อยากให้กระจ่าง

ตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2008, 6:55 pm

ขันธ์ พิมพ์ว่า:

สรุป อย่างง่ายที่สุด คือ ไม่พอใจที่ผมไป ว่าพระเกษม

ส่วนเรื่อง นั้นเรื่องนี้ที่พูดมาไม่ได้มีเหตุผลอะไรเลย
อีกทั้ง การแสดงอาการ เต้น ของ ทั้งคู่ มันก็บอกอยู่แล้วว่า

ยังปฏิบัติ แบบผิดๆ

ส่วนเหตุผล ผมขี้เกียจจะแย้ง ว่าทำไมต้องอย่างนั้นอย่างนี้
โดยการ เอา หลวงตามหาบัวมาพูด ในเชิงไม่ถูกต้อง นั้นก็สื่อแล้วว่า จิตของทั้งคู่นั้นยัง มองไปไม่ถึง พระคุณของหลวงตา

และ นั่นแหละ คือ กรรมหนัก ของทั้งคู่

แล้วไม่เชื่อคอยดู ผมเกรงว่า ทั้งคู่อาจจะต้อง ไปขอขมาท่าน แล้วจะอวดดีไม่ออก
เรื่องของพระเกษม คนที่ ไม่เห็นด้วยควรแก้ต่างด้วยเหตุผล ไม่ใช่เอาเรื่องหลวงตามาพูด หรือ มาบอกว่า ขันแตก อะไร เพราะมันไม่เกี่ยวกับประเด็น

อ้างแบบเด็กมาก อ้างว่าจะถอนหงอกผม อ้างอย่างนั้นอย่างนี้ ตามกิเลสจะปรุงไป ไม่ได้เห็นจิตเห็นใจ เห็นความปรุงของตนเอง

ถ้าอยากจะให้ผมพูดแรงๆ กรุณาบอกด้วย ผมจะได้เอา กิเลสของคุณมาเผย ในที่นี้ ให้เห็น

ผมว่าคนที่จะกรรมหนักสุดเป็นคุณ

เอากันปัจจุบันนี้แหละที่กำลังเสวยเต็มๆ นั่นแหละวิบาก

กรรม = เจตนา

วิบาก = ผลของกรรม

พระเกษมกับผมไม่รู้จักกันที่ถกกันก็ถกกันที่อะไรถูกอะไรผิด

ที่ท้าทายคนทั้งบ้านทั้งเมืองมาทดสอบธรรมตัวนั้นราคาคุยโม้เสียมากกว่า

ก็บอกแล้วว่าตรงไหนที่คุณไม่เห็นด้วยก็ชี้แจงไปซิ

อย่างคนที่เข้ามาสนทนาที่เวปเขาประพฤติกัน

ไม่ใช่เอาแต่อวดปมเขื่อง ประกาศศักดา อวดรู้ว่าผมรู้ลึกอย่างไร

ดูแลเวทนา ตัญหา ภพ ตนเอง รักษาให้ดีๆเถอะ

แล้วอย่าไปสรุปอะไรแทนคนอื่น เขาไม่ได้มอบหมาย

ทั้งยังไม่ต้องยกเอาท่านหลวงตาขึ้นมาปลุกระดม

ไม่มีทางที่จะมาจูงจมูดกันได้ง่ายๆ และไม่มีใครขี้ขลาดมาให้กล่าวหาใส่ร้ายกันง่ายๆ

อย่ามาขู่

แล้วขอถามหน่อย

ครงไหนที่แสดงว่าผมอวดดี

ผมเคยไปท้าใครให้มาทดสอบธรรมะผมหรือเปล่า

ตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2008, 8:43 pm

คุณ natdanai ครับ

คุณมองคนละมุมกับผมครับ
คนเราต่างความคิดเห็นกันเป็นเรื่องธรรมดาครับ

เดี๋ยวสงฆ์ท่านจะชำระอธิกรณ์กันเองครับ

ตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2008, 9:26 pm

สัจจธรรม ทำสิ่งใด ได้สิ่งนั้น

คือกฏอัน เลิศล้ำ องค์สัมพุทธๆ

ใช่กฏหมาย กฏหมู่ กฏมนุษย์

กฏสูงสุด คือกำหนด กฏแห่งกรรม

ตรงประเด็น

ในสมัยพุทธกาล มีพระสาวกอรหันต็สาวกรูปหนึ่ง

ในอดีตชาติ มีผู้ศรัทธาสร้างเจดีย์
ท่านไปตำหนิเจดีย์ว่า เจดีย์สูงไป ควรลดขนาดลงมา

ชาติสุดท้าย ท่านเกิดมาเป็นคนตัวเตี้ย บางคนไปลูบศรีษะท่านเล่นก็มี....

เรื่อง การไม่ยึดติดพระพุทธรูปมากไปกว่าพระพุทธคุณ นั้นก็มีส่วนถูก
แต่ถ้าเลยเถิดไปถึงขนาดย่ำยีพระพุทธรูป ซึ่งเป็นสิ่งที่น้อมใจผู้คนนึกถึงพระพุทธเจ้า และ ผู้สร้างเจตนาถวายเป็นพุทธบูชา

กรรมนี้ ไม่ใช่กรรมเบาๆ

ตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2008, 10:06 pm

ดีที่คุณสีเข้ามาตอบกระทู้บ้าง ไม่ได้มาเห็นนานแล้ว

หลังๆชักรู้สึกว่าแถวๆนี้ ไม่ค่อยเป็นที่สัปปายะ และทำให้จิตเศร้าหมอง จากการคลุกคลีกับคนหมู่มาก และเป็นที่ที่มี ทิฏฐิมานะและอัตตาแรงกล้า เลยถอยห่างออกมา (ค่อยเย็นลง) อยากจะขอเรียนให้ท่านๆทั้งหลาย ทำสิ่งใดก็ตาม ช่วยเจือความเมตตาใส่ลงมาด้วย

โดยเฉพาะการพาดพิงถึงพระเถระรูปใดๆ อันเป็นที่เคารพบูชาของบุคคลอื่น ก็นำความไม่สงบมาได้ง่ายๆ

จริงอยู่การกล่าวถึงอาจเป็นไปเพื่อเทียบเคียงความคิด หรืออ้างอิงหลักธรรมอันท่านกล่าวไว้ แต่ท่านคงมิได้มุ่งหมายให้นำมาวิวาทกัน

คนว่ากล่าวก็สนองอัตตา คนปกป้องก็สงวนอัตตา คนอวดภูมิรู้ยิ่งนำเสนออัตตา

มีอะไรดีตรงไหน นอกจากความมันส์บนหน้าจอมอนิเตอร์ ?

(นี่ดิฉันจะโดนไปด้วยไหมเนี่ย?) ตกใจ

ตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2008, 10:16 pm

อ้างอิงจาก:

ที่ท้าทายคนทั้งบ้านทั้งเมืองมาทดสอบธรรมตัวนั้นราคาคุยโม้เสียมากกว่า

ก็บอกแล้วว่าตรงไหนที่คุณไม่เห็นด้วยก็ชี้แจงไปซิ

อย่างคนที่เข้ามาสนทนาที่เวปเขาประพฤติกัน

ไม่ใช่เอาแต่อวดปมเขื่อง ประกาศศักดา อวดรู้ว่าผมรู้ลึกอย่างไร

ก็นี่ไงหละครับ ที่คุณไม่ชอบผมมาตั้งแต่ต้น ก็เหตุผลคือ หมั่นไส้ เหม็นขี้หน้า ว่าผมท้าคนทั้งเมือง

พูดง่ายๆ ที่สุดคือ ผมไม่ได้ไปทำอะไรให้คุณ แต่ด้วยความไม่ชอบส่วนตัว คุณก็ เข้ามาค้าน ผม พอผมพูดไม่เข้าหูนิดเดียวมันก็ปะทุแบบนี้ไง

ที่สำคัญ นะครับ

ทุกท่าน หัวข้อกระทู้นี้ เขาต้องการอยากรู้เรื่องพระเกษม และผมก็เอาข้อเท็จจริงมาพูดให้ฟัง ใครกันหละครับ ที่ดึงหลวงตามหาบัวมา ตำหนิ

ผมอยากจะบอกอีกครั้งนนะครับว่า พระเกษม ย่ำยีพระศาสนา ท่านกลับปกป้อง แต่ หลวงตามหาบัว ท่านทำคุณให้แผ่นดินที่คุณยืนอยู่ แต่คุณกลับไปตำหนิหลวงตาทั้งๆที่ท่านไม่เกี่ยวกับประเด็นนี้
คุณ หมายจะแย้งกับผม คุณก็แย้งไป แต่คุณเอาหลวงตามหาบัวมาเกี่ยวข้อง

ผมอยากจะทราบว่า พวกคุณเป็นนักปฏิบัติธรรมหรือ สาวกเทวทัต ที่คอยแต่จะคิดอกุศล

และถ้าแน่จริง แก้ต่างประเด็นของผมทีละข้อ และออกมาถกกันเลย ผมจะชี้ให้คุณเห็น กิเลสอันแอบแฝงในใจคุณ เองว่า ความชั่วที่คุณนึกว่าเป็นความดีนั้นเป็นอย่างไร

ตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2008, 10:30 pm

คนเรา พอบอกว่า รู้ลึก ก็ผิด
บอกว่า ไม่รู้ก็ผิด
ใครจะรู้เกินหน้ามันไม่ได้ ต้องแกล้งโง่ นั้นแหละดี คนพวกนี้ก็จะออกมาแสดงภูมิรู้ว่า กูนี่ รู้เยอะ ใครมาชม ก็ยืดอกว่า นี่ นาย คนนั้นคนนี้มีภูมิธรรมสูงนะ โธ่ ยังไม่พ้นนรกกันเลย อย่าเอาธรรมะมาโพสเลย เรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้ เกลียดคนนั้นหมั่นไส้คนนี้ ทั้งๆที่เพียงแค่ว่า หมั่นไส้ เห็นแล้วไม่สบอารมณ์
ไอ้คนที่ว่าผิด นี่ไม่ดูใจตัวเองเลยว่า ทำไมจึงไปเพ่งโทษเขา
มันเกลียดมันชังเขา แค่การกระทำของเขาแค่นี้หรือ

ผมอยากจะถามนะครับว่า นี้คือความผิดของผมหรือความหมั่นไส้ของคุณ

คุณจะไปปฏิบัติธรรมทำไม หรือว่า ใจมันร้อนตัณหามันมาก ทุกข์ใจก็เลยเข้าหาธรรม แต่แทนที่จะเอาน้ำรด ยังจะมาเกลียดคนนั้น หมั่นไส้คนนี้

ทุเรสจริงๆ

ใครอยากจะมาปฏิบัติธรรม ทดสอบภูมิธรรม เชิญ ผมจะขุดรากเหง้ากิเลส ของ คนที่คิดว่าแน่ ออกมาให้ดู พวกธรรมะเต็มหัว แต่ ไม่เคยมีธรรมในใจ

ตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2008, 10:45 pm

คุณ ขันธ์ ครับ

กรุณาอ่านนี้ด้วยครับ

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๑

เมื่อได้สงเคราะห์แล้วโล่งจิตใจ

เรื่องการช่วยเหลือโลกนี้เราช่วยเหลือจริงๆ ไม่ใช่ธรรมดา เรียกว่าเลยธรรมดา คือโลกเขาทั้งให้ทั้งยึดไว้ๆ โลกเขาเป็นอย่างนั้น แต่เราให้ตลอดๆ ไม่มียึดไว้ ผิดกันตรงนี้ มีเท่าไรให้หมด ไม่มียึดไว้ๆ ต่างกันตรงนี้ มีอะไรๆ เปิดออกหมดเลย ความเมตตาสงสารเมื่อให้แล้วเปิดโล่งในหัวใจนะ เปิดโล่งๆ เมื่อได้สงเคราะห์แล้วได้ให้แล้วโล่งไปเลยจิตใจ ทีนี้ความตระหนี่ไม่ได้ให้เป็นอย่างไรไม่รู้นะ มันจะโล่งหรือไม่โล่งก็ไม่รู้ คนตระหนี่ถี่เหนียวนี้ไม่ได้ให้มันจะโล่งหรือตีบตันก็ไม่รู้ แต่สำหรับผู้ให้นี้โล่งๆ ตลอด เราเอาตัวของเรายันเลย เพราะเราไม่มีอะไรในโลกนี้ หมดๆ เราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย มีเท่าไรเอามาช่วยโลกทั้งหมดเลย เราไม่เกี่ยวข้อง ทีนี้มันก็รู้ชัดว่าโล่งตลอดๆ เราดูหัวใจเราก็แล้วกัน หัวใจเราถ้ามีกิเลสตัณหา มีมากมีน้อยมันจะตีบตันอั้นตู้ หาทางออกไม่ได้ ปิดตันทางตัวเอง พออันนี้เปิดออกๆ เปิดออกหมดโล่งเลย ก็เป็นอย่างนั้น

ตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2008, 11:06 pm

สาธุ คุณ guest ที่ยกธรรมหลวงตามา

ผมดูมิจฉาทิฎฐิของใคร ไม่เคยผิด
และ ผมเลือกที่จะ ตำหนิ มิจฉาทิฎฐิเหล่านั้น
ด้วยธรรม แต่ไม่ใช่ด้วยความผูกโกรธ

ตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2008, 11:12 pm

สาธุ ครับ

ตอบเมื่อ: 08 ส.ค. 2008, 1:15 am

ratchadapa พิมพ์ว่า:

ดีที่คุณสีเข้ามาตอบกระทู้บ้าง ไม่ได้มาเห็นนานแล้ว

หลังๆชักรู้สึกว่าแถวๆนี้ ไม่ค่อยเป็นที่สัปปายะ และทำให้จิตเศร้าหมอง จากการคลุกคลีกับคนหมู่มาก และเป็นที่ที่มี ทิฏฐิมานะและอัตตาแรงกล้า เลยถอยห่างออกมา (ค่อยเย็นลง) อยากจะขอเรียนให้ท่านๆทั้งหลาย ทำสิ่งใดก็ตาม ช่วยเจือความเมตตาใส่ลงมาด้วย

โดยเฉพาะการพาดพิงถึงพระเถระรูปใดๆ อันเป็นที่เคารพบูชาของบุคคลอื่น ก็นำความไม่สงบมาได้ง่ายๆ

จริงอยู่การกล่าวถึงอาจเป็นไปเพื่อเทียบเคียงความคิด หรืออ้างอิงหลักธรรมอันท่านกล่าวไว้ แต่ท่านคงมิได้มุ่งหมายให้นำมาวิวาทกัน

คนว่ากล่าวก็สนองอัตตา คนปกป้องก็สงวนอัตตา คนอวดภูมิรู้ยิ่งนำเสนออัตตา

มีอะไรดีตรงไหน นอกจากความมันส์บนหน้าจอมอนิเตอร์ ?

(นี่ดิฉันจะโดนไปด้วยไหมเนี่ย?) ตกใจ

ขออโหสิใดๆ ที่ทำให้ไม่สบายใจด้วยนะครับคุณ rachadapa

ผมชักสะพานฝั่งผมเสียแล้วล่ะ
อะไรของผมก็ข้ามไปไม่ได้ อะไรของเขาก็ข้ามมาไม่ได้

คงจะช่วยให้บรรยากาศสงบขึ้นนะคับ

ตอบเมื่อ: 08 ส.ค. 2008, 1:39 am

สาธุ...สาธุ... สาธุ อนุโมทนาด้วยนะคะ

ธมฺมปีติ สุขํ เสติ
วิปฺปสนฺเนน เจตสา
อริยปฺปเวทิตา ธมฺเม
สทา รมติ ปณฺฑิโต ฯ ๗๙ฯ

ผู้ดื่มรสพระธรรม มีใจสงบ
ย่อมเป็นสุข
บัณฑิตย่อมยินดีในธรรม
ที่พระอริยเจ้าแสดงไว้เสมอ

(ที่มา : พุทธวจนะในธรรมบท, หน้า ๙๒)

ดอกไม้

มองดูตนเอง : พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป สาธุ

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=16987

ตอบเมื่อ: 08 ส.ค. 2008, 1:55 am

กุหลาบสีชา พิมพ์ว่า:

สาธุ...สาธุ... สาธุ อนุโมทนาด้วยนะคะ

ธมฺมปีติ สุขํ เสติ
วิปฺปสนฺเนน เจตสา
อริยปฺปเวทิตา ธมฺเม
สทา รมติ ปณฺฑิโต ฯ ๗๙ฯ

ผู้ดื่มรสพระธรรม มีใจสงบ
ย่อมเป็นสุข
บัณฑิตย่อมยินดีในธรรม
ที่พระอริยเจ้าแสดงไว้เสมอ

(ที่มา : พุทธวจนะในธรรมบท, หน้า ๙๒)

ดอกไม้

มองดูตนเอง : พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป สาธุ

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=16987

โอ... นางฟ้าของผมมาโปรด
สาธุคับสาธุ

ตอบเมื่อ: 08 ส.ค. 2008, 5:01 am

เคยมีความเห็นเรื่องการยกชื่อหลวงปู่ หลวงพ่อ ฯลฯ ขึ้นสนทนากัน

ว่าหลบได้หลบ เลี่ยงได้เลี่ยง ฯลฯ

มันจะกระทบอัตตาของผู้นับถือท่านเหล่านั้นไว้ที่ =>

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=16723&postdays=0&postorder=asc&start=80

แต่เหมือนมีคนเห็นด้วยครึ่งเดียว ยิ้ม

ไม่มีอะไรหรอกแค่มาบอก.... อายหน้าแดง

แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่งอืมม ก็น่าจะดี จะได้กระจ่าง... ยิ้มเห็นฟัน

ตอบเมื่อ: 08 ส.ค. 2008, 6:32 am

กรัชกาย พิมพ์ว่า:

เคยมีความเห็นเรื่องการยกชื่อหลวงปู่ หลวงพ่อ ฯลฯ ขึ้นสนทนากัน

ว่าหลบได้หลบ เลี่ยงได้เลี่ยง ฯลฯ

มันจะกระทบอัตตาของผู้นับถือท่านเหล่านั้นไว้ที่ =>

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=16723&postdays=0&postorder=asc&start=80

แต่เหมือนมีคนเห็นด้วยครึ่งเดียว ยิ้ม

ไม่มีอะไรหรอกแค่มาบอก.... อายหน้าแดง

แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่งอืมม ก็น่าจะดี จะได้กระจ่าง... ยิ้มเห็นฟัน

กรรมเป้นเครื่องชี้เจตนา ใช่ปะคุณพี

อ้างเพราะเจตนาอะไร เราคนอ้าง ย่อมรู้สึกตัวดี

ตอบเมื่อ: 08 ส.ค. 2008, 8:55 am

ผมก็ขอหยุดที่จะกระทบกันจากการพาดพิงถึงพระเถระผู้ใหญ่

แต่ไม่ยอมรับว่าลบหลู่ท่าน

ถึงอย่างไรท่านก็มีศีลมากกว่าผม

และบอกคุณขันธ์ด้วยว่า

ผมไม่ได้หมั่นไส้คุณหรอก

อย่าคิดไปเองซิ

อายเขา

ตอบเมื่อ: 08 ส.ค. 2008, 9:11 am

guest พิมพ์ว่า:

คุณ natdanai ครับ

คุณมองคนละมุมกับผมครับ
คนเราต่างความคิดเห็นกันเป็นเรื่องธรรมดาครับ

เดี๋ยวสงฆ์ท่านจะชำระอธิกรณ์กันเองครับ

ต้องเป็นเช่นนั้นครับ สาธุ

ตอบเมื่อ: 08 ส.ค. 2008, 9:15 am

ratchadapa พิมพ์ว่า:

ดีที่คุณสีเข้ามาตอบกระทู้บ้าง ไม่ได้มาเห็นนานแล้ว

หลังๆชักรู้สึกว่าแถวๆนี้ ไม่ค่อยเป็นที่สัปปายะ และทำให้จิตเศร้าหมอง จากการคลุกคลีกับคนหมู่มาก และเป็นที่ที่มี ทิฏฐิมานะและอัตตาแรงกล้า เลยถอยห่างออกมา (ค่อยเย็นลง) อยากจะขอเรียนให้ท่านๆทั้งหลาย ทำสิ่งใดก็ตาม ช่วยเจือความเมตตาใส่ลงมาด้วย

โดยเฉพาะการพาดพิงถึงพระเถระรูปใดๆ อันเป็นที่เคารพบูชาของบุคคลอื่น ก็นำความไม่สงบมาได้ง่ายๆ

จริงอยู่การกล่าวถึงอาจเป็นไปเพื่อเทียบเคียงความคิด หรืออ้างอิงหลักธรรมอันท่านกล่าวไว้ แต่ท่านคงมิได้มุ่งหมายให้นำมาวิวาทกัน

คนว่ากล่าวก็สนองอัตตา คนปกป้องก็สงวนอัตตา คนอวดภูมิรู้ยิ่งนำเสนออัตตา

มีอะไรดีตรงไหน นอกจากความมันส์บนหน้าจอมอนิเตอร์ ?

(นี่ดิฉันจะโดนไปด้วยไหมเนี่ย?) ตกใจ

น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวางครับ ยิ้มเห็นฟัน

ตอบเมื่อ: 08 ส.ค. 2008, 10:34 am

อ้างอิงจาก:

ใครอยากจะมาปฏิบัติธรรม ทดสอบภูมิธรรม เชิญ ผมจะขุดรากเหง้ากิเลส ของ คนที่คิดว่าแน่ ออกมาให้ดู พวกธรรมะเต็มหัว แต่ ไม่เคยมีธรรมในใจ

ขออนุญาตท่านทั้งหลายข้างต้นนิดเดียวครับ

อยากจะบอกคุณขันธ์ว่า ถ้าคุณคิดว่าคุณทำเช่นนั้นได้

ผมยินดี

แล้วผมก็จะจบวิวาทะเพียงเท่านี้

ตอบเมื่อ: 08 ส.ค. 2008, 11:18 am

เออแฮะ ถ้าคุณ mes ไม่ยกมาชี้ให้เห็น

ขันธ์ พิมพ์ว่า:

ใครอยากจะมาปฏิบัติธรรม ทดสอบภูมิธรรม เชิญ ผมจะขุดรากเหง้ากิเลส ของ คนที่คิดว่าแน่ ออกมาให้ดู พวกธรรมะเต็มหัว แต่ ไม่เคยมีธรรมในใจ

โอว ... ท่านจ้าวลัทธิ อัศจรรย์ยิ่งแท้
เพิ่งรู้ว่าการขุดกิเลสของคนคนหนึ่ง กระทำได้โดยคนอีกคนหนึ่ง
คุณขันธ์ก้าวหน้ากว่าพระศาสดาด้วยการขุดกิเลสผู้อื่นได้ด้วย

ว่าแต่ขุดกิเลสขึ้นมาแล้ว เอามาทำอะไรล่ะคับคุณขันธ์(แตก)

เรามีหน้าที่ต่อกิเลสอย่างไรล่ะคับในลัทธิใหม่นี้?

ขุดขึ้นมาแล้วเอามาทำ "กิเลสลุยสวน" กินดีไหมคับ?
ท่าจะแซ่บๆดี สมปารถนาใครบางคนที่อยากจะแล่เนื้อเอาเกลือทาผมเต็มที

อย่าลืมพริกบดนะ เอาพริกเขียวๆ เดี๋ยวไม่ครบสูตร
เอ๊ะ... หรือชอบแหกสูตร?

ตอบเมื่อ: 08 ส.ค. 2008, 11:28 am

mes พิมพ์ว่า:

... แล้วผมก็จะจบวิวาทะเพียงเท่านี้

เด๋วผมรับช่วงต่อเองคับคุณ mes
งานสกปรกๆแบบนี้ผมรับได้
จะเป็นหมาไล่เห่าพวกต่างถิ่น ต่างธาตุให้
สนองศรัทธาจริตเขาหน่อย เขาชอบธรรมะประเภทแง่งๆใส่กัน

อุตส่าห์เสนอว่าเลิกแล้วต่อกันแล้ว แต่หล่อนก็ไม่ยอม
ผมก็จะเล่นด้วยสักพักนึง สนุกดีเหมือนกัน
ใครกริ๊ดสนั่นลั่นทุ่งคลั่งตายไปก่อน
ก็จะได้รู้ว่าธรรมะที่มีอยู่นี่ มันเป็นธรรมะประเภทไหนถึงทำให้บ้าตาย

ริอ่านมาเล่นกับคนบ้า(กว่า)