ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
กุหลาบสีชา
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
26 มิ.ย.2007, 12:27 am |
  |
นักสนทนาธรรมที่ดี...ต้องมีคุณสมบัติอย่างไรกัน ?
ท่านเสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต
ได้กล่าวเกี่ยวกับการสนทนาธรรมไว้อย่างน่าสนใจว่า
การสนทนาธรรมตามกาล
ธรรม ในที่นี้
ไม่ได้มีความหมาย หรือจำเป็นต้องเป็นการฟังเทศน์ฟังธรรมเสมอไป
อะไรก็ตามที่มีสาระ เป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิต
ก็ถือว่าเป็นธรรมทั้งหมด
เพราะการพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้
และประสบการณ์ในสิ่งที่เป็นประโยชน์
จะทำให้เราหูกว้างตากว้างขึ้น
มีมุมมองหลากหลายขึ้น
และเมื่อฝึกบ่อยๆ ก็จะทำให้รับฟังผู้อื่นได้มากขึ้นโดยปริยาย
ทีนี้มาดูกันต่อ......ท่านบอกไว้ว่า
นักสนทนาธรรมที่ดีต้องมีคุณสมบัติดังนี้ :
๑. เป็นผู้สุภาพเรียบร้อย หนักแน่น สงบเสงี่ยม
ไม่พูดดังเกินไป หรือมุ่งสรวลเสเฮฮา
๒. ไม่กล่าววาจาหรือแสดงอาการยกตนข่มท่าน
คือคุยไปจนยกหางตัวเองไปจนน่าเกลียด
๓. ไม่คัดค้านพุทธวจนะ เวลาอ้างพุทธวจนะก็อ้างตามจริง
ไม่บิดเบือน หรือแปลงสารใส่ความเห็นของตน
โดยอ้างว่าเป็นวจนะจากพระไตรปิฎก
๔. ไม่พอใจถ้อยคำที่ทำให้เกิดความแตกร้าว
ควรพอใจพูดจาแต่ถ้อยคำที่ทำให้สมัครสมานสามัคคีกัน
ไม่ใช่ไปพูดที่ไหนก็ทำวงแตกที่นั่น
๕. ไม่ควรมุ่งชื่อเสียง หรือการยกย่องจากผู้ฟัง
ว่าตนเป็นคนมีความสามารถ เข้าวงไหนก็สำแดงภูมิว่าข้าแน่
รู้ดีกว่าใคร
๖. ไม่แสดงความโกรธ หรือขัดใจเมื่อถูกขัดแย้งด้วยเหตุผล
หรือไม่ยอมรับความคิดที่แตกต่างจากความเห็นของตน
๗. ควรตั้งใจเสมอว่า การสนทนาแต่ละครั้ง
เป็นการเพิ่มความรู้ในสิ่งที่ยังไม่รู้
หรือที่รู้แล้วจะได้แจ่มกระจ่างขึ้น
(เรียบเรียงจาก : เสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต . ธรรมะ HOW TO, หน้า ๙๖-๙๗.)
แล้ววันนี้...เราได้สนทนาธรรมกับใครบ้างแล้วหรือยังเอ่ย ?
และเมื่อประเมินตัวเองโดยปราศจากอคติแล้ว...
เราเอง...ได้ชื่อว่าเป็นนักสนทนาธรรมที่ดีตามคุณสมบัติที่กล่าวไว้
ข้างต้น...แล้วหรือไม่คะ?  |
|
แก้ไขล่าสุดโดย กุหลาบสีชา เมื่อ 26 มิ.ย.2007, 2:41 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
    |
 |
amarita
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 05 พ.ค. 2007
ตอบ: 25
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพมหานคร
|
ตอบเมื่อ:
26 มิ.ย.2007, 10:33 am |
  |
 |
|
_________________ ดีชั่วตัวทำ สูงต่ำทำตัว |
|
  |
 |
ณพรหม
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 25 มิ.ย. 2007
ตอบ: 47
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ
|
ตอบเมื่อ:
29 มิ.ย.2007, 9:07 pm |
  |
 |
|
_________________ ตะวันที่ให้แสงสว่างแก่ สัตว์ทั้งหลายทุกโลกธาตุฉันใด
ตัวเราจะเป็นผู้ให้ความสว่างชี้ทางสู่ความเป็น พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหัตถเจ้า ตลอดอนันต์โลกธาตุ จะรื้อสัตว์ขนสตัว์ให้หมดไปฉันนั้น |
|
   |
 |
เมธี
บัวตูม

เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222
|
ตอบเมื่อ:
14 ส.ค. 2008, 8:06 pm |
  |
คุณ กุหลาบสีชา มักมีสิ่งดีๆมาฝากอยู่เสมอ
ผมอ่านความเห็นคุณมานานแล้ว ก่อนที่ผมจะสมัครเป็นสมาชิกที่นี่เสียอีก
ช่วงหลังๆเพิ่งจะเริ่มตอบกระทู้
ขออนุโมทนาด้วยครับ
 |
|
|
|
    |
 |
RARM
บัวบาน

เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2007
ตอบ: 417
|
ตอบเมื่อ:
14 ส.ค. 2008, 8:35 pm |
  |
เป็นประโยชน์มากเลยครับ
ขอบคุณครับ |
|
|
|
  |
 |
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
15 ส.ค. 2008, 2:44 am |
  |
ขอบคุณคับพี่นางฟ้า |
|
_________________ ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
|
|
  |
 |
บัวหิมะ
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273
|
ตอบเมื่อ:
15 ส.ค. 2008, 8:17 am |
  |
นักสนทนาธรรมที่ดีต้องมีคุณสมบัติดังนี้ :
๑. เป็นผู้สุภาพเรียบร้อย หนักแน่น สงบเสงี่ยม
ไม่พูดดังเกินไป หรือมุ่งสรวลเสเฮฮา
๒. ไม่กล่าววาจาหรือแสดงอาการยกตนข่มท่าน
คือคุยไปจนยกหางตัวเองไปจนน่าเกลียด
๓. ไม่คัดค้านพุทธวจนะ เวลาอ้างพุทธวจนะก็อ้างตามจริง
ไม่บิดเบือน หรือแปลงสารใส่ความเห็นของตน
โดยอ้างว่าเป็นวจนะจากพระไตรปิฎก
๔. ไม่พอใจถ้อยคำที่ทำให้เกิดความแตกร้าว
ควรพอใจพูดจาแต่ถ้อยคำที่ทำให้สมัครสมานสามัคคีกัน
ไม่ใช่ไปพูดที่ไหนก็ทำวงแตกที่นั่น
๕. ไม่ควรมุ่งชื่อเสียง หรือการยกย่องจากผู้ฟัง
ว่าตนเป็นคนมีความสามารถ เข้าวงไหนก็สำแดงภูมิว่าข้าแน่
รู้ดีกว่าใคร
๖. ไม่แสดงความโกรธ หรือขัดใจเมื่อถูกขัดแย้งด้วยเหตุผล
หรือไม่ยอมรับความคิดที่แตกต่างจากความเห็นของตน
๗. ควรตั้งใจเสมอว่า การสนทนาแต่ละครั้ง
เป็นการเพิ่มความรู้ในสิ่งที่ยังไม่รู้
หรือที่รู้แล้วจะได้แจ่มกระจ่างขึ้น
สาธุ ท่านกุหลาบสีชา นำสิ่งดี ๆ มาให้อีกแล้ว ครับท่าน
จะบันทึกไว้ เตือนใจจ้า  |
|
_________________ ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ |
|
  |
 |
ขันธ์
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520
|
ตอบเมื่อ:
15 ส.ค. 2008, 9:32 am |
  |
คุณ กุหลาบสีชาครับ
ว่า สถานการณ์ในการโต้แย้งนั้นเป็นอย่างไรอยู่
คุณจะตีความตรงตัว เอามาใช้กับสถานการณ์ที่พลิกผันไม่ได้
ผมอยู่ปกติ สนทนาก็ปกติ
แต่ เมื่อมีมิจฉาทิฎฐิมา ก็ต้องพูด อีกอย่างหนึ่ง
ข้อนี้ต้องไปดูว่า การคุยกันแบบเรียบๆ มันไม่เคยทำให้ใคร ได้รู้ได้เห็นกิเลสหรอก มีแต่พอกพูนมาจนถึงวันนี้ไง
ที่เรียกตัวเองว่า นักปฏิบัติธรรม ผมยังไม่เจอใครในที่นี้ ที่เห็นจิตตนเองเลย
มีแต่ข่ม หรือมีแต่ตักตวงความรู้เข้าหัว แต่ที่ใจนี้ไม่มีธรรม
คนมีธรรม เป็นอย่างไร และ การเข้าถึงธรรมที่แท้จริงดูตรงไหน เอาไว้ว่างๆ ผมจะมาตั้งกระทู้พูดให้ฟัง
เมื่อยังไม่มีธรรม มันก็เรื่อยเปื่อย เรียกว่า ยังหลง ยังไม่ตื่น
ทำอะไร ก็เป็นไปตามอำนาจกิเลส ก็เคยบอกแล้วว่า ใครอยากจะมาพิสูจน์ ภูมิธรรมตนเอง ก็ให้มาหาผม ผมจะบอกให้
พอมาแล้วเป็นอย่างไร ก็กลายเป็นโมโหโกรธา
ส่วนคนดูข้างสนาม ก็มองไม่ออกว่า อะไรคืออะไร
นี่ยังติดกันมาก เพราะฉะนั้น อย่าประมาท เพราะตัวโมหะ นี้แหละตัวดีที่สุด
ตัวว่าเรารู้แล้วนี่เเก่งที่สุด เป็นตัวติดกับภพมากที่สุด เพราะอะไร เพราะว่า มันไม่เปิดเลย อยากเปิดออก เมื่อใดก็บอก จะชี้ให้ แล้วจะเห็นเองรู้เองว่า โง่มาตั้งนาน |
|
_________________ เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์ |
|
  |
 |
โปเต้
บัวพ้นดิน

เข้าร่วม: 10 พ.ค. 2008
ตอบ: 76
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ
|
ตอบเมื่อ:
15 ส.ค. 2008, 11:14 am |
  |
อนุโมทนากับข้อความดีๆ ค่ะ คุณกุหลาบสีชา
 |
|
_________________ สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
สิ่งนั้นย่อมมีความดับไปเป็นธรรมดา |
|
  |
 |
เมธี
บัวตูม

เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222
|
ตอบเมื่อ:
15 ส.ค. 2008, 3:00 pm |
  |
คุณขันธ์ครับ
พระพุทธเจ้าท่านสอน มิจฉาทิฏฐิให้ ปรับความเห็น ยังสามารถสอนได้ด้วยสัมมาวาจาเลยครับ
อย่างไรก็คิดเสียว่าทำเพื่อส่วนรวมนะครับ อย่าให้ถึงขั้นต้องรุนแรงกันทางวาจาเลย |
|
|
|
    |
 |
ขันธ์
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520
|
ตอบเมื่อ:
15 ส.ค. 2008, 3:29 pm |
  |
อ้างอิงจาก: |
คุณขันธ์ครับ
พระพุทธเจ้าท่านสอน มิจฉาทิฏฐิให้ ปรับความเห็น ยังสามารถสอนได้ด้วยสัมมาวาจาเลยครับ
อย่างไรก็คิดเสียว่าทำเพื่อส่วนรวมนะครับ อย่าให้ถึงขั้นต้องรุนแรงกันทางวาจาเลย |
คุณ เมธีครับ ข้อนี้ คุณ เมธี ต้องดูว่า ความรุนแรงทางวาจา นั้นเกิดจากฝ่ายใด ผมเข้าไปให้ความเห็นตามธรรมดา แต่ก็มีคนโกรธเคือง ไม่พอใจ ตามมาด่าว่าผมอย่างไม่มีเหตุผล ข้อนี้ ท่านเคยเตือน กันบ้างหรือไม่
ถ้าหากว่า พวกท่านไม่ยอมรับคำว่า โง่ ได้ พวกท่านก็ยังไม่สมควรได้รับคำว่าฉลาด
เวลาผมยกคำว่าโง่ขึ้นมา ผมชี้หรือไม่ว่า เพราะเหตุใดการกระทำแบบนั้นแบบนี้จึงเรียกว่าโง่
เวลาผมยกคำตำหนิขึ้นมา ผมชี้หรือไม่ว่า เพราะเหตุใดการกระทำแบบนั้นแบบนี้จึงเรียกว่า น่าตำหนิ
แต่ว่า พวกท่านกลับเลือกปฏิบัติ ว่าเมื่อครั้ง ฝ่ายตรงข้าม เข้ามาด่าว่าผมต่างๆ นาๆ อย่างไม่มีเหตุผล พวกท่านกลับมองว่าเป็นสิ่งที่ดีโดยไม่มีการเตือน
ท่านเป็นศิษย์ตถาคตหรือเปล่า
แม้กระทั่งว่า มีกรณีหยิบยกจะฟ้องจนถึงขั้นคดีความ พวกท่านก็กลับเฉยโดยเลือกที่จะ กล่าวตักเตือนผม
แทนที่จะเป็นฝ่ายตรงข้าม เคยไหมที่ผมจะมีความอาฆาตมาตรร้ายถึงขนาดนี้
ข้อนี้ท่านเป็นศิษย์ตถาคตหรือไม่
ผมจะเลิกเล่นการตอบกระทู้นี้เมื่อไรก็ได้ และกำลังจะทำเช่นนั้นอยู่
และผมก็มี สถานที่ ที่ประจำผมอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า การเข้ามาครั้งนี้ ต้องการจะมาชี้ให้เห็นว่า พวกท่านกำลังไปไม่ถึงไหนในทางธรรม
เนื่องจาก วิจารณญาณ อันมองเห็น จิตนั้นยังไม่มี
ซึ่งในเมื่อ สถานที่แห่งนี้ คนส่วนมาก ณ ทีนี้ ไม่ได้ต้องการเปิดโลกทัศน์และเปิดปัญญา ในความไร้ซึ่งสมมติ ยังติดกับศัพท์บัญญัติ อันทำให้ไม่เห็นว่า ใครเป็นอย่างไรเสียผมก็ยินดีจะเลิกตอบกระทู้ ณ ที่นี้
คำถามนะครับ
1 เคยมีไหม ที่ผมแสดงอาการโกรธเคืองคู่กรณี ด้วยการด่าอย่างไม่มีเหตุผล
2 เคยมีไหม ที่ผมแสดงความอาฆาตมาตรร้าย คุ่กรณี
3 เคยมีไหม ที่ ตามไปแสดงความเห็นด่าทอคู่กรณี อย่างไม่มีเหตุผล
4 ผมออกมาปกป้องตนเองและ สวนกลับ ให้คุ่กรณีรับรู้ อันเป็นเรื่องปกติของวิญญูชน จริงหรือไม่
5 ทุกครั้งที่แสดงคำพูดไป ประกอบไปด้วยเหตุผลจริงหรือไม่
6 วาทะที่เชือดเฉือน ไม่ได้มีต่อผู้อื่น นอกจากคู่กรณี จริงหรือไม่
7 ผมเริ่มต้นออกมาโต้แย้ง เนื่องจากมีคนพาดพิงหลวงตามหาบัว และ คนเหล่านั้น ไม่ยอมรับในความเห็น จริงหรือไม่
สัมมาวาจานั้น คือ การพูดในสิ่งที่ตรง สิ่งที่จะสลัดกิเลส ในเมื่อพูดแล้วไม่ฟัง ผมก็จะไม่พูดอีก
สังคมที่นี่ ยังไม่เปิดใจ
สำหรับการ ที่บอกว่า ผมไปที่ไหนมีแต่ทะเลาะนั้น ผมจะถามว่าในโลกนี้ คนรักหรือคนชังมากกว่ากัน ท่านบอกได้ไหมว่า ท่านไม่มีคนเกลียดเลย หรือท่านไม่เกลียดใครเลย
เพียงแต่ ทุกๆคนไม่มีใคร กล้าออกมาสวนทางกับกิเลสแบบผม เรื่องมันก็ไม่ดัง แต่ให้ดูว่า ในที่นี้ ผมมีคู่กรณีกี่คน ซึ่งคู่กรณีเหล่านั้น ต่างออกตัวว่าเป็นเจ้าถิ่น จะเห่าไล่คนต่างถิ่นต่างธาตุ มันก็ดัง เพราะว่ามีพวกพ้องหลายคนที่
รักเพราะรัก รักเพราะเกลียด เกลียดเพราะรัก และ เกลียดเพราะเกลียด
ข้อนี้พวกท่านยังติดในโลกธรรมกันทั้งสิ้น และยังไม่เท่าทันต่อกิเลส และเหตุการณ์ โดยรวม ทั้งนี้เพราะว่า สติของพวกท่านยังไม่กล้าพอที่จะเห็นร่องรอยของกิเลส |
|
_________________ เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์ |
|
  |
 |
walaiporn
บัวบาน

เข้าร่วม: 02 ก.ค. 2006
ตอบ: 253
ที่อยู่ (จังหวัด): สมุทรปราการ
|
ตอบเมื่อ:
16 ส.ค. 2008, 7:48 pm |
  |
-- เราไม่ว่าเขา เขาย่อมไม่ว่าเรา หากเราหยุดแล้ว เขายังกระทำต่อ ผลของการกระทำย่อมตกอยู่กับเขา ยอมให้เขากระทำ ดีกว่าไปกระทำเขา
-- เราไม่กล่าวอ้างพาดพิงถึงเขา เขาย่อมไม่มีข้อกล่าวอ้างมาพาดพิงถึงเรา ( ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี ก็อยู่ที่ความคิดของแต่ละคน เราจะให้เขามาคิดเหมือนเราไม่ได้ )
-- ไม่ว่าจะคำว่า " โง่ " หรือคำว่า " ฉลาด " ก็เป็นเพียงสมมติบัญญัติที่เราไปให้ค่าให้ความหมายว่าอันนั้น " โง่ " อันนี้ " ฉลาด " จริงๆแล้วไม่มีทั้งโง่และฉลาด มีแต่รูป นาม สมมติ เท่านั้นเอง
-- ทุกคนมีส่วนดี จงมองในส่วนดี (ในความคิดของตัวเอง) ของเขา หากมองแล้วเห็นว่าเขาไม่ดี (ในความคิดของตัวเอง) อันนั้นเขาจะทำอย่างไรมันก็เรื่องของเขา ใครกระทำอย่างไร ( ตามความเป็นจริง ไม่ใช่จากที่เราคิด) เขาย่อมได้รับผลจากการกระทำของเขาเอง หาใช่เราไม่
-- ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ย่อมมีเหตุมาก่อน จึงมีผลให้เกิดขึ้น
-- ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นเพียงมุมมองหรือความคิดของดิฉัน ไม่ได้คิดละเมิดต่อผู้ใดทั้งสิ้น แต่ถ้าหากว่า " อ่านแล้วอาจจะตีความทำให้เขาใจผิด " ขออโหสิกรรมมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ |
|
_________________ ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ หากเราพยายามทำและตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง |
|
  |
 |
กุหลาบสีชา
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
17 ส.ค. 2008, 2:24 am |
  |
ธรรมสวัสดีค่ะคุณขันธ์
ในที่สุด ธรรมะก็จัดสรรให้เราได้มาสนทนากัน
ขออภัยที่ตอบล่าช้าไปหน่อยค่ะ
ก่อนอื่นขออนุโมทนาสาธุ
กับคำกล่าวของคุณ walaiporn ด้วยนะคะที่ว่า
"ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ย่อมมีเหตุมาก่อน จึงมีผลให้เกิดขึ้น"
ในฐานะที่เป็นเจ้าของกระทู้
และขอยืนยันว่าเนื้อหาในกระทู้ดังกล่าวนี้
สามารถนำไปใช้ได้ในทุกสถานการณ์
โดยไม่จำเป็นต้องพาดพิงหรือเจาะจงหมายถึงใครเป็นพิเศษ
และที่นำมาฝากลิงค์ไว้ก็เพราะไม่ปรารถนา
จะให้เกิดวิวาทะที่ลุกลามออกไปด้วยโทสะจนเกินจะยับยั้งเท่านั้นเอง
อย่างไรก็ตาม....
ผู้สนทนาที่เกี่ยวข้องท่านใดจะนำไปพิจารณาใคร่ครวญ
และเห็นด้วยหรือไม่....ก็สุดแล้วแต่ใจ
เพราะในความเป็นจริง ปัญญาในธรรม
ย่อมจะเกิดขึ้นได้สถานเดียวก็ด้วย
โยนิโสมนสิการ และวิปัสสนาของเจ้าตัว...เท่านั้น
สิ่งที่เราสนทนาแลกเปลี่ยนกันก็เป็นเพียง ความรู้ในธรรม
ที่ได้จากการฟัง และการอ่านความเห็นของผู้อื่น
ฉะนั้น จึงไม่มีใครสามารถยัดเยียด ปัญญาในธรรม ให้เกิดกับใครได้
หากเจ้าตัวไม่พร้อมที่จะนำ ความรู้ในธรรม
ไปพิจารณาใคร่ครวญ ด้วยสัมมาทิฏฐิ และปราศจากมานะมมังการ
ในเว็ปไซด์ธรรมะทุกแห่ง ไม่เพียงแค่เฉพาะที่นี่
ล้วนมีแต่ผู้ทรงภูมิรู้ มากมาย
แต่เรื่องของภูมิธรรมเป็นเรื่องที่ยากจะประเมินใครได้
นอกจากผู้ที่ระดับภูมิธรรมสูงกว่า หรือระดับพระอริยะขั้นไป
และถึงแม้จะเท่ากัน
หากอีกฝ่ายปรารถนาจะบังไว้
ก็ใช่ว่าจะรู้ของอีกฝ่ายได้
และที่สำคัญการตอบปัญหาทางธรรม
ก็ไม่อาจใช้เป็นดัชนีบ่งชี้ระดับภูมิธรรมของผู้ใดได้ทั้งหมดหรอกนะคะ
(อาจบอกได้เพียงจริตและอุปนิสัยจากลีลาสำนวนของตัวหนังสือ
รวมทั้งกิเลสที่เกิดจากการปรุงแต่งเมื่อได้อ่าน และเขียนโต้ตอบขณะนั้น)
เพราะการมีปฏิสัมพันธ์กันในเว็ปไซด์
ก็เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของเวลาในชีวิตฆราวาสอย่างเรา
ที่ยังต้องผจญกับกิเลสที่เข้ามากระทบ
ด้วยหลากหลายรูปแบบในวิถีชีวิตประจำวันที่ต่างกันออกไป
ใครมีสติรู้เท่าทัน และนำธรรมไปใช้
เพื่อลด ละ เลิก กิเลส ทั้ง ราคะ โทสะ โมหะ ได้มากขึ้นเท่าใด
คนนั้นก็ย่อมมีการพัฒนาทางจิต และพัฒนาระดับภูมิธรรม มากขึ้นไปตามลำดับ
ดังนั้น การนำธรรมไปใช้เพื่อแก้ไขปัญหาในชีวิตประจำวัน
จึงเป็นดัชนีบ่งชี้ที่วัดได้ชัดเจนกว่า....
ว่าเป็น ผู้เข้าถึงธรรม
แต่เชื่อเหลือเกินว่า ผู้ที่ยิ่งมีระดับภูมิธรรมมากขึ้นเพียงใด
ก็ย่อมนิยมที่จะพิจารณาตนเอง
มากกว่าที่จะนิยมเพ่งโทษผู้อื่น
และยิ่งระดับภูมิธรรมมากก็ยิ่งมีเมตตา
และมีขันติ-วิริยะในการเกื้อกูลสัตว์โลก
ผู้เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย
โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง (อคติ ๔) มากเท่านั้น
(ซึ่งกล่าวกันว่าผู้ที่จะทำได้เช่นนั้นก็คงต้องเป็นระดับพระอนาคามีขึ้นไป)
อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่เห็นด้วยกับคุณขันธ์
และยอมรับอย่างเต็มภาคภูมิก็คือ
เราท่านทั้งหลายก็ยัง โง่ กันอยู่มาก
(โดยเฉพาะตัวเองที่ยิ่งศึกษาและปฏิบัติไปก็ยิ่งพบว่า
(ตัวเรานี้ยังโง่ ยังต้องเรียนรู้และปฏิบัติอีกมากเชียวหละ)
หากคำว่า โง่ หมายถึงยังมี อวิชชา
ครอบงำอยู่ตามระดับแตกต่างกันออกไป
เพราะหากหลุดแล้วโดยสิ้นเชิง
ก็คงไม่เกิดภพเกิดชาติให้เราต้องมานั่งสนทนากันในนี้อย่างแน่นอน
แต่อย่างน้อยที่สุด
สถานการณ์ที่ผ่านมาจะทำให้เราได้เรียนรู้กันหรือไม่ว่า
ยิ่งเราปรารถนาจะสอบกิเลสคนอื่นมากเท่าใด
ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องผจญกับการถูกทดสอบกิเลสของตนเองไปด้วยมากขึ้นเท่านั้น
และที่สำคัญ
การยื่นคบเพลิงเพื่อให้แสงสว่างแก่ใคร
อาจพลิกเจตนาดีให้กลายเป็นตรงข้ามได้
ถ้าโยนหรือยื่นให้อย่างรวดเร็วและรุนแรง
จนไฟแลบเลียผมเผ้า และลามไปยังทั้งตัวของผู้รับ
ยินดีนะคะ...
หากต่อไปเราจะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความเห็นในธรรม
หากการสนทนานั้นเป็นไปเพื่อการเกื้อกูลให้เกิดปัญญาในธรรมต่อกัน
อย่างแท้จริงได้  |
|
|
|
    |
 |
เฉลิมศักดิ์1
บัวบาน

เข้าร่วม: 17 เม.ย. 2007
ตอบ: 272
ที่อยู่ (จังหวัด): ระยอง
|
ตอบเมื่อ:
17 ส.ค. 2008, 6:09 am |
  |
|
  |
 |
เฉลิมศักดิ์1
บัวบาน

เข้าร่วม: 17 เม.ย. 2007
ตอบ: 272
ที่อยู่ (จังหวัด): ระยอง
|
ตอบเมื่อ:
17 ส.ค. 2008, 6:16 am |
  |
นักสนทนาธรรมที่ดี...ต้องมีคุณสมบัติอย่างไรกัน ?
--------------------------------------------------------
กระทู้นี้คุณกุหลาบสีชา ตั้งใจนำข้อคิดดี ๆ มาให้ทุกท่านพิจารณาตนเอง
แต่ก็มีบางท่าน ยังทำไม่เป็น
ต้องทำใจนะครับ คุณกุหลาบสีชา และทุกท่าน
พฤติกรรมของผู้ที่อ้างตนว่าศึกษาธรรมะมาดีแล้ว ก็เบี่ยงเบนได้ ดังที่ผมตั้งเป็นกระทู้ไว้
พฤติกรรมเบี่ยงเบนของผู้ศึกษาและปฏิบัติธรรม
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?p=65646&sid=8fee1c2407faa24053158b310fa9faaf |
|
|
|
  |
 |
dd
บัวเริ่มพ้นน้ำ


เข้าร่วม: 17 มิ.ย. 2008
ตอบ: 179
ที่อยู่ (จังหวัด): overseas
|
ตอบเมื่อ:
17 ส.ค. 2008, 2:21 pm |
  |
เฉลิมศักดิ์1  |
|
_________________ ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ |
|
  |
 |
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
17 ส.ค. 2008, 2:44 pm |
  |
กุหลาบสีชา พิมพ์ว่า: |
ในที่สุด ธรรมะก็จัดสรรให้เราได้มาสนทนากัน |
55555555555555555555555
อ๊าาาาา 55555
ขำจนเจ็บท้อง 5555555
พี่นางฟ้า ฮาไม่ใช่เล่น |
|
_________________ ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
|
|
  |
 |
JARUWAN_G
บัวพ้นดิน

เข้าร่วม: 15 ส.ค. 2008
ตอบ: 72
ที่อยู่ (จังหวัด): นนทบุรี
|
ตอบเมื่อ:
19 ส.ค. 2008, 11:34 am |
  |
ขอบคุณคุณพี่กุหลาบสีชามากนะคะ
ที่แสดงธรรมให้ทุกคนได้กระจ่าง
ขออนุโมทนาด้วย |
|
_________________ ทุกอย่างแก้ไขได้ วันนี้ต้องทำให้ดีกว่าเมื่อวาน |
|
  |
 |
|