|
|
|
 |
ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
เว็บมาสเตอร์
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 มี.ค. 2005
ตอบ: 993
|
ตอบเมื่อ:
27 มิ.ย.2007, 2:59 pm |
  |
พระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล
ยิ่งใหญ่เพียงฟ้าจดดิน
พระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล องค์สีน้ำตาล ประดิษฐานอยู่บนที่สูงสุดในพระราชอาณาจักรไทยเคียงคู่กับ พระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ องค์สีม่วงอมชมพู ตั้งอยู่บนกิโลเมตรที่ ๔๑.๕ ทางด้านซ้ายมือ สร้างขึ้นโดยกองทัพอากาศร่วมกับพสกนิกรชาวไทย โดยพระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล สร้างถวาย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๕ รอบ ๖๐ พรรษา เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๐ และพระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ สร้างถวาย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ ๙ เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๕ รอบ ๖๐ พรรษา เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๕
เป็นเวลากว่า ๒๐ ปีแล้ว ที่พระมหาสถูปเจดีย์อันยิ่งใหญ่เพียงฟ้าจดดินองค์นี้ ได้ประดิษฐานอย่างสง่างาม เป็นที่เคารพสักการะของปวงชนชาวไทย ณ ยอดดอยอินทนนท์ ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ อันเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย คือสูงเกือบ ๘,๐๐๐ ฟุต และมีความหนาวเย็นตลอดทั้งปี
ที่มาของพระมหาสถูปเจดีย์นั้น เนื่องด้วยในมหามงคลวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๕ รอบ ในวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๐ เป็นปีเดียวกันกับที่กองทัพอากาศมีอายุครบ ๗๒ ปี ดังนั้น กองทัพอากาศจึงได้เห็นพ้องกันว่า สมควรร่วมใจบริจาคทรัพย์ทำบุญสร้างอนุสารณียวัตถุขึ้นเป็นที่ระลึกวาระสำคัญของกองทัพอากาศ และเฉลิมพระเกียรติน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศลในศุภวาระมงคลนี้
จึงได้จัดสร้างพระสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ด้วยเหตุผลว่า คงจะไม่มีสิ่งอื่นใดเทียบเท่าการสร้างพระบรมธาตุเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กอปรทั้งปวงอาณาประชาราษฎร์ต่างเห็นประจักษ์แจ้งว่า นอกจากจะทรงดำรงฐานะแห่งองค์เอกอัครศาสนูปถัมภก โดยเฉพาะทรงช่วยอภิบาลบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสถาพรยิ่งกว่าในกาลรัชสมัยใดแล้ว ยังทรงเจริญพระราชศรัทธาเลื่อมใสในพระบวรพุทธศาสนาอย่างยิ่งยวดอีกด้วย ทั้งไม่แต่การถวายพุทธสักการะเป็นอามิสบูชา แม้การปฏิบัติบูชาก็ทรงมีพระราชศรัทธาบำเพ็ญภาวนาให้ทรงบรรลุและสำเร็จได้จริงจัง
เหตุที่เลือกดอยอินทนนท์ ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงเป็นพระมหาธรรมิกราชา ทรงมีพระบรมเดชานุภาพ และพระบารมีแผ่ไพศาลสุดแผ่นดินและจดแผ่นฟ้า ดังนั้น สถานที่ประดิษฐานพระบรมธาตุเจดีย์นี้ จึงควรสถิตอยู่ ณ จุดที่สูงสุดบนผืนแผ่นดินไทย เพื่อให้สมกับพระมหากรุณาธิคุณ พระมหาเมตตาธิคุณ และพระมหาบริสุทธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งได้สถิตอยู่สูงสุด และในดวงใจของปวงพสกนิกรทุกหมู่เหล่า
พระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล มีความหมายว่า พระสถูปเจดีย์บรรจุพระบรมธาตุที่ยิ่งใหญ่เพียงฟ้าจดดิน มีความสูง ๖๐ เมตร เพื่อเป็นนิมิตรหมายการสร้างเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระชนมพรรษาครบ ๖๐ พรรษา องค์พระมหาสถูปเจดีย์มีสัณฐานทรงระฆัง ๘ เหลี่ยม มีลวดลายแบ่งออกเป็น ๓ ช่วง แทนพระบารมี ๓ ขั้นตอนที่พระพุทธเจ้าได้ทรงบำเพ็ญ อันประกอบด้วย บารมีขั้นแรก ๑๐ ขั้น อุปบารมี ๑๐ ขั้น และปรมัตถบารมี ๑๐ ขั้น รวมเป็น บารมี ๓๐ ทัศ
ส่วนที่เหนือรูปทรงระฆัง เป็นรูปบัวหงาย ๘ กลีบ หมายถึงมรรคมีองค์ ๘ และส่วนบนสุดขององค์พระมหาสถูปเจดีย์ มีรูปทรงเป็นยอดปลี ซึ่งหมายถึงการตรัสรู้สู่พระนิพพาน และที่ปลายยอดปลีกั้นด้วยฉัตรโลหะสีเงิน ๙ ชั้น ฉลุลายสีเงิน มียอดเป็นสีทอง อันหมายถึง อุดมมงคลอันสูงสุด และเป็นร่มเกล้าที่พระมหากษัตริยาธิราช รัชกาลที่ ๙ ผู้ทรงเป็น นวราชบพิตร ถวายเป็นพุทธบูชา
ส่วนพื้นฐานอันเป็นที่ตั้งขององค์พระมหาสถูปเจดีย์ เป็นลานประทักษิณ ๒ ชั้น ซึ่งมีซุ้มภาพปั้นด้วยดินเผาด่านเกวียน เป็นศิลปะแบบนูนต่ำ ภาพทศชาติชาดก ภาพธรรมชาติของป่าหิมพานต์ และสัตว์ในป่าหิมพานต์ และที่หน้าบันซุ้มทางเข้าภายในองค์พระมหาสถูปประดิษฐาน พระปรมาภิไธย ย่อ ภ.ป.ร. ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎ
ภายในองค์พระมหาสถูปเจดีย์ เป็นห้องโถงโล่งทรง ๘ เหลี่ยม เพดานสูง ตรงกลางห้องประดิษฐานพระพุทธรูปปางประทานพร จำหลักด้วยหินแกรนิต ส่วนผนังห้องโถงประดับด้วยภาพศิลาจำหลัก แบบนูนต่ำ ๔ ภาพใหญ่ แสดงพุทธประวัติ ๔ ตอนสำคัญ คือ ประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนา และปรินิพพาน สำหรับพระพุทธรูปปางประทานพรนี้ มีขนาดหน้าตักกว้าง ๖๐ นิ้ว ตามจำนวนพระชนมพรรษา สูง ๘๗ นิ้ว หนัก ๖ ตัน โดยแกะสลักจากหินแกรนิตสีเขียวอมเทาของประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งกองทัพอากาศได้ว่าจ้างช่างแกะสลักชาวอินโดนีเซีย แกะสลักพระพุทธรูปปางประทานพรองค์นี้
พระพุทธบรมศาสดา นวมินทรมหาจักรีราชานุสรณ์ สัฐิพรรษาสถาพรพิพัฒน์
พระประธานในพระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล
การแกะสลักพระพุทธรูปแล้วเสร็จ และทำพิธีรับมอบเมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๓๐ (ตรงกับวันเพ็ญวิสาขบูชา) และได้อัญเชิญไปประดิษฐานเป็นพระประธานในพระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล เมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๓๐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานนามพระพุทธรูปนี้ว่า พระพุทธบรมศาสดา นวมินทรมหาจักรีราชานุสรณ์ สัฐิพรรษาสถาพรพิพัฒน์ อันมีความหมายว่า พระพุทธเจ้าผู้เป็นพระบรมศาสดา สร้างเป็นอนุสรณ์ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ พระชนมพรรษา ๖๐ พรรษา
ทั้งนี้ กองทัพอากาศได้อัญเชิญประกอบพิธีพุทธาภิเษกเบิกพระเนตร พร้อมกับพระพุทธรูปจำลองเนื้อโลหะหน้าตัก ๙ นิ้ว จำนวน ๙๙๙ องค์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๖ กันยายน พ.ศ.๒๕๓๐
ในส่วนของพระบรมสารีริกธาตุ ที่ได้อัญเชิญขึ้นประดิษฐานภายในยอดปลีพระมหาสถูปเจดีย์นี้ กองทัพอากาศได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวส่วนหนึ่ง รับจากพระสังฆมหานายกะ สิริมัลวัตตะ อนันดา วัดมัลวัตตะ เมืองแคนดี ประเทศศรีลังกาส่วนหนึ่ง และสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อครั้งทรงเจริญสมณศักดิ์ที่ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงทำพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุทั้งหมดไว้ในเจดีย์หินอ่อน และพระราชทานให้พลอากาศเอกประพันธ์ ธูปะเตมีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ในขณะนั้น) ได้นำไปประดิษฐาน ณ พระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล
พระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดลองค์นี้ ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างเมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๒๙ เวลา ๑๐.๑๙ น. โดยมีพลอากาศเอกประพันธ์ ธูปะเตมีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ในขณะนั้น) เป็นประธานก่อสร้าง ต่อมา พลอากาศเอกวรนาถ อภิจารี เป็นกรรมการอำนวยการสร้าง, พล.อ.ท.เกริกชัย หาญสงคราม เป็นประธานอนุกรรมการควบคุมการก่อสร้างและตกแต่ง, อาจารย์ไขศรี ตันศิริ และนายสันติ ชยสมบัติ เป็นสถาปนิก, นายกัญจนจักก์ สถาปนสุต เป็นวิศวกร ต่อมาเมื่อวันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงรับและทรงเปิดพระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล รวมระยะเวลาในการก่อสร้างทั้งสิ้น ๓๖๐ วัน สิ้นเงินค่าใช้จ่ายรวม ๔๕ ล้านบาทเศษ
พระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนี ถือเป็นพระมหาสถูปเจดีย์องค์แรกที่ตั้งอยู่บนแผ่นดินที่สูงที่สุดในประเทศไทย คือบนยอดดอยอินทนนท์ ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เคียงคู่กับ พระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ ซึ่งกองทัพอากาศจัดสร้างถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ ๙ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๒
มีต่อ >>>>> พระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ (สีม่วงอมชมพู) |
|
_________________ -- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง -- |
|
   |
 |
เว็บมาสเตอร์
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 มี.ค. 2005
ตอบ: 993
|
ตอบเมื่อ:
27 มิ.ย.2007, 3:01 pm |
  |
พระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ
เป็นกำลังแห่งฟ้า เป็นสิริแห่งดิน
ในปี พ.ศ.๒๕๓๕ อันเป็นปีมิ่งมหามงคลที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ ๙ ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๕ รอบ ๖๐ พรรษา กองทัพอากาศจึงได้ดำริที่จะก่อสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ไว้บนยอดดอยอินทนนท์ ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศล และเทิดพระเกียรติแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ดังนั้น ในเดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๓๒ กองทัพอากาศจึงได้เริ่มดำเนินการออกแบบและเตรียมพื้นที่ จนกระทั่งการก่อสร้างได้แล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๖
พระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ มีรูปทรง ๑๒ เหลี่ยม แสดงความหมายถึงอัจฉริยธรรม ๑๒ ประการ อันเกิดแก่พระนางสิริมหามายา พระพุทธมารดา มีระเบียงกว้างโดยรอบเป็น ๒ ระดับ ความกว้างที่ระดับระเบียงล่าง ๓๗ เมตร แสดงความหมายถึงโพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ ที่ขอบระเบียงแต่ละระดับมีซุ้มรูปกลีบบัวประดับอยู่ ๖ ซุ้ม องค์พระมหาธาตุมีความสูงจากชานพักชั้นล่างถึงยอดปลี ๕๕ เมตร
สำหรับรูปลักษณ์ขององค์เจดีย์นั้น แสดงความหมายถึงโพธิปักขิยธรรมทั้ง ๓๗ ประการ องค์เจดีย์ประดับโมเสกแก้วสีม่วงอมชมพูสีเดียวกันตลอดทั้งองค์ ที่ส่วนยอดขององค์เจดีย์เป็นยอดปลีล้อมด้วยกลีบดอกบัวตูม ประดับด้วยโมเสกแก้วสีทอง เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ กั้นด้วยฉัตรสีเงิน ๙ ชั้น
ที่ผนังด้านนอกขององค์พระมหาธาตุเจดีย์และซุ้มระเบียง ประดับด้วยภาพปั้นดินเผา เป็นเรื่องราวของพระภิกษุณี ผู้เป็นเอตทัคคะ, เรื่องราวของอุบาสิกา ผู้เป็นเอตทัคคะ และภาพสวรรค์ทั้ง ๖ ชั้น ส่วนที่ด้านบนของซุ้มประตูทั้ง ๓ ด้าน มีพระนามาภิไธยย่อ สก. ประดิษฐานไว้
ภายในเจดีย์เป็นโถงเพดานสูง มีพระพุทธรูปที่ประดิษฐานเป็นพระประธานอยู่บนแท่นกลางโถง เป็นพระพุทธรูปปางรำพึง ซึ่งเป็นพระประจำวันศุกร์ อันเป็นวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ แกะสลักด้วยหินหยกขาว จากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ขนาดความสูงเฉพาะองค์พระ ๓ เมตร ๒๐ เซนติเมตร ประทับยืนบนดอกบัว มีชายสังฆาฏิพาดอยู่บนบัลลังก์ หนักประมาณ ๕ ตัน
พระพุทธสิริกิติฑีฆายุมงคล พระประธานในพระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ
อาจกล่าวได้ว่า เป็นพระพุทธรูปหินหยกขาวที่มีขนาดใหญ่และงดงามที่สุดองค์หนึ่ง ได้รับพระราชทานนามจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ว่า พระพุทธสิริกิติฑีฆายุมงคล มีความหมายว่า พระพุทธเจ้าทรงเป็นสิริมงคล และทรงเจริญพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ ๙
ผนังตอนบนโถงประดับด้วยภาพพุทธประวัติทำด้วยโมเสกแก้วสี ซึ่งออกแบบการจัดภาพและสีด้วยคอมพิวเตอร์ สั่งทำพิเศษจากอิตาลี เป็นภาพแสดงเรื่องราวของพระนางสิริมหามายา พระพุทธมารดา, พระนางมหาปชาบดีโคตมี, พระนางยโสธราพิมพา และนางวิสาขามหาอุบาสิกา ซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาทในการส่งเสริมให้พระพุทธศาสนาได้อุบัติขึ้นในโลก รวมทั้ง ได้ทะนุบำรุงให้มีการสืบทอดพระพุทธศาสนามาจนทุกวันนี้
ส่วนผนังตอนล่างประดับด้วยภาพพระราชกรณียกิจที่สำคัญของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เป็นภาพแบบผสมนูนต่ำและนูนสูง แกะสลักด้วยหินแกรนิตสีขาว
โดยรวมแล้วรูปลักษณ์ของพระมหาธาตุเจดีย์ นั้นแสดงความหมายถึงองค์ประกอบที่ส่งเสริมให้องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า บรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ส่วนการตกแต่งแสดงถึงบทบาทของสตรีที่มีส่วนส่งเสริมและสนับสนุนให้พระพุทธศาสนาอุบัติขึ้นในโลก สีสันและวัสดุที่ใช้ประดับทั้งภายในและภายนอกองค์เจดีย์ มีลักษณะที่แสดงถึงความอ่อนช้อยงดงามตามลักษณะความงามของสตรีไทย
ในวันพุธที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๕ ณ พระตำหนักภูพิงราชนิเวศน์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พลอากาศเอกเกษตร โรจนนิล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ในขณะนั้น) และคณะ เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานพระบรมสารีริกธาตุ เพื่ออัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนยอดปลีพระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ ทรงสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ และบรรจุลงพระกรัณฑ์ทองคำด้วยพระองค์เอง
ทั้งนี้ กองทัพอากาศได้อัญเชิญ พระพุทธสิริกิติฑีฆายุมงคล ขึ้นประดิษฐานเป็นพระประธานในพระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริแล้ว ประกอบพิธีพุทธาภิเษกเบิกพระเนตรเมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๕ เวลา ๐๙.๐๙ น. พร้อมกับอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขึ้นประดิษฐานบนยอดปลีองค์พระมหาธาตุเจดีย์นี้ด้วย
พระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริองค์นี้ ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างเมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๓๒ เวลา ๑๒.๒๙ น. โดยมี พลอากาศเอกสมศักดิ์ กุศลาศัย เป็นประธานกรรมการอำนวยการสร้าง มีคณะผู้ออกแบบพระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดลชุดเดิมร่วมเป็นกรรมการอยู่ด้วย
ต่อมาเมื่อวันที่ ๘ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๖ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงรับและทรงเปิดพระมหาธาตุเจดีย์ ซึ่งได้พระราชทานนามว่า พระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ (อ่านว่า นะ-พะ-พน-พู-มิ-สิ-ริ) อันมีความหมายว่า เป็นกำลังแห่งฟ้า เป็นสิริแห่งดิน รวมระยะเวลาในการก่อสร้างทั้งสิ้น ๙๐๐ วัน สิ้นเงินค่าใช้จ่ายรวม ๑๓๕ ล้านบาท
พระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ เป็นหนึ่งในพระมหาสถูปเจดีย์ซึ่งประดิษฐานอยู่บนที่สูงที่สุดในพระราชอาณาจักรไทย เคียงคู่กับ พระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล ซึ่งกองทัพอากาศจัดสร้างถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ เนื่องในมหามงคลเจริญพระชนมายุครบ ๖๐ พรรษา ๖๐ พรรษา เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๐ ณ ยอดดอยอินทนนท์แห่งนี้
พระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ (สีม่วงอมชมพู)
ขอขอบพระคุณที่มาของข้อมูล ::
หนังสือพระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล และพระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ
จัดทำขึ้นโดย กองทัพอากาศ
(ผู้โพสต์ได้ปรับปรุงเพิ่มเติมเนื้อหาเล็กน้อย กราบขออนุญาตมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ)
ประมวลภาพ พระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล (สีน้ำตาล)
และ พระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ (สีม่วงอมชมพู)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=38&t=48707 |
|
_________________ -- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง -- |
|
   |
 |
ฌาณ
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์
|
ตอบเมื่อ:
11 ก.ย. 2008, 11:42 am |
  |
|
  |
 |
|
|
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่ คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ คุณไม่สามารถลงคะแนน คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้ คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
|
| | |