ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
ชัช
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
25 ก.พ.2005, 9:14 pm |
  |
ที่ผ่านมาผม สามารถ ปรับตัวจนอยู่กับทุกข์ของตัวเองได้
แต่ก็ยัง พยายามเร่งปฎิบัติเพื่อให้สามารถ รับมือกับทุกข์ที่สาหัสกว่านี้ในอนาคตครับ
จนเกิดเป็น ความอยาก ความไม่พอใจในสถาพปัจจุบัน
ช่วงนี้ จิตที่หดหู่มันไม่มีแล้ว แต่กลับเป็นว่าเกิดความคิด ที่ชอบทรมาณตัวเองให้ได้ทุกข์เวทนา เช่นอดอาหาร
เหมือนกับประชดตัวเองครับ คิดว่าเป็นการเสริมสร้างให้ตัวเองเข้มแข็งขึ้นเพื่อทนทานต่อความทุกข์ที่คาดว่าจะได้รับในอนาคตอันใกล้ครับ
เหตุแห่งทุกข์คือ == ความต้องการและพยายามเร่งปฎิบัติเพื่อให้ดียิ่งขึ้น
ผลแห่งทุกข์ คือ == ความเครียด และ ความไม่พอใจในผลที่ได้
แนวทางแก้ ดับทุกข์ ? ผมจะต้องทำอย่างไร เพื่อหลุดออกจาก วงจรทุกข์ข้อนี้ครับ |
|
|
|
|
 |
เกียรติ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
26 ก.พ.2005, 5:53 pm |
  |
ศิลปะการแก้ปัญหาความทุกข์ ก็เหมือนกับศิลปะการดีดพิณ 3 สายนั่นแหละครับ ตอนแรกสายหย่อนไป เราดีดเสียงก็แปร่งๆ พอครั้งที่ 2 เรารู้แล้วว่าสายหย่อนไป เราเลยปรับให้ดึงหนักเลย ผลก็คือ ขาดครับ
ใช่แล้วครับ ศิลปะนั้น คือ ศิลปะแห่งความพอดี ซึ่งก็ไม่ได้หาได้ง่ายๆ แต่ก็ใช่สิ่งที่ยากเกินไป โอ้นี้คุณกำลังดำเนินรอยตามพระศาสดาในกาลก่อนเลยนะครับเนี่ย แสดงว่า อีกไม่นาน คุณต้องหาศิลปะแห่งความพอดีได้แน่นอนครับ ผมเอาใจข่วย |
|
|
|
|
 |
amai
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435
|
ตอบเมื่อ:
26 ก.พ.2005, 9:36 pm |
  |
เหตุแห่งทุกข์คือ == ความต้องการและพยายามเร่งปฎิบัติเพื่อให้ดียิ่งขึ้น
ผลแห่งทุกข์ คือ == ความเครียด และ ความไม่พอใจในผลที่ได้
แนวทางแก้ ดับทุกข์ ? ผมจะต้องทำอย่างไร เพื่อหลุดออกจาก วงจรทุกข์ข้อนี้ครับ
คุณชัช ก็ทราบแล้วนี่ค่ะ ว่า เหตุของทุกข์ของคุณน่ะเป็นอะไร
เหตุเกิดที่ไหนคุณก็ดับมันซะตรงนั้น มันเกิดจากความอยากเร่ง ต้องการให้ได้เร็ว คุณก็หยุดซะซิค่ะ
ก็รู้นี่ว่าอยากอะไรแล้วเป็นเหตุให้มีผลเป็นทุกข์
คุณชัชเวลาเกิดความคิดที่มันจะส่งผลให้เกิดความทุกข์
พอรู้แล้วก็หยุดซะ หรือไม่ก็ดูไปเฉยๆ
ขออนุญาติแนะนำสั้นๆค่ะ
เหตุมันอยู่ตรงไหนดับตรงนั้น
คือถ้าทุกข์เพราะคิดก็หยุดคิด
หยุดไม่ได้ทันทีเลย ก็ดูความคิดที่เกิดขึ้นว่ามันช่วยอะไรได้
ถ้าทำอะไรแล้วทุกข์ ก็หยุดดูสักพัก ว่าถ้ามันทำแล้วมันทุกข์ก็ผิดทาง
ไม่ได้เป็นไปในทางที่จะทำให้รู้ตื่น รู้เบิกบาน
คือ พุทธะ แปลว่าผู้ตื่นผู้เบิกบาน
(ไม่ได้แนะนำว่าถ้างั้นก็ไปเที่ยวไปกินเหล้าเล่นการพนันอะไรงี้นะค่ะ เพราะแบบนั้นก็ เบิกบานค่ะ แต่เป็นชั่วครู่ชั่วยาม แล้วแถมจะทำให้อย่างอื่นบานอีกด้วย คือถ้าเป็นทางแห่งความเสื่อมก็ไม่ต้องไปทำหรอกค่ะ เพราะเดี๊ยวจะไปกันใหญ่) |
|
|
|
    |
 |
อะฮ่า
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
27 ก.พ.2005, 4:16 pm |
  |
|
|
 |
ppj
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
27 ก.พ.2005, 6:30 pm |
  |
พระพุทธเจ้า ท่านสอนให้เราบำเพ็ญเพียรโดยทางสายกลาง
ตามความเข้าใจในแนวทางแห่ง ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
การตามรู้ทัน คือแนวทางแห่งการเจริญวิปัสนากรรมฐาน
การมีขันติอย่างมาก และการอดทนต่อความทุกข์ คือการดำเนินแห่งสมถะกรรมฐาน ผู้สามารถทำทั้งสองวิธีนี้ไปพร้อมกัน ย่อมบรรลุความสิ้นทุกข์ในปัจจุบัน แม้ต้องเผชิญกับความเป็นทุกข์แห่งกายสังขารนี้ก็ตาม |
|
|
|
|
 |
TAPOM
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
28 ก.พ.2005, 4:16 pm |
  |
ขอบคุณความคิดเห็นของทุก ๆ ท่านครับ. ผมเข้ามาอ่านได้แนวทางการปฏิบัติตนไปด้วย ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ |
|
|
|
|
 |
สุรพงษ์
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
28 ก.พ.2005, 4:30 pm |
  |
ในหนังสือประวัติชีวิตพระอาจารย์มั่น หน้า229
"การทรมานตนของผู้บำเพ็ญเพียรต้องให้พอเหมาะกับอุปนิสัย"
เปรียบดังการฝึกม้ามี 4 ชนิด 1 ทรมานง่าย 2 ทรมานอย่างกลาง 3 ทรมานอย่างยาก 4 ทรมานไม่ได้เลย หรือฝึกไม่ได้เลย
1 ผู้ทรมานง่าย คือผู้ปฏิบัติทำจิตรวมง่าย ก็ให้กินอาหารอย่างเพียงพอเพื่อบำรุงร่างกาย 2ผู้ทรมานอย่างกลาง คือผู้ปฏิบัติทำจิตไม่ค่อยจะลง ก็ให้กินอาหารแต่น้อย อย่าให้มาก 3 ผู้ทรมานยาก คือผู้ปฏิบัติทำจิตลงยากแท้ ไม่ต้องให้กินอาหารเลย แต่ต้องเป็น อัตตัญญู รู้กำลงของตนว่าจะทนทานได้เพียงไร แค่ไหน 4 ทรมานไม่ได้ คือผู้ปฏิบัติทำจิตไม่ได้
|
|
|
|
|
 |
นพ
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 15 ก.พ. 2005
ตอบ: 7
|
ตอบเมื่อ:
01 มี.ค.2005, 1:19 pm |
  |
ผมอยากจะให้คุณลองปรับความคิดคุณใหม่ดีกว่าครับ
ลองอ่านข้อความด้านล่างนี้ดู ผมว่ามีประโยชน์มาก
คุณมีทางเลือก 2 ทาง
จอร์รี่ เป็นผู้จัดการร้านอาหารผู้มีอารมณ์เบิกบานเสมอ
หากมีใครถามเขาว่าเป็นอย่างไรบ้าง เขาจะตอบเสมอว่า
คงจะดีกว่านี้ ถ้าผมมีคู่แฝด
พนักงานในร้านมักจะลาออกตาม หากเจอร์รี่เปลี่ยนงาน
เพื่อติดตามเขาไปทุกๆ ร้าน ... ทำไมหรือ?
ก็เพราะเจอร์รี่คือผู้สร้างขวัญและกำลังใจที่เป็นธรรมชาติมาก
วันใดที่พนักงานมีเรื่องเลวร้าย เขาจะไปหาทันที
และบอกเล่าสิ่งที่อยู่ด้านบวกของเรื่องนั้นให้ฟัง
คนแบบนี้ที่ทำให้ผมสนใจอยากรู้จัก
ดังนั้น วันหนึ่ง ผมจึงไปหาเจอร์รี่และถามเขา
“ผมไม่เข้าใจเลย ไม่มีใครที่มองทุกสิ่งเป็นบวก
มองโลกด้านดีตลอดเวลาเช่นคุณ คุณทำได้อย่างไร
เจอร์รี่ตอบ “ทุกเช้าที่ตื่นนอน ผมจะพูดกับตัวเองว่า เรามี 2 ทางเลือก
คือเลือกมีอารมณ์ดี หรือ ไม่ดี ผมจะเลือกมีอารมณ์ดีเสมอ
แต่ละครั้งที่มีเรื่องเลวร้าย เราเลือกได้ว่า จะตกเป็นเหยื่อหรือจะเรียนรู้จากมัน
ผมจะเลือกเรียนรู้เสมอ”
ทุกครั้งที่มีใครมาต่อว่า เราสามารถเลือกยอมรับหรือชี้นำสู่ด้านบวกมาให้
ผมจะเลือกด้านบวกของมันเสมอ
“แต่มันไม่ง่ายเสมอไปนะ” ผมแย้งขึ้น
“ถูกต้อง” เจอร์รี่บอก
ชีวิตเต็มไปด้วยทางเลือก ยามที่ตัดเอาส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องออก
ก็จะมองเห็นทางเลือกนั้นได้ เราจะเลือกวิธีปฏิบัติกับเรื่องนั้น
เราจะเลือกวิธีที่ผู้คนจะส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของเรา
เราเลือกที่จะมีอารมณ์ดีหรือไม่ดี เราจะเลือกวิธีใช้ชีวิตของเราเอง
หลายปีต่อมา ได้รับข่าวมาว่า เจอร์รี่ได้ทำสิ่งผิดพลาดที่ไม่นึกฝันขึ้น
เขาลืมและเปิดประตูหลังร้านทิ้งไว้ จากนั้นตอนเช้า
มีโจรพกอาวุธ 3 คนเข้าร้านมาปล้น ขณะที่เจอร์รี่กำลังพยายามไขตู้เซฟอยู่
มือที่สั่นเทาด้วยความกลัว จนกุญแจหมุนรหัสลื่นหลุดไป
โจรเองก็ตกใจจึงลั่นกระสุนใส่เจอร์รี่ ชคยังดีที่เขาถูกนำส่งโรงพยาบาลทันเวลา
หลังจากเข้าผ่าตัด 18 ชั่วโมง พักฟื้นใน ICU หลายสัปดาห์
เจอร์รี่ออกจากโรงพยาบาล โดยมีกระสุนฝังในอยู่
ผมได้พบเจอร์รี่ 6 เดือนหลังเกิดเหตุ เมื่อผมถามเขาว่าเป็นอย่างไรบ้าง
เขายังคงตอบว่า
“คงจะดีกว่านี้ ถ้าผมมีคู่แฝด อยากดูแผลมั้ย”
ผมปฏิเสธที่จะดูแผล แต่ถามสิ่งที่เขาคิดในใจตอนโจรเข้าร้าน
เขาตอบว่า
“สิ่งแรกที่คิดคือ ผมน่าจะปิดประตูหลังร้าน”
“จากนั้น พอถูกยิงและล้มลง คิดได้ว่ามี 2 ทางเลือกคือ อยู่หรือตาย และผมเลือกจะอยู่”
“แล้วไม่กลัวเลยหรือ” ผมถาม
เจอร์รี่กล่าวต่อว่า
“เวรเปลเยี่ยมมาก เขาให้กำลังใจผมตลอดทางว่าไม่เป็นไร”
แต่เมื่อไปถึงห้องฉุกเฉิน และได้เห็นสีหน้าของหมอและพยาบาล
ผมรู้สึกกลัวมากจริงๆ ภายในตาของพวกเขา ผมอ่านได้ว่า
“เขาต้องไม่รอดแน่นอน”
ผมรู้ว่าผมคงต้องทำบางอย่าง”
“คุณทำอย่างไร” ผมถาม
เจอร์รี่บอก “มีพยาบาลคนหนึ่งตะโกนถามผมว่า
ผมเป็นภูมิแพ้ยาอะไรบ้างหรือเปล่า”
“เป็น” เจอร์รี่ตอบชัด
เหล่าหมอและพยาบาลหยุดทำงานเพื่อรอคำตอบจากผม
ผมสูดหายใจลึก และร้องลั่นว่า
“แพ้กระสุน”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะ ผมบอกว่า “ผมเลือกจะมีชีวิตอยู่
ช่วยผ่าตัดผมที เพราะผมยังมีชีวิต ผมยังไม่ตาย”
เจอร์รี่รอดได้ด้วยฝีมือหมอบวกกับทัศนคติที่สุดยอดของเขา
ผมได้เรียนรู้จากเจอร์รี่ ทุกๆ วัน เรามีทางเลือกที่จะสนุกสนานหรือชิงชังกับชีวิต
แต่จะมีสิ่งหนึ่งที่เป็นของเราเสมอ ไม่มีใครควบคุมหรือเอาของเราไปได้
นั่นก็คือ ทั ศ น ค ติ ของเรา ถ้าเราควบคุมมันได้
สิ่งอื่นที่เหลือก็ไม่มีอะไรยากอีก
ตอนนี้ คุณมี 2 ทางเลือก ลืมเรื่องราวของเจอร์รี่ที่คุณอ่าน
หรือ ส่งต่อให้คนที่เราห่วงใย
หวังว่าคุณคงเลือกข้อ 2 เหมือนกัน !
|
|
|
|
   |
 |
นพ
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 15 ก.พ. 2005
ตอบ: 7
|
ตอบเมื่อ:
01 มี.ค.2005, 1:27 pm |
  |
“ คือ เครื่องหมายคำพูดนะครับ |
|
|
|
   |
 |
เฮ้งปุ๊กต๋ง
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
01 มี.ค.2005, 6:18 pm |
  |
คุณดูเหมือนจะยังมีความสงสัยอยู่มากเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้เกิดความทุกข์ แต่วิธีที่คุณทำก็ดูเหมือนจะเป็นวิธีที่ถูกต้องแต่คุณอาจจะเคร่งเครียดเกินไปกับการพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง......ลองใช้คำว่า ลองหยั่งดู กับสิ่งที่ตัวคุณกำลังทำอยู่สิครับ อาจจะทำให้ผ่อนคลายลงได้ คุณหิวข้าวแต่ไม่กินข้าวก็ไม่ดีเพียงแต่กินให้น้อยกว่าที่เคยกินปกติมันก็จะเกิดความเปลี่ยนแปลงเหมือนกันซึ่งไม่ทำให้เคร่งเครียดอึดอัดนะครับ ไม่มีอะไรจะต้องเครียดหรอกครับทำใจให้สบาย หมั่นทำบุญตักบาตร สวดมนต์ไหว้พระมากๆ ละเว้นจากสิ่งเสพติดรวมถึงเหล้า บุหรี่ อย่าเล่นการพนัน อย่าคบเพื่อนไม่ดี แล้วคุณจะพบกับชีวิตใหม่ที่ชื่นแจ่มใสครับ |
|
|
|
|
 |
ppj
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
03 มี.ค.2005, 1:41 am |
  |
คุณชัช
กรุณาดูแลสุขภาพของคุณด้วยนะจ้ะ
ทั้ง ร่างกาย และจิตใจของคุณ
ทำบุญวันละนิด จิตแจ่มใสจ้ะ
 |
|
|
|
|
 |
มาดู
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
10 มี.ค.2005, 2:30 am |
  |
...เป็นกำลังใจให้นะคะ... ...
สาธุ.. ..สำหรับคำถาม..และคำตอบ..ของทุกท่านค่ะ..  |
|
|
|
|
 |
|