Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 "วันมาฆบูชา" ความทรงจำรางๆ ของวัยรุ่นไทย อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
webmaster
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 04 มิ.ย. 2004
ตอบ: 769

ตอบตอบเมื่อ: 23 ก.พ.2005, 1:18 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

จะมีใครสักคนที่รู้ว่า "วันมาฆบูชา" มีความหมายต่อชาวพุทธอย่างไร? มีความสำคัญอย่างไร? หรือแม้แต่ตรงกับวันที่เท่าไหร่? หากเทียบกับวันวาเลนไทน์วันแห่งความรักวัฒนธรรมฝั่งตะวันตกคนไทยกลับให้ความสนใจวันวาเลนไทน์มากกว่า แล้วเด็กรุ่นใหม่พวกเขามีมุมมองอย่างไรต่อ"วันมาฆบูชา"



ดังนั้น "ผู้จัดการปริทรรศน์"จึงได้บุกไปล้วงความในใจของวัยรุ่นเด็กไทยย่านเซ็นเตอร์พอยท์แหล่งชุมนุมแห่งใหญ่ เขาและเธอได้แสดงความคิดเห็นต่อ "วันมาฆบูชา" ไว้อย่างน่าสนใจ...



"เมื่อก่อนเคยรู้นะ ว่ามันมีความสำคัญอย่างไร แต่เดี๋ยวนี้ลืมไปหมดแล้ว จำไม่ได้ ไม่แน่ใจว่าเป็นวัน ขึ้น 15 เดือน 3 หรือเปล่า ถ้าไม่ดูปฏิทินก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นวันที่เท่าไหร่"





นั่นเป็นคำตอบของแทนดา ชาญญานนท์ หรือน้องพิม นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เป็นความจริงที่น่าใจหายอย่างยิ่ง



น้องพิมยังบอกอีกว่า"ส่วนตัวคิดว่า เดี๋ยวนี้วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาคนไม่ค่อยให้ความสำคัญแล้ว อย่างพิมถ้าจะไปทำบุญ ว่างวันไหนก็ไปวันนั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นวันนี้ สำหรับเด็กวัยรุ่นทั่วๆ ไป ก็เชื่อว่าไม่ค่อยสนใจวันพวกนี้มากนัก สังเกตเห็นได้ชัดเรื่องวันวาเลนไทน์กับวันมาฆบูชา วัยรุ่นให้ความสำคัญกับวาเลนไทน์มากกว่า ไม่มีใครอยากซื้อพวงมาลัยไปไหว้พระเท่ากับหอบกุหลาบช่อโตให้กับคนรัก ส่วนที่บอกว่าวันมาฆบูชาเป็นวันแห่งความรักของศาสนาพุทธนก็ไม่เห็นมันจะเกี่ยวกันตรงไหนเลย"น้องพิมแสดงความคิดเห็น



ส่วนธรณ์เทพ ครุฑกุล หรือ น้องก๊อก วัย 19 ปี นักศึกษาเอกอุตสาหกรรมท่องเที่ยว คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา กับน้องป้อ ม.เกษตรตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า รู้จักครับ วันนี้เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา มีเหตุการณ์สำคัญๆ เกิดขึ้น เรียกว่า "วันจาตุรงคสันนิบาต" วันนี้เราก็ต้องไปทำบุญ ฟังเทศน์ ฟังธรรม



เมื่ออธิบายความตามที่เข้าใจและพอจำได้เสร็จ น้องก๊อก เล่าย้อนกลับไปเมื่อตอนเป็นเด็กว่า เมื่อก่อนก็ไปทำบุญ เวียนเทียน กับครอบครัว แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีโอกาส เหมือนห่างศาสนาออกไปเรื่อยๆ และการที่วัยรุ่นห่างไกลศาสนา เพราะว่าชอบความตื่นเต้น ความสนุกสนาน ค่านิยมเปลี่ยนแปลงไป การไปวัดถูกมองว่าเป็นเรื่องน่าเบื่อ การที่คนจะเข้าวัดจึงอยู่ที่วัยด้วย อย่างเด็กเล็กๆ พ่อแม่อาจจะพาไปทำบุญ พอช่วงวัยรุ่นก็จะหายไปเลย หันหน้าเข้าหาวัดอีกทีก็ช่วงที่มีอายุมากแล้ว อย่าว่าแต่เด็กๆ คนทั่วไป xxxทำงาน ก็แทบไม่รู้จักวันนี้กันแล้ว เพราะถ้าพูดถึงวัดก็จะนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวอย่างเดียว



น้องก๊อกย้ำอีกว่า "ผมทราบว่าเราเป็นชาวพุทธก็ควรทราบว่าวันนี้มีความสำคัญอย่างไร ควรทำอะไรในวันนี้บ้าง แต่หากไม่มีเวลาหรือไม่มีโอกาสก็ควรทำบุญ กุศลที่สามารถทำได้ เช่น ช่วยเหลือผู้อื่น การบริจาคหรือแม้แต่การนั่งสมาธิ"





ไม่ต่างกันกับธิดาพร อมรรัตนพงศ์ หรือ น้องอ้อม นักศึกษาคณะศิลปศาสตร์ เอกการโรงแรมและการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยสยาม และวรัญญา ทวีชัยธนสกุล หรือ แนน วัย 20 ปี นักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์ เอกภาษาจีน มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ซึ่งพูดคล้ายคลึงกันว่า ถ้าให้เล่าถึงประวัติความเป็นมาของวันมาฆบูชานั้นจำไม่ได้ลืมหมดแล้ว ที่รู้คือเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่ทุกคนควรระลึกถึง ส่วนกิจกรรมที่ต้องทำคือต้องไปทำบุญ เวียนเทียนที่วัด ซึ่งค่านิยมของวัยรุ่นสมัยนี้ทั่วๆไปแล้วก็ไม่ค่อยให้ความสำคัญสักเท่าไหร่ ถ้าเทียบกับวันวาเลนไทน์ เพราะคนส่วนใหญ่ยังรู้จักวันวาเลนไทน์มากกว่า



ส่วนน้องๆ ที่ยังคงกางตำรา "พระพุทธศาสนา"เรียนอย่างคร่ำเคร่ง อธิบายความหมาย ความสำคัญได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ๋ว อย่างน้องนิว หรือ ศศิธร ซิ่มประเสริฐ นักเรียนชั้นม.4 โรงเรียนสายน้ำผึ้ง ให้ความเห็นว่า...



"วัยรุ่นไม่ค่อยเห็นความสำคัญของวันมาฆบูชาเพราะเห็นว่าน่าเบื่อ คิดถึงสนุกไว้ก่อน อย่างถ้าให้ไปเวียนเทียนกับพ่อแม่คงไม่สนุกเท่าไปกับกลุ่มเพื่อน และที่สามารถบอกประวัติของวันนี้ได้ ก็เพราะกำลังเรียนอยู่ แบบเรียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกปี หนูว่ามันเป็นวิชาที่น่าเบื่อมากเพราะเข้าเรียนทีไรไม่ค่อยได้มีส่วนร่วม นั่งฟังแต่อาจารย์สอนอยู่ฝ่ายเดียวทั้งคาบ แต่ถ้าเป็นไปได้น่าจะมีการให้นักเรียนมีส่วนร่วมมากขึ้นกว่านี้ เช่นอาจจะเป็นการให้ออกไปพรีเซนต์หน้าห้องบ้างก็จะดี"



ส่วนน้องแพท หรือ ทศวรรษ สุทธิวงศ์ นักเรียนชั้นม.6 โรงเรียนเทพศิรินทร์ บอกว่า วันมาฆบูชาคือวันที่ผู้ที่นับถือศาสนาพุทธต้องมีการไปทำบุญตักบาตร เข้าวัดฟังเทศน์หรือถวายสังฆทาน ซึ่งถือเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งในพุทธศาสนาที่ควรจะสืบทอดไว้และอีกอย่างก็ถือเป็นประเพณีอันดีงามของประเทศไทยด้วย



"พอวันนี้มาถึงส่วนใหญ่ที่บ้านจะไปทำบุญเวียนเทียนกัน ผมไม่ค่อยได้ไปเพราะเป็นวันหยุดอยากอยู่บ้าน อ่านหนังสือมากกว่า เหนื่อยไม่ค่อยอยากไปไหน"



คู่หูน้องแพทที่มาด้วยกันพูดติดตลกด้วยความคะนองตบท้ายก่อนจากกันว่า "ผมไม่รู้จักวันมาฆะ หรอกรู้จักแต่วันมาครับ จริงๆ ถ้าจะให้พูดถึงวันสำคัญทางศาสนาแบบนี้น่าจะให้ไปอ่านหนังสือมาสักรอบก่อนไม่งั้นถ้าพูดผิดคงเสียชื่อโรงเรียนแย่"



นั่นเป็นมุมมองความคิดเห็นของเด็กวัยรุ่นไทยในยุคนี้ ...วันสำคัญทางศาสนา วันหยุด จำไม่ค่อยได้ น่าเบื่อ ...



ในขณะที่ผู้ใหญ่บอกว่าปัญหาสารพัดสารพันของวัยรุ่นเข้าขั้นวิกฤต ไม่รู้จักแม้แต่วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา แล้วผู้ใหญ่ได้แก้ไขปัญหา เยียวยาพวกเขาไปอย่างไรบ้าง



น.พ.จักรธรรม ธรรมศักดิ์ ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งในฐานะผอ.สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ บอกว่า พยายามส่งเสริมเด็กวัยรุ่นให้เข้าใจแก่นของศาสนามาตลอด แต่จะทำอย่างไรนี่เป็นโจทย์ใหญ่มาก ที่ผ่านมาเคยมีผู้รู้ท่านหนึ่งในวงการศาสนา ยกให้วันมาฆบูชาเป็นวันแห่งความรัก เจตนาคือ เป็นการกระตุกความรู้สึกของวัยรุ่นว่าวันแห่งความรักของคนไทยพุทธที่ควรจะแสดงออกซึ่งความรัก ความเมตตา ไม่น่าจะเป็นวันวาเลนไทน์ แต่ควรเป็นวันมาฆบูชามากกว่า



"ในยุคนี้เราควรช่วยกันดูแล ลูกหลานให้เติบโตในทางที่เหมาะสม ป้องกันอย่าให้พวกเขาถูกชักจูงดูดกลืนด้วยวัฒนธรรมไร้พรมแดน จริงๆ ของเรามีอะไรดีๆ เป็นเอกลักษณ์มากมาย ขณะที่ทั่วโลกให้ความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา เราชาวพุทธกลับละเลยเหมือนใกล้เกลือกินด่าง คงต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อทำให้วัยรุ่นเราเข้าใกล้ธรรม ใกล้วัด ส่งเสริมให้มีกิจกรรมด้านศาสนา



การที่ผลผลิตของสังคมออกดอกออกผลมาในลักษณะเช่นนี้ น.พ.จักรธรรม บอกว่า สาเหตุมาจากสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเด็ก 100% ทุกวันนี้ความเจริญทางวัตถุมากเหลือเกิน ทั้งโดยเจตนาดีและไม่ดี หลอกล่อเด็กเยาวชนให้ตกเป็นเหยื่อ หลายๆ เรื่อง เกม แฟชั่นเราไม่สามารถเบรกได้ สิ่งที่ทำได้คือการทำให้เกิดความสมดุล ถ้าหากวัตถุนิยมมันสูงสุดโต่งก็ต้องเพิ่มเรื่องมโนนิยมให้ทัดเทียมกันอย่างน้อยๆ ที่สุดก็ให้รู้จักพระพุทธศาสนา ศาสนาประจำชาติ หรือสิ่งที่พ่อแม่ยึดถือสืบทอดกันมายาวนาน



"ศาสนาจะจำเป็นต่อชีวิตก็เมื่อมีทุกข์เข้ามา ไม่รู้จะหันไปทางไหน ที่วัยรุ่นไม่สนใจก็ไม่ใช่เพราะเขาไม่ชอบหรือเกลียด แต่เป็นเพราะเขารู้จักน้อย ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ พระ ครอบครัวที่จะร่วมแก้ไข เช่น พ่อแม่ไม่ต้องบอกลูกให้ไหว้พระเลย ถ้าพ่อแม่เห็นพระก็ไหว้ วันหนึ่งลูกทำตามพฤติกรรมของพ่อแม่ หากมีเวลาว่างๆ ความจริงไม่ต้องไปวัดอยู่ที่บ้านพ่อแม่ลูกพูดเรื่องจิตวิญญาญแทนที่จะพูดเรื่องรถยนต์ กล้องดิจิตอล โทรศัพท์มือถือ รับประทานอาหารโก้ ๆ ก็จะเป็นการดี"



ในอนาคตสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะทำรายการชื่อวัดที่ควรพาลูกและครอบครัวไปทำบุญในวันเสาร์อาทิตย์ ลงเว็บไซต์ ทำเกณฑ์ที่ดีมีมาตรฐาน เปิดมุมมองใหม่ ของพระและวัดที่น่าเลื่อมใส ที่สำคัญคือ ไม่อยากให้คนสนแต่เรื่องพิธีกรรมแต่อยากให้เข้าใจว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไร เอกสารที่เราพิมพ์แจก หรือในคำกล่าวเผยแพร่ พยายามบอกว่าวันมาฆบูชาสำคัญอย่างไร นี่ เรากำลังเรียนรู้เรื่องการมีสติ โอวาทปาติโมกข์ หัวใจของพุทธศาสนา สอนในเรื่องขันติ การอดทนอดกลั้นเมื่อเขาได้รู้ ว่า วันมาฆบูชาให้ประโยชน์กับเขามาก สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน วัยรุ่นก็จะไม่มีการปาระเบิดใส่รถเมล์ หรือรุมตืบกันที่ผับแถวทองหล่อ ถ้าหันมาศรัทธาไม่วูบไปทางวัตถุนิยม กลุ่มของฉัน ตัวของฉันต้องดีที่สุด ใหญ่ที่สุดอัตตาลดลง สันติสุขก็อาจจะเกิดขึ้นก็ได้



ข่าวด้านลบของพระสงฆ์ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธา ซึ่งเกิดจากการที่สื่อเสนอข่าวในด้านลบตลอด ซึ่งกระทบมากในการนำเสนอต่อสาธารณชนในการทำศรัทธาบวกให้เพิ่มมากขึ้น



"ต้องยอมรับว่าเราใช้ครูสอนอย่างเดียวไม่ได้ เพลงจากค่ายเทปดังก็อาจจะได้ผล แทนที่จะร็อกอย่างเดียวก็แทรกคุณธรรมเข้าไปด้วย"



น.พ.จักรธรรมกล่าวอย่างมีความหวังว่า เชื่อว่าเด็กทุกคนอยากเป็นคนดี พื้นฐานจิตใจของเยาวชนไทยเหมือนผ้าขาวบริสุทธิ์ พร้อมรับสิ่งที่ดีๆ แต่อยู่ที่ว่าครูพ่อแม่ จะป้อนสิ่งที่เป็นกุศลเข้าสู่จิตใจได้มากน้อยแค่ไหน และยังมั่นใจว่า ยังไม่หมดหวังถ้าหากทุกภาคส่วนของสังคมร่วมมือกัน



ด้าน พระเทพวิสุทธิกวี รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการและวางแผน มหามกุฏราชวิทยาลัย ให้ความเห็นว่า ความสำคัญของวันมาฆบูชาต่อคนรุ่นใหม่ตลอดจนสังคมยุคปัจจุบันมีแต่จะลดน้อยถอยลงไป วัยรุ่นห่างวัด และให้ความสนใจกับวันวาเลนไทน์ที่ให้คำนิยามเฉพาะความรักฉันหนุ่มสาวเท่านั้น กลายเป็นความรักเพื่อจะเอา ไม่ใช่รักเพื่อจะให้ มีการแข่งกอดกัน พลอดรักกันบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องหายนะมากกว่าวัฒนะ



ดังนั้น อยากจะฝากไปถึงพ่อ-แม่ คือ อย่าทำตัวเป็นคนด้อยปัญญาทั้งหมด เอาวุฒิภาวะ เอาสติมาใช้กำกับครอบครัว พาเด็กสู่สิ่งดีงาม เอาคุณธรรมสำหรับความเป็นพ่อ-แม่มาใช้กับลูก ไม่ใช่ไม่กล้าแม้แต่จะสั่งสอนอบรมลูก เราต้องแนะนำ ให้โอกาสการศึกษา ให้วิทยาการ หน้าที่ของศาสนิกทุกคนทราบดีอยู่แล้ว ไปวัด ไปเวียนเทียน ก็ไม่ใช่สักแต่ไป พิธีกรรมก็เหมือนเปลือก แต่พิธีกรรมเป็นตัวที่จะทำให้เราเข้าถึงแก่น จึงควรปฏิบัติพิธีกรรมที่ลึกเข้าไปถึงแก่นให้ได้ แล้วจะเห็นสิ่งที่มีคุณค่าในนั้น"



"การเกิดมาเป็นคนไม่ควรแสดงพฤติกรรมที่หลงกับกิเลสเช่นนั้น เสรีภาพเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าใช้เสรีภาพไปตามอำนาจของกิเลสก็ไม่สมควร เราจะเป็นคนที่ผ่องใสได้อย่างไร ถ้าปล่อยให้กิเลสเป็นตัวนำ ซึ่งถ้ามองให้ลึก จะรู้ว่าเรากำลังติดอยู่ในกระแสของการตลาด และถูกปั่นหัวเพื่อให้ขายสินค้าได้เท่านั้น ไม่ได้มีอะไรที่ลึกซึ้งสร้างสรรค์เลย



ไม่ต่างกันกับพระไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ พระนักคิด นักปฏิบัติชื่อดัง ซึ่งได้ฝากข้อคิดถึงคนที่เป็นพ่อแม่ว่า พ่อแม่เป็นสื่อกลางที่ดีในการนำพระธรรมคำสอนจากวัดมาสู่ลูก เป็นแบบอย่างให้แก่ลูก เราพูดกันอยู่ตลอดว่าเด็กไม่รู้จักวันมาฆบูชา แต่รู้จักวันวาเลนไทน์มากกว่า ซึ่งจะไปโทษเด็กไม่ได้ ถามว่าพ่อแม่ได้ทำหน้าที่สื่อกลางถ่ายทอดหรือเปล่า หรือละเลยไม่ได้ทำหน้าที่พ่อแม่ที่ดี มัวแต่มุ่งแสวงหาวัตถุ



เรื่องนี้โยงไปถึงนักการเมืองได้ว่า ทุกวันนี้มุ่งให้ความสำคัญกับเรื่องของวัตถุมากกว่าจิตใจ นโยบายรัฐบาลต้องไม่ใช่คิดแต่เรื่องเงิน หวยบนดิน สร้างกาสิโน หรือเอาธุรกิจสีเทาเข้าตลาดหลักทรัพย์ แต่ให้ความสำคัญกับเรื่องของสังคม เรื่องจิตใจบ้าง กระตุ้นให้บริโภคเท่าไหร่ สังคมนี้ไม่มีความพอ และย่อมไม่มีความสงบสุข รัฐบาลนี้เก่งแต่การคิดค้นเรื่องเศรษฐกิจ แต่ไม่มีนวัตกรรมทางสังคมและวัฒนธรรม



นอกจากนี้ พระไพศาลยังขอฝากไปถึงวัยรุ่นว่า วันมาฆบูชาเป็นจุดเริ่มต้นที่น่าจะลองถามตัวเองว่า ความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ไหนแน่ เกิดจากการบริโภคหรือจากการทำสิ่งที่ดีงาม ทุกวันนี้คนไม่เข้าใจความสุข ไม่เข้าใจความรัก เน้นแต่เรื่องวัตถุ เรื่องกายภาพ ไม่เข้าใจมิติในทางจิตใจ พิจารณาทบทวนชีวิตที่ผ่านมาว่า เวลาที่มีความสุขที่เกิดจากได้ของใหม่ ได้โทรศัพท์มือถือ เป็นความสุขที่ยั่งยืนหรือไม่ หรืออยากได้รุ่นใหม่กว่าเดิมอีก เปรียบเทียบกับความสุขจากการได้ช่วยเหลือผู้อื่น เช่น อาสาสมัครที่ไปช่วยเหลือที่วัดย่านยาว จ.พังงา เป็นความสุขที่อิ่มใจกว่า



ถ้าจับจุดตรงนี้ได้ จะรู้ว่าความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ใจ อยู่ที่การช่วยเหลือเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ทั้งหมดนี่คือสาระที่เราจะได้จากวันมาฆบูชา มากกว่าการเข้าวัด ฟังธรรมอย่างเดียว ที่ผ่านมาเป็นการเรียนการสอนแบบท่องจำจึงไม่เข้าใจว่าความสำคัญของวันมาฆบูชาจะเกี่ยวข้องกับคนและสังคมอย่างไร"



...ถึงตรงนี้ คงต้องบอกว่า ไม่เพียงแต่วันมาฆบูชาเท่านั้น วันสำคัญทางศาสนาอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นวันวิสาขบูชา อาสาฬหบูชา วันพระ ต่างก็ไม่ได้รับความสนใจจากวัยรุ่น



แล้วผิดไหม? ที่เขาจะไม่รู้จักและไม่ให้ความสำคัญเท่าที่ควร ในเมื่อ...จะมีสักกี่ครอบครัวที่สอนให้ลูกสวดมนต์ก่อนเข้านอน...จะมีสักกี่ครอบครัวที่ชวนลูกตักบาตรตอนเช้า...จะมีสักกี่ครอบครัวที่ผู้ใหญ่จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกหลาน...ผนวกกับสิ่งแวดล้อมรอบตัว เพื่อนฝูง ค่านิยม สื่อ ล้วนทำให้ศาสนาเป็นเรื่องไกลตัวออกไปทุกที...



แล้วแบบนี้จะโทษเด็กได้อย่างไร หากเขาจะเหลือแค่ความทรงจำจางๆ เท่านั้น



****************************
http://www.manager.co.th

 

_________________
ธรรมจักรดอทเน็ต
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
โอ่
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 24 ก.พ.2005, 3:13 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เรื่องแบบนี้ใครไปห่วงก็หาทุกข์ให้ตัวเอง ใครจะเข้าวัดหรือไม่ หรือทำกุศลหรือไม่ ก็อยู่กับ "ปุพเพ จะ กตปุญญตา" ถ้าเราไม่เชื่ออย่างนี้ ก็เท่ากับไม่เชื่อเรื่องกรรม
 
เฉื่อย
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 25 ก.พ.2005, 8:29 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ในสมองของเยาวชนวันมาฆบุชาก็เป็นแค่วันวันหนึ่งที่ได้หยุด

ไหนเลยจะสนุกเหมือนเล่นเกมเหล่านี้



๐ “ซิงเกิล” กลับมาอีกครั้งกับภาค 2 “ทริปเปิล ทรับเบิล” ด้วยการจับหนุ่มสาวโสด 3 คนมาอยู่ร่วมกัน ด้านผู้ผลิตประกาศชัด ภาคใหม่ไม่มีฉากร่วมเพศ แค่ชวนหวิวแบบขำๆ วางแผงพ.ค.นี้



๐เตรียมกำเดาไหลกับ Playboy: The Mansion ซึ่งพัฒนาโดย Cyberlore Studios พร้อมที่จะผลิตลงเครื่อง PS2 ,Xbox และพีซี และวางจำหน่ายในวันที่ 25 มกราคม 2005 โดยสาวๆในเกมแต่ละคนพกพาเอาหน้าอกหน้าใจมาล้นหลาม ถามยังใส่บิกินี่ตัวจิ๋วมาอวดกันอีก…



๐“สตริปบาร์ ไทคูน” เกมบริหารบาร์เปลื้องผ้า เกมใหม่ที่ได้อาศัยความอลังการของกราฟิกมาเป็นพระเอกเหมือนเกมอื่นๆ แต่หยิบเอาเรื่องเพศมาเป็นตัวชูโรง



๐เกมจีบสาวแบบสัปดน “Leisure Suit Larry” เกมนี้มีเรื่องราวเกี่ยวกับเซ็กซ์มากมาย โดยมีฉากคาบเกี่ยวกับกิจกรรมทางเพศสัมพันธ์ รวมไปถึงฉากเปลือยของตัวละครด้วย



๐‘เดอะ ซิม ’ เป็นสังคมของกลุ่มวัยรุ่นในมหาวิทยาลัย เมื่อการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยมีเงินมาจุนเจือไม่พอ ก็มีวิธีในการหาเงินอย่างเช่นการทำงานล่วงเวลา หรือจะหาเงินโดยใช้วิธีที่ผิดกฎหมายก็ย่อมได้ รวมถึงฉากจิ๊จ๊ะสาวบนเตียง จนมีฉากรักโรแมนติก



๐Weikuเกมส์นี้ต้องอาศัยดวงในการเป่ายิงฉุบ ถ้าคุณชนะเจ้าหล่อนก็จะถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้น



เด็กเดียวนี้เล่นเกมพวกนี้ตั้งแต่ประถมคุณเชื่อมั้ย ใจมันก็ไหลไปตามที่ผู้ใหญ่ไร้สำนึกทำขึ้นมาสนองตัณหาตัวเอง และกระตุ้นสมองเด็กให้คิดแต่เรื่องต่ำ รวมถึงตัวผู้ใหญ่เหล่านั้นด้วย ถึงได้มีแต่ข่าวข่มมื่นฆ่ามากมาย



๐สาวหึงโหด ยิงแฟนหนุ่ม จ่อฆ่าตัวตาย

๐รวบแก๊งกะเทยแสบส่งเอ๊าะๆค้ากาม

๐เสี่ยผับยิงเมียดับ ฉุนถูกด่ามีบ้านเล็ก ก่อนยิงตัวตายตาม

๐พ่อหื่นข่มขืนลูกสาวม.1ท้อง

๐นศ.ลูกทะลัก! กรรไกรจิ้มดับ

๐รวบผัวจีนฮ่อสุดชั่ว!!! ซ้อมเมียปางตาย - เหล็กเสียบ "ของลับ"

๐แจ้งจับ 5 ผู้คุมขืนใจผู้ต้องหา

๐ทหารหื่นข่มขืนสาวโทรฯเย้ยผัว!ถ่ายภาพแบล็กเมล์

๐ฆ่าเปลือยสาวบาร์พัทยา

๐ผจก.ประกันภัยลวงขยี้กามลูกน้องสาว

๐ บ๋อย รร.ควงสาวไปจู๋จี้ถูกลูกซองส่องดับ

๐รวบ พนง.ขับรถแบงก์ ลวง ม.2 ขืนใจบนปิกอัพ อีกรายที่อ่างทอง ข่มขืนคนหูหนวก

๐ดญ.ม.3ก่อคดีโหดเชือดคอฆ่านร.ชายร่วมชั้น

๐จับน้าเขยฆ่ารัดคอสาวม.5ทิ้งแม่ปิง เกิดเพราะหลงรักหลานสาวแต่ฝ่ายหญิงไม่เล่นด้วย

๐รวบหนุ่มหน้ามืดฉุดหลานสาวส.ส.

๐เตือนภัย ยาเสียสาว

๐แค้นผัวข่มขืนพี่สาวเลยยิงดับ

๐เด็กใจแตกรวมกลุ่มออกปล้น

๐แจ้งจับเด็ก ม.2 ข่มขืนเพื่อน

๐โจ๋คะนองโดนฆ่า 3 รายทั้งยิง-แทงดับ

๐ผัวเก่าสุดทนภาพบาดตา ฆ่าปาดคอเมียซดพิษตายตาม2ศพ

๐รวบเด็ก10ขวบร่วมโจ๋รุ่นพี่วิ่งราวทรัพย์กว่า3แสน

๐2วัยรุ่นหื่นกามฉุดนศ.สาวซ้อมก่อนข่มขืน

๐อดีตรอง ผกก.จร.สน.ลุมพิ- นี 1ใน3 จำเลยหายต๋อมไม่ โผล่ฟังคำพิพากษาศาลอุท- ธรณ์คดีทำอนาจารกับเด็ก- หญิงอายุไม่เกิน15



หัวข้อข่าวในเวลาเพียง 2อาทิตย์

ธรรมะแบบเก่ามันล้าสมัยแล้วต้องปรับเปลี่ยนให้เข้าถึงใจเด็กด้วยวิธีการใหม่ๆ ผู้สอนก็ต้องเรียนรู้วิธีการสอนให้เป็นที่สนใจด้วย หากต้องการแก้ไขต้องหาแนวร่วมหลายๆฝ่ายถึงจะได้ผลขอรับ

 
Angelina
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 25 ก.พ.2005, 10:14 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เป็นสิ่งที่น่าเศร้ามากที่เด็กสมัยนี้ ไม่รู้จักวันสำคัญทางพุทธศาสนา



ถ้าเป็นไปได้โรงเรียนที่มีการสอนหรือแทรกวิชาศีลธรรม ควรจะมีกิจกรรมในชั้นเรียนให้เด็กได้ร่วม จะทำให้เด็กสนใจ ไม่ใช่ครูผู้สอนเอาแต่พูดฝ่ายเดียว จำทำให้เด็กเกิดความเบื่อหน่าย เช่นทำละครหน้าชั้น หรือให้เด็กตั้งคำถามในชั้นเรียนบ้าง จะทำให้เด็กเกิดความกระตือรือร้น และที่สำคัญคือภาพวันสำคัญต่างๆ ควรจะมีนำมาโชว์ประกอบ หรือให้นักเรียนออกไปสัมภาษณ์พระหรือแม่ชีตามวัดต่างๆใกล้บ้านมาทำรายงานส่งพร้อมภาพประกอบ ยิ่งทำให้เด็กสนใจมากยิ่งขึ้น และทำให้การเรียนในชั้นไม่น่าเบื่อหน่ายสำหรับเด็ก



น้องคนนี้พูดมาถูกต้องที่ว่า".....หนูว่ามันเป็นวิชาที่น่าเบื่อมากเพราะเข้าเรียนทีไรไม่ค่อยได้มีส่วนร่วม นั่งฟังแต่อาจารย์สอนอยู่ฝ่ายเดียวทั้งคาบ แต่ถ้าเป็นไปได้น่าจะมีการให้นักเรียนมีส่วนร่วมมากขึ้นกว่านี้ เช่นอาจจะเป็นการให้ออกไปพรีเซนต์หน้าห้องบ้างก็จะดี"



ครูที่สอนวิชาศีลธรรม ควรจะฟังเด็กบ้างแล้วนำไปพัฒนาการเรียนการสอนของตัวเอง น้องคนนี้พูดได้ถูกต้อง ครูควรจะทำอย่างไร ไม่ให้การเรียนวิชาศีลธรรมนี้น่าเบื่อ อยู่ที่ตัวครูผู้สอนเท่านั้น ไม่ใช่เด็กเข้าเรียนเพื่อต้องการเกรดในการสอบเท่านั้น อยากให้ครูผู้สอนวิชาศีลธรรมเข้ามาอ่านกระทู้นี้เยอะๆ จะได้รู้ว่า เด็กสมัยนี้คิดอย่างไรบ้าง
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง