Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
ค ว า ม เ ป็ น ธ ร ร ม
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ผู้ตั้ง
ข้อความ
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
ตอบเมื่อ: 18 ส.ค. 2008, 8:02 pm
[พระพิชิตมาร]
ค ว า ม เ ป็ น ธ ร ร ม
มนุษย์มีความเสมอภาคกันด้วยดวงธรรมญาณ
เพราะเวลาทิ้งกายสังขารไม่ว่ารวยล้นฟ้า
ก็มิได้เขียนเช็คติดมือไปเลย
ยาจกเห็นใจตายก็มิได้ถือกะลาติดมือไปด้วย
ต่างต้องลงไปตัดสินความดี ความชั่ว กันในนรกเยี่ยงเดียวกัน
แต่มนุษย์มาเหยียดหยามแบ่งแยกชนชั้นกัน
ด้วยสิ่งจอมปลอมนอกกายทั้งสิ้น
ใครมีเงินมากกว่าถือว่าดีกว่า
ใครมีความรู้มากถือว่าเก่งกว่า
ความรู้ในโลกมิอาจช่วยให้ตัวเองพ้นไปจากนรกได้เลย
เพราะฉะนั้นความรู้จึงเป็นเพียงสัญญา
ที่หลงมัวติดยึดเอามาแบ่งแยกเหยียดหยามกันเท่านั้นเอง
ผู้ที่ปฏิบัติธรรมจึงมองเห็นทุกคนเสมอกัน
โดยมีทุกข์ร่วมกันเพราะฉะนั้นจึงมีเมตตาต่อกันได้
และความเป็นธรรมที่แท้จริงปรากฎขึ้น
พระธรรมาจารย์ฮุ่ยเหนิงได้กล่าวโศลกเอาไว้ว่า
"สำหรับหลักของความเป็นธรรมนั้น
ผู้ยิ่งใหญ่กับผู้ต่ำต้อย
ยืนเคียงข้างอาศัยซึ่งกันและกันได้ในยามคับขัน"
เมื่อถึงภาวะที่ไม่อาจช่วยตัวเองได้เพราะตกอยู่ในภัยพิบัติ
ความรู้สึกของการแบ่งแยกเหยียดหยามย่อมมลายไป
เพราะต่างปรารถนาหาหนทางรอดพ้นจากความตายเหมือนกัน
เพราะฉะนั้นผู้บำเพ็ญปฏิบัติที่รู้ความเป็นจริงแห่งสัจธรรม
ย่อมไม่แบ่งแยกชนชั้น
แต่บรรดาผู้ที่ตั้งตัวเป็นอาจารย์ด้วยสำคัญตนว่า
เป็นผู้ที่เหนือกว่าชนทั้งหลาย
ล้วนแต่ไม่เคยปฏิบัติความเป็นธรรมให้เป็นจริงขึ้นมาได้เลย
ผู้ที่รู้ธรรมญาณเท่านั้นจึงเห็นมนุษย์มีความเท่าเทียมกัน
สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเล็งญาณ
ไปพบหญิงชราผู้ยากจนอยู่ในกระท่อมใกล้ถึงกาลมรณะแล้ว
พระพุทธองค์ทรงเมตตา
จึงเสด็จไปหน้ากระท่อมของหญิงชราแล้วตรัสว่า
"เธอจงทำบุญกับตถาคตแล้วสุคติจักเป็นที่หมาย"
"ข้าพระองค์ยากจนเข็ญใจนักไม่มีสิ่งใดจักถวายแด่พระสมณะได้เลย"
"เธอมีน้ำมิใช่หรือ จึงตักน้ำใส่บาตรตถาคตเถิด"
หญิงชรานั้นมีความศรัทธาปสาทะในกุศลผลบุญครั้งนี้ยิ่งนัก
เมื่อตักน้ำถวายพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วก็ถึงกาลมรณะ
จึงได้ไปบังเกิดเป็นเทพธิดาบนสรวงสวรรค์
พระพุทธองค์ทรงยืนเคียงข้างเวไนยสัตว์
ด้วยเมตตาพร้อมฉุดช่วยให้พ้นไปจากอบายภูมิ
แต่บัดนี้การบำเพ็ญของเหล่าศากยบุตรล้วนผิดแผก
และหลงติดอยู่ในความจอมปลอมของนอกกายทั้งสิ้น
ใครเป็นเศรษฐีมีโอกาสได้ใกล้ชิด
ส่วนคนยากจนเข็ญใจไม่มีโอกาสได้รับเมตตาเลย
เพราะฉะนั้นนับวันศาสนาก็กลายเป็นธุรกิจอย่างหนึ่ง
ที่เรียกร้องต้องการเงินมากกว่าการแจกจ่ายพระธรรมคำสอน
เพื่อให้ชนทั้งปวงพ้นทุกข์
บางวัดจึงตั้งเป้าของการหาเงินเข้าวัดเป็นร้อยล้านพันล้าน
เพียงเพื่อเสริมสร้างฐานะยกย่องตนเองอยู่สูงส่ง
จนขาดความเป็นธรรม
เพราะมิได้ยืนอยู่เคียงข้างศาสนิกชนอีกต่อไป
แต่ยืนเคียงข้างคนรวยเพียงพวกเดียวเท่านั้น
เพราะฉะนั้นการเผยแพร่ศาสนาบางแห่ง
จึงขาดความปรารถนาดีต่อศาสนิกชนของตน
เลือกที่รักมักที่ชังจนเห็นกันชัดเจน
พระธรรมาจารย์ฮุ่ยเหนิงจึงกล่าวโศลกว่า
"สำหรับหลักแห่งการปรารถนาดีต่อกัน
ผู้อาวุโสกับผู้อ่อนอาวุโสต้องสมัครสมานกัน"
ในวงการของผู้ปฏิบัติธรรม
ย่อมมีผู้อาวุโสและอ่อนอาวุโส
ซึ่งในทางธรรมย่อมไม่เพ่งเล็งที่อายุ
แต่อาศัยการเป็นผู้ปฏิบัติก่อนรู้ก่อนย่อมเป็นผู้อาวุโส
และทั้งสองฝ่ายสามารถสมัครสมานกัน
ด้วยคุณธรรมของทั้งสองฝ่ายคือ
อาวุโสต้องเมตตาต่อผู้อ่อนอาวุโส
ส่วนผู้อ่อนอาวุโสต้องอ่อนน้อมถ่อมตนและเคารพผู้อาวุโส
การสมัครสมานจึงเป็นสิ่งที่ปฏิบัติให้เป็นจริงได้
และทั้งสองฝ่ายย่อมต้องอดทนซึ่งกันและกัน
พระธรรมาจารย์ฮุ่ยเหนิงกล่าวโศลกเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า
"สำหรับหลักของขันติ เราไม่ให้มีการทะเลาะกัน
แม้อยู่ท่ามกลางของหมู่ศัตรูอั้นกักขฬะ"
ในหมู่ของผู้ปฏิบัติธรรมซึ่งยังไม่พบธรรมญาณ
ย่อมต้องอาศัยขันติคือ ความอดทนเป็นที่ตั้ง
แต่สำหรับผู้ที่พบธรรมญาณ
ความอดทนย่อมเป็นสิ่งว่างเปล่า
เพราะเขาเห็นทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็น
อนัตตา
แม้ตัวตนของตนก็ว่างเปล่า
เพราะฉะนั้นแม้ตกอยู่ท่ามกลางศัตรูอันหยาบช้า
นักปฏิบัติธรรมก็ไม่จำเป็นต้องทะเลาะแบะแว้งกับใคร
ผู้เข้าถึงธรรมญาณ
สภาวะแห่งความเป็นฟ้าอันกว้างใหญ่หาขอบเขตมิได้ย่อมปรากฏขึ้น
เพราะฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องทะเลาะกันกับใครเลย
ดังคำกล่าวที่ว่า
"แม้เราแหงนหน้าด่าฟ้าอย่างไร ฟ้าก็มิเคยตอบโต้เลย"
แต่เมื่อใดความไม่เป็นธรรมปรากฏ
เมื่อนั้น ลมพายุร้ายย่อมเป็นสาเหตุสำคัญของภัยพิบัติทั้งปวง
เฉกเช่นเดียวกับจิตใจที่ปรวนแปรนั่นแล
ที่มา : คุณ Jib โพสต์ไว้เมื่อ 28/08/2007 เวลา 11:50 ใน
http://board.dserver.org/g/gaytiplokvil/00000858.html
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th