ตอบ

พระพุทธองค์ตรัสต่อไปว่า “เช่นเดียวกันนั่นแหละพราหมณ์ ท่านด่าเรา เราไม่รับคำด่านั้น คำด่านั้นก็ตกเป็นของท่านสินะ”

โดนเข้าไม้นี้อีตาพราหมณ์นิ่งอึ้งเลย พระพุทธองค์ตรัสสอนต่อไปว่า

“ผู้โกรธตอบคนที่ด่า เลวกว่าคนด่าเสียอีก คนที่ไม่โกรธตอบคนที่ด่านับว่าชนะสงครามที่ชนะได้แสนยาก คนที่มีสติยับยั้งชั่งใจ ไม่โกรธ เวลาเขาด่า นับว่าทำประโยชน์ทั้งแก่ตนและคนอื่น แต่คนเช่นนี้ คนที่ไม่เข้าถึงธรรมมักจะหาว่าเป็นคนโง่”

พราหมณ์สำนึกผิดว่าตนได้ด่าผู้ที่ไม่สมควรด่าอย่างยิ่ง จึงปฏิญาณตนนับถือพระรัตนตรัย ทูลขอบวชในพระพุทธศาสนา หลังจากบวชไม่นานก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์


กาลามสูตร
“หลักความเชื่อของชาวพุทธ”


คงเคยได้ยินชื่อ กาลามสูตร กันมาบ้างไม่มากก็น้อย พระสูตรนี้ชาวตะวันตกที่หันมาสนใจพระพุทธศาสนารู้จักกันดี เพราะมีเนื้อหา “ท้าทาย” และบ่งบอกเอกลักษณ์ของความเป็นพุทธอันแตกต่างจากศาสนาดั้งเดิมที่พวกเขานับถือ

นั่นคือเน้นบทบาทของปัญญา ก่อนจะเชื่อถือปฏิบัติอะไรให้ใช้ปัญญาพิจารณาให้รอบคอบเสียก่อน

เนื้อความของพระสูตรมีว่า ชาวกาลามะแห่งเกสปุตตนิคม เมื่อพบพระพุทธเจ้าก็พากันกราบทูลว่า สมณพราหมณ์หลายพวกหลายลัทธิผ่านมายังหมู่บ้านนี้ ต่างฝ่ายต่างก็ยกย่องลัทธิของตนว่าถูก ตำหนิว่าลัทธิของฝ่ายอื่นว่าผิด พวกตนงงไปหมด ไม่รู้จะเชื่อฝ่ายไหน

พระองค์ตรัสว่า ก็น่าที่พวกเธอจะสงสัยอยู่ดอก เพราะแต่ละฝ่ายก็ยกย่องแต่ลัทธิความเชื่อของตน เราตถาคตขอบอกว่า

1. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะฟังตามกันมา

2. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะนับถือสืบๆ กันมา

3. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะข่าวเล่าลือ

4. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีอ้างไว้ในตำรา

5. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะตรรกะ (โบราณแปลว่า “เดา” แต่หมายถึงเหตุผลทางตรรกะ)

6. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะอนุมาน (คือสรุปจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏ)

7. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะคิดตรองตามอาการที่ปรากฏ

8. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะเข้ากับความเห็นของตน

9. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะรูปลักษณะน่าเชื่อถือ

10. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะเห็นว่าผู้พูดเป็นครูของตน

พุทธวจนะนี้มิได้หมายความว่า ทรงสอนให้เป็นคนไม่เชื่อถืออะไรเลย แต่ให้ใช้ปัญญาไตร่ตรองก่อนจึงค่อยเชื่อ “ต่อเมื่อใด รู้ด้วยใจว่า ธรรมเหล่านี้เป็นอกุศลหรือกุศล มีโทษหรือไม่มีโทษ เป็นต้นแล้ว จึงควรละหรือถือปฏิบัติตาม”

ความจริงพระสูตรนี้ชื่อ เกสปุตติยสูตร แต่เพราะแสดงแก่ชนเผ่ากาลามะ จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า กาลามสูตร


หนังสือพิมพ์ข่าวสดรายวัน หน้า 31
คอลัมน์ ธรรมะนอกธรรมาสน์ โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก
วันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6525
 

_________________
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวYahoo Messenger
มิตรตัวน้อย
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 12 พ.ค. 2008
ตอบ: 48

ตอบตอบเมื่อ: 10 ต.ค.2008, 3:29 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุจ้า...

สู้ สู้ สาธุ ยิ้มเห็นฟัน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ฌาณ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์

ตอบตอบเมื่อ: 10 ต.ค.2008, 9:14 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สู้ สู้ สู้ สู้ สู้ สู้ สาธุ สาธุ สาธุ
 

_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง