สงสัย

ตอบเมื่อ: 24 ส.ค. 2006, 12:22 am

ผมคิดที่จะบวชให้พ่อแม่เมื่อเรียนจบ วศ.บ. และตอนนี้ผมมีความคิดที่ว่าเมื่อบวชแล้วไม่อยากที่จะลาสิกขาออกมา แต่ทางครอบครัวก็คงไม่ยอมเพราะอุตส่าห์ส่งเรียนวิศวะจบมาไม่ได้ทำงานเลย แต่หากผมไม่ยอมลาสิกขาออกมาผมจะบาปมั้ยครับ

ตอบเมื่อ: 24 ส.ค. 2006, 2:56 am

ไม่บาปหรอกครับคุณทศพล การประพฤติพรหมจรรย์นั้นเป็นมหากุศลเลยครับ

การบวช รักษาพรหมจรรย์ไว้ เป็นของยาก บางทีก็มีสิ่งต่างๆเข้ามาขวาง เป็นอุปสรรคต่อการ

ประพฤติพรหมจรรย์ อยู่ที่จิตเราว่าจะก้าวข้ามสิ่งนั้นได้หรือเปล่า ถ้าบวชแล้วขอให้ประพฤติ

ปฏิบัติตนตามพระธรรมวินัย เจริญสมถและวิปัสสนา เพื่อความพ้นทุกข์ของตนครับ

ถ้าหากปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้ว พ่อแม่ก็จะได้บุญเต็มที่ครับ ขออนุโมทนาคุณทศพลด้วยครับ

สาธุ

ผู้เยี่ยมชม

คุณแน่ใจหรือว่าคุณจะอยุ่ได้ คุณมั่นคงแค่ไหน ถามตัวเองดีๆก่อนนะครับ
ไม่ใช่อยู่ๆ ไป เกิดเบื่อหน่ายเซ็งชีวิตแบบพระขึ้นมา จะมานึกเสียดายเวลาทีหลังว่า ถ้าสึกแต่พรรษาแรกก็ดีแล้ว คงทำงานเก็บเงินได้เยอะ ความคิดเปลี่ยนได้ทุกวินาทีครับ
ให้ดีบวชสักเดือนแล้วคุณจะรู้แล้วค่อยคิดเรืองสึกไม่สึกครับ

ตอบเมื่อ: 26 ส.ค. 2006, 2:06 am

ลองไปปฏิบัติธรรมดูก่อนดีกว่าไม๊คะ ไปวัดที่เขามีปฏิบัติจริงๆ ไม่ใช่ไปบวชเฉยๆ ลองดูสัก7วันดีไหมคะ ไปวันโกนกลับวันโกนต่อไป ไปพบล.พ.จรัญ ฐิตธัมโม วัดอัมพวัน สิงห์บุรีค่ะ

ตอบเมื่อ: 17 ก.พ.2008, 6:04 pm

ผมได้ถามคำถามนี้ไปไว้นานเลยนะครับ ตอนนี้ผมคิดได้แล้วครับ ทางบ้านจะจัดงานบวชให้ผม เดือนมีนานี้ แล้วผมก้อยังเรียนไม่จบ แต่บวชคราวนี้ผมขอแม่ไว้ว่าประมาณ 2 เดือน แต่ถ้าผมสามารถอยู่ได้ต่อไปเรื่อยๆผมก็จะไม่ลาสิกขาออกมาครับ แต่รื่องลาสิกขาผมไม่ได้บอกท่าน แต่ผมสงสัยอยู่ข้อนึงครับ ผมจะเป็นคนเห็นแก่ตัวไหมครับ ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นนะครับ

กรรมใดที่ข้าพเจ้าได้ล่วงเกินท่าน ทั้ง กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ขอท่านโปรดอภัยแก่ข้าพเจ้าด้วย เทอญฯ

ตอบเมื่อ: 17 ก.พ.2008, 7:41 pm

คนพเนจร พิมพ์ว่า:

ผมคิดที่จะบวชให้พ่อแม่เมื่อเรียนจบ วศ.บ. และตอนนี้ผมมีความคิดที่ว่าเมื่อบวชแล้วไม่อยากที่จะลาสิกขาออกมา แต่ทางครอบครัวก็คงไม่ยอมเพราะอุตส่าห์ส่งเรียนวิศวะจบมาไม่ได้ทำงานเลย แต่หากผมไม่ยอมลาสิกขาออกมาผมจะบาปมั้ยครับ

ไม่บาป แน่นอน ครับ มีแต่ จะทำให้ครอบครัวได้รับกุศลในการบวชของเรามากยิ่งขึ้นไป

ทั้งยังได้ช่วยเหลือพระพุทธศาสนา และยังได้ช่วยกันเผยแพร่พระศาสนา-ยึดอายุพระศาสนาอีกด้วยครับ

อยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมส่งเมล์มาคุยกันก็ได้ครับ

rarm@chaiyo.com

สาธุ ถ้าบวชไม่สึกจริงๆ ขออนุโมทนากับท่านด้วยครับ

ตอบเมื่อ: 18 ก.พ.2008, 8:53 pm

....อย่าสงสัย สิ่งที่ยังไม่เกิด.....

...อยู่ต่อได้ ก็อยู่ ....

...อยู่ต่อไม่ได้ ก็ไม่อยู่..... แค่ไหน แค่นั้น.....

....เรา มิใช่ผู้กำหนด.....กรรม เป็น ตัวกำหนด....

....เพศบรรพชิต....เพศฆารวาส....ต่างก็ปฏิบัติธรรมได้ถึงจุดเดียวกัน...

...มโนปุพพังคมา มโนเสฐฐา มโนมยา....ใจตัวเดียวที่บรรลุธรรม

ตอบเมื่อ: 19 ก.พ.2008, 5:19 am

บุพการี ท่านไม่ได้หวังเงินทองจากลูกหรอกค่ะ แค่ได้เห็นลูกเป็นคนดี ทำสิ่งชอบธรรม ท่านก็ยินดีด้วย

เคยอ่านเจอนะคะ ว่า ถ้าบุพการีเจ็บป่วย พระที่เป็นลูกสามารถมาอยู่ดูแล เช็ดเนื้อเช็ดตัวท่านได้ โดยไม่ผิดศีลค่ะ

แล้วคุณTossapol เป็นลูกคนเดียวหรือคะ

ขออนุโมทนาล่วงหน้าค่ะ

ตอบเมื่อ: 21 ก.พ.2008, 9:55 pm

ขออนุโมทนาบุญค่ะ
ขอให้เจริญงอกงามในพระธรรมคำสอนของพระศาสดา
ช่วยสอนให้สัตว์โลกได้รู้ตามและพ้นทุกข์ภัยในสงสาร
เป็นบุญอันยิ่งใหญ่จริงๆ

ตอบเมื่อ: 22 ก.พ.2008, 12:36 am

อนุโมทนาครับ กรรมกำหนด ... ถ้าการตัดสินใจเราไม่เป็นการเบียดเบียน ใครและตัวเราเองทั้งกายวาจาใจ นั่นก็บริสุทธิ์ครับ
แต่อย่างที่คุณกรัชกายว่าก้มีเหตุผลครับ บางทีสภาวะที่เกิดความเบื่อตรงนี้ก็เป็นสภาวะหนึ่งที่เป็นอนิจจังนะครับ ถ้าไม่ทบทวนใจตัวเองให้ดีแล้ว วันข้างหน้า สภาวะนี้อาจอ่อนกำลังลงและคุณอาจต้งหันกลับมาทางโลกซึ่งบางครั้งมันอาจสาย จนไม่ประสบความสำเร็จทั้งทางโลกและทางธรรม แต่ถ้าไตร่ตรองดีแล้ว และการตัดสินใจไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ก็ขออนุโมทนา และขอให้บรรลุยังจุดมุ่งหมายในธรรมโดยเร็วขอรับ ... ผมเองเคยบวชมาแล้ว ตอนนี้ก็ยังมีความตั้งใจอยากกลับเข้าไปครองผ้าเหลืองอยู่เป็นอย่างมาก แต่ติดที่การตัดสินใจของผมเป็นการทิ้งภาระแก่หลายท่าน ปัจจุบันจีงปฏิบัติอยู่ในภาคฆราวาสซึ่งก็มีความก้าวหน้าบ้างตามสภาวะที่ต้องคลุกคลีกับกิเลสทางโลกอยู่ทุกวันขอรับ ได้เพียงหวังว่าเมื่อจัดการกับภาระเรียบร้อยแล้ว จะได้กลับไปปฏิบัติได้เต็มที่ อีกครั้งครับ ....
ขอบคุณที่ให้โอกาสออกความเห็นขอรับ

ตอบเมื่อ: 24 ก.พ.2008, 3:25 pm

คือตัวผมนี้เป็นลูกคนแรกของครอบครัว น้องชายอีกสองคนกำลังศึกษาอยู่ชั้น ม.ต้น พ่อกับแม่ของผมหย่าร้างกันไป แต่พ่อก็ยังคอยส่งเสียเงินให้ และตอนนี้ทางบ้านก็ไม่ถึงกับยากจนมากมายนัก ผมก็คิดว่าหากผมบวชไปสักคนนึง ก็ไม่เกิดผลเสียต่อครอบครัวมากนัก หากผมรอเรียนจบ ทำงาน รับรองเลยครับว่าต้องเป็นอย่างหลายๆ ท่าน คือ มีหนี้สิน มีภาระจากการที่มีครอบครัว มีบุตร แล้วเมื่อไหร่ล่ะครับจะหมดหนี้สิน เมื่อไหร่ที่จะหมดห่วงเรื่องภรรยา เรื่องบุตร ผมเลยตัดสินใจทำเสียตั้งแต่ตอนนี้ นี่แหละครับความคิดของผมนะครับ

สิ่งใดที่ผมทำให้ท่านทั้งหลายไม่สบายใจ ทั้งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ผมขอให้ท่านโปรดอโหสิกรรมให้ผมด้วย เทอญ

ตอบเมื่อ: 24 ก.พ.2008, 5:22 pm

ตอบเมื่อ: 01 เม.ย.2008, 10:29 am

มาอนุโมทนาด้วยค่ะ

ตอบเมื่อ: 03 เม.ย.2008, 4:19 pm

สาธุค่ะ
มีความคิดอยู่เหมือนกัน

ตอบเมื่อ: 04 เม.ย.2008, 9:39 am

คนพเนจร พิมพ์ว่า:

ผมคิดที่จะบวชให้พ่อแม่เมื่อเรียนจบ วศ.บ. และตอนนี้ผมมีความคิดที่ว่าเมื่อบวชแล้วไม่อยากที่จะลาสิกขาออกมา แต่ทางครอบครัวก็คงไม่ยอมเพราะอุตส่าห์ส่งเรียนวิศวะจบมาไม่ได้ทำงานเลย แต่หากผมไม่ยอมลาสิกขาออกมาผมจะบาปมั้ยครับ

ตอบ .....
ก่อนที่ข้าพเจ้าจะตอบคำถาม ต้องขอเรียนชี้แจงให้ทุกท่านได้ทราบว่า คำตอบของข้าพเจ้าจะตอบแบบอิงหลักศาสนา แต่ไม่ใช่การยุยง หรือใส่ร้าย อ่านแล้วกรุณาใช้วิจารณญาณ ดังนี้.

เมื่อคุณคิดว่าจะบวชให้บิดามารดา เป็น บุญ เป็นกุศล เป็นความ กตัญญู รู้ทดแทนคุณ ตามวัฒนธรรมประเพณีของคนไทย ดีอย่างยิ่ง

เมื่อคุณคิดว่า บวชแล้วจะไม่อยากสึก หรือลาสิกขา นั้นคุณผิดศีล 5 แล้ว การบวชหรืออุปสมบท ของพระทุกรูปต้องยึดถือศีล ตั้งแต่ ศีล 5 เป็นต้นมา
และข้อศีลที่คุณทำผิด ก็เป็นข้อศีลที่สำคัญ อันอาจทำความเสียใจ ให้กับบิดามารดา บาป ข้อที่ 2 บาปมหันต์ เพราะทำให้บิดามารดา เสียใจ ถ้าจำไม่ผิดเท่ากับเป็นการปิตุฆาต ก็ว่าได้ ขาดจากความเป็นภิกษุในทันทีที่กระทำ

สุดท้าย ถ้าคุณไม่สึกจะบาปไหม
คำตอบ...ให้กลับไปอ่านเริ่มต้นใหม่

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ตัวคุณความคิดของคุณ ก็แล้วแต่คุณ จะคิดพิจารณาเอาเองว่า จะสร้างสรรค์ทางด้านศาสนา
หรือว่า จะสร้างสรรค์ ทางด้านที่คุณเล่าเรียนมา อีกทั้งยังได้ดูแลบิดามารดา ทำความภูมิใจ สบายใจ ให้กับบิดามารดา อันได้ชื่อว่า เป็นผู้มีความ "กตัญญู" ซึ่งในทางศาสนาถือว่าเป็นเครื่องหมายของ "คนดี"

ตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2008, 4:49 pm

สาธุครับ

อนุโมทนาบุญด้วยครับ