ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
เด็กบ้านยางสีสุราช
บัวบาน


เข้าร่วม: 05 มิ.ย. 2004
ตอบ: 305
|
ตอบเมื่อ:
17 พ.ค.2008, 12:28 am |
  |
ผมไม่เคยอ่านหรอก ว่าพระสูตรไหนพระพุทธเจ้าท่านบอกให้ ภิกษุ ไปฉันน้ำมูตรเน่า
ผมเคยแค่ฟัง ๆ อ่าน ๆ มาครับ แต่เท่าที่ได้ฟัง ได้อ่าน หรือถามพระหลาย ๆ รูป ก็น่าจะแปลว่า
พระพุทธเจ้าท่านต้องแนะให้ภิกษุฉันน้ำมูตรเน่าเพื่อเป็นยาจริง ๆ
ที่เคยอ่าน ก็อย่างหลวงปู่เทศก์ เทสรังสี ก็เคยมีเรื่องหนึ่ง ที่คนไปกับท่าน เยี่ยวออกมาเป็นเลือด
ท่านเลยให้กินเยี่ยวที่ออกมาเป็นเลือดนั้นล่ะ สักพักก็หายไปเลย (โรคหายนะครับ ไม่ใช่คน)
ถามพระหลาย ๆ รูป ที่ท่านปฏิบัติธรรม ท่านก็ฉัน
แล้วมีหรือเมื่อฉี่ ดีขนาดนี้ ผมจะไม่กิน ดังนั้น มากินฉี่กันนะครับ
ผมกินครั้งแรก ก็จะอ้วกเหมือนกัน กินไปกินมา ก็ไม่รู้สึกอะไรแล้วครับ เหมือนกินน้ำนี้แหละ
ป.ล.เห็นพระท่านบอกมาอีกทีหนึ่งว่า น้ำมูตรเน่านี้ เขาให้เอามะขามป้อมมาใส่แล้วดองด้วย ต้นอยู่หลังบ้าน จากที่ต้นสูงไม่เท่าหัวเข่า จนตอนนี้ เลยหัวผมไปล่ะ ก็ไม่มีท่าทีว่ามันจะออกลูกออกผลมาให้เราเอาไปดองเลย -*- เฮ้อ ....
ป.ล.2 รีบมากไป เลยลืมชวนเลย ดังนั้น มากินฉี่กันเถอะนะครับ |
|
_________________ สายลมเริ่มเปลี่ยนทิศแล้ว
ลมหนาวกำลังมาเยือนแล้ว
จันทร์ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๑ |
|
  |
 |
กรัชกาย
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348
|
ตอบเมื่อ:
17 พ.ค.2008, 4:43 am |
  |
อ้างอิงจาก: |
ผมไม่เคยอ่านหรอก ว่าพระสูตรไหนพระพุทธเจ้าท่านบอกให้ ภิกษุ ไปฉันน้ำมูตรเน่า
ผมเคยแค่ฟัง ๆ อ่าน ๆ มาครับ แต่เท่าที่ได้ฟัง ได้อ่าน หรือถามพระหลาย ๆ รูป ก็น่าจะแปลว่า พระพุทธเจ้าท่านต้องแนะให้ภิกษุฉันน้ำมูตรเน่า เพื่อเป็นยาจริง ๆ |
คุณเด็กบ้านยาง ช่วยบอกวิธีทำน้ำมูตรเน่าหน่อยครับ ว่าทำอย่างไร
แล้วอะไรทำให้คุณมั่นใจว่า พระพุทธเจ้าแนะนำให้ภิกษุฉันน้ำมูตรเน่า |
|
_________________ สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา |
|
  |
 |
เด็กบ้านยางสีสุราช
บัวบาน


เข้าร่วม: 05 มิ.ย. 2004
ตอบ: 305
|
ตอบเมื่อ:
17 พ.ค.2008, 9:00 am |
  |
ผมลองไป search google ดู เจอในกระทู้ของลานธรรมเก่าหลายกระทู้เลยแฮะ
http://larndham.net/index.php?showtopic=12644&st=5
http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/004183.htm
อ้างอิงจาก: |
ณเด็กบ้านยาง ช่วยบอกวิธีทำน้ำมูตรเน่าหน่อยครับ ว่าทำอย่างไร
แล้วอะไรทำให้คุณมั่นใจว่า พระพุทธเจ้าแนะนำให้ภิกษุฉันน้ำมูตรเน่า
|
ส่วนที่ผมเคยอ่านที่ว่าพระพุทธเจ้าแนะนำนี้คงต้องตรงนี้ครับ อ้างอิงจากคำตอบคุณกลองนะครับ
อนุศาสน์ การสอน,คำชี้แจง; คำสอนที่อุปัชฌาย์หรือกรรมวาจาจารย์บอกแก่ภิกษุใหม่ ในเวลาอุปสมบทเสร็จประกอบด้วย นิสสัย ๔ และ อกรณียกิจ ๔,
นิสสัย คือ ปัจจัยเครื่องอาศัยของบรรพชิตมี ๔ อย่าง ได้แก่
เที่ยวบิณฑบาต
นุ่งห่มผ้าบังสุกุล
อยู่โคนไม้
ฉันยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า(ท่านบอกไว้เป็นทางแสวงหาปัจจัย๔ พร้อมทั้งอติเรกลาภของภิกษุ)
อกรณียกิจ กิจที่ไม่ควรทำ หมายถึงกิจที่บรรพชิตทำไม่ได้มี ๔ อย่างได้แก่
เสพเมถุน
ลักของเขา
ฆ่าสัตว์ (ที่ให้ขาดจากความเป็นภิกษุหมายเอาฆ่ามนุษย์)
พูดอวดคุณวิเศษที่ไม่พูดอวดคุณวิเศษที่ไม่ตน
วิธีทำน้ำมูตรเน่าเท่าที่ผมถามพระท่านมาคือเอาฉี่ไปดองกับมะขามป้อมครับ
หรือ ถ้าขี้เกียจเอาไปดองเวลาฉี่ออกมาก็กินเลยก็ได้ครับ มะขามป้อมบ้านผมยังไม่มีลูกมีผล ผมก็ยังไม่ได้ดองเลย เลยกินสด ๆ ไปก่อน รอมันออกผลแล้วค่อยจับมาดองอีกที  |
|
_________________ สายลมเริ่มเปลี่ยนทิศแล้ว
ลมหนาวกำลังมาเยือนแล้ว
จันทร์ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๑ |
|
  |
 |
จ่าหนาน
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 5
ที่อยู่ (จังหวัด): กาญจนบุรี
|
ตอบเมื่อ:
17 พ.ค.2008, 12:18 pm |
  |
- ก็เคยได้ยินนะครับ แต่ไม่เคยกิน หมอเขียว(ใจเพชร)เขาก็แนะนำให้กิน และหมออะไรจำไม่ได้ เป็นหมอชีวะจิตนี่แหละก็ให้กิน เขาว่ามี 3 สูตรที่ให้ผลในลักษณะเดียวกันคือ
1. น้ำต้มมะละกอชงชา 2. นมผสมโยเกิร์ท 3. ก็ฉี่ตนเองนี่แหละ
ประโยชน์คือ การล้างลำใส้ที่มีคราบไขมันเกาะอยู่ให้หลุดออก คนละเรื่องกับการทำดีทอล์คนะครับ และการชงชาก็ไม่ให้ชงเกิน 5 นาที เพราะถ้าเลย 5 นาที สารพิษของชาจะเริ่มออกซึ่งไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ( เห็นบางคนห่อผ้าแช่นำดื่มเป็นวัน ๆ ก็มี) |
|
_________________ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด |
|
  |
 |
กรัชกาย
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348
|
ตอบเมื่อ:
17 พ.ค.2008, 4:42 pm |
  |
อ้างอิงจาก: |
วิธีทำน้ำมูตรเน่าเท่าที่ผมถามพระท่านมา คือ เอาฉี่ไปดองกับมะขามป้อมครับ
ฉันยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า |
ฉัน (= กิน) ยา (= ผลสมอหรือมะขามป้อม ซึ่งมีสรรพคุณเป็นยาระบายถ่ายท้องอยู่ในตัว
แล้ว) ดอง-ด้วยน้ำมูตร-เน่า
คำว่า น้ำมูตร-เน่า (น้ำมูตร+เน่า)
น้ำมูตร (มุตฺตํ) ได้แก่ฉี่
เน่า หมายถึงผ่านกรรมวิธีมาก่อนแล้ว
โดยการนำน้ำมูตร (ซึ่งปลอดโรค) ไปใส่ในตุ่มใหญ่พอประมาณ แล้วปิดปากด้วยกระจกหนาๆ
กลางวันก็เปิดให้แดดส่อง จนน้ำมูตรแปรสภาพไปแล้ว (สุกได้ที่) จึงเรียกว่า น้ำมูตร-เน่า
แล้วจึงนำผลสมอหรือ มะขามป้อมที่ทุบพอแตก ตากแดดพอหมาดๆ เทลง (แช่) ดอง
ในน้ำมูตรเน่านั้น
แล้วก็กิน (ฉัน) ผลสมอที่ดองนั้น (ยังไม่พบว่าท่านให้กินน้ำมูตรเน่า หรือกินฉี่ อย่างที่เข้าใจผิด
กันอยู่) แก้ท้องผูก
ที่ท่านให้ดอง...เช่นนี้เพื่อถนอมไว้กินนานๆ กว่าไม่ได้ดอง เพราะต้องเที่ยวเซาะหามาทีละมากๆ
หากยังนึกกรรมวิธีทำน้ำมูตรไม่ออก นึกถึงการทำน้ำปลาในขวดที่ทุกครัวเรือนขาดไม่ได้
วิธีกรรม คือ นำปลาไส้ตัน ฯลฯ ใส่ลงในตุ่มแล้วใส่เกลือตามสัดส่วน กลางคืนปิดฝา ไม่ให้น้ำฝน
เข้า กลางวันเปิดฝาตุ่ม ให้แดดส่อง จนมันแปรสภาพเป็นน้ำปลาอย่างที่เห็นอยู่ในขวดนั้น |
|
_________________ สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 17 พ.ค.2008, 6:33 pm, ทั้งหมด 2 ครั้ง |
|
  |
 |
ตามรอย
บัวใต้น้ำ

เข้าร่วม: 16 เม.ย. 2008
ตอบ: 109
ที่อยู่ (จังหวัด): เชียงใหม่
|
ตอบเมื่อ:
17 พ.ค.2008, 6:30 pm |
  |
สงสัยว่าข้อความอ้างอิงมาจากพระไตรปิฎกหรือเปล่าครับ
ถ้าอ้างมั่วไม่เป็นผลดีต่อใครแน่ |
|
_________________ อย่าประมาทลืมตน |
|
   |
 |
กรัชกาย
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348
|
ตอบเมื่อ:
17 พ.ค.2008, 6:52 pm |
  |
อ้างอิงจาก: |
สงสัยว่าข้อความอ้างอิงมาจากพระไตรปิฎกหรือเปล่าครับ
ถ้าอ้างมั่วไม่เป็นผลดีต่อใครแน่
ตามรอย 17 พ.ค.2008, 6:30 pm |
มาจากนี้ครับคุณตามรอย
ปัจจัยเครื่องอาศัยของบรรชิตมี 4 อย่าง คือ
1. เที่ยวบิณฑบาต
2. นุ่งห่มผ้าบังสุกุล
3.อยู่โคนต้นไม้
4. ฉันยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า
4 อย่าง นี้เรียกนิสสัย
มีอีก 4 อย่าง เรียกว่า อกรณียกิจ
8 ข้อนี้ เรียกว่า อนุศาสน์ ซึ่งกุลบุตรหลังจากบวชเสร็จแล้วพระอุปัชฌาย์จะต้องบอก
อนุศาสน์ ทุกคน
แต่ที่มีปัญหา คือ ชาวพุทธตีความภาษาผิดครับ
เช่น คำตอบหนึ่งที่ว่า (พระจะเอาลูกสมอ หรือ มะขามป้อม ไปดองกับฉี่ จะได้เป็นน้ำมูตรเน่า
ใช้เป็นยาได้)
คำถามเดียวกันที่
http://larndham.net/index.php?showtopic=31790&st=4
เมื่อเข้าใจผิดก็ปรุงแต่งความคิดและการปฏิบัติ (ทำ) ได้หลากหลาย  |
|
_________________ สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา |
|
  |
 |
เด็กบ้านยางสีสุราช
บัวบาน


เข้าร่วม: 05 มิ.ย. 2004
ตอบ: 305
|
ตอบเมื่อ:
17 พ.ค.2008, 7:51 pm |
  |
อ้างอิงจาก: |
สงสัยว่าข้อความอ้างอิงมาจากพระไตรปิฎกหรือเปล่าครับ
ถ้าอ้างมั่วไม่เป็นผลดีต่อใคร |
คำตอบแบบที่คุณ กรัชกายตอบไว้ใน ต่อจากข้อความคุณตามรอยนะครับ
อ้างอิงจาก: |
แต่ที่มีปัญหา คือ ชาวพุทธตีความภาษาผิดครับ
เช่น คำตอบหนึ่งที่ว่า (พระจะเอาลูกสมอ หรือ มะขามป้อม ไปดองกับฉี่ จะได้เป็นน้ำมูตรเน่า
ใช้เป็นยาได้) |
อืม เดี๋ยววิธีทำน้ำมูตรเน่าจริง ๆ เป็นไงนี้ ผมคงต้องเอาไปถามพระที่ผมนับถือท่านอีกที แต่เท่าที่ถามท่านมา
ท่านก็ว่า ฉี่ออกมาแล้ว ก็กินเลยก็ได้นะครับ ไว้มีโอกาสค่อยไปถามท่านอย่างละเอียดอีกที
ขอ edit เพิ่มเติมข้อมูลนิดหนึ่งครับ
ที่ผมมั่นใจว่า ฉี่ออกมาปั๊ปกินได้เลยนี้ เพราะหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ท่านเคยเขียนเรื่องเล่า เรื่องอะไรผมก็ลืม แต่จะมีอยู่ช่วงหนึ่ง ที่มีโยม ฆราวาสไปกับท่าน แล้วโยมคนนั้นก็ป่วยขึ้นมา ฉี่ออกมาเป็นเลือด ท่านก็ไม่รู้จักรักษายังไง ก็เลยให้กินฉี่ที่ออกมาเป็นเลือดนั้นล่ะ กินไป กินมา (ไม่รู้ว่านานแค่ไหนนะครับ ) แล้วอาการป่วยโยมคนนั้นก็หายเป็นปกติครับ |
|
_________________ สายลมเริ่มเปลี่ยนทิศแล้ว
ลมหนาวกำลังมาเยือนแล้ว
จันทร์ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๑ |
|
  |
 |
กรัชกาย
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348
|
ตอบเมื่อ:
17 พ.ค.2008, 8:20 pm |
  |
ท่านก็ว่า ฉี่ออกมาแล้ว ก็กินเลยก็ได้นะครับ ไว้มีโอกาสค่อยไปถามท่านอย่างละเอียดอีกที
คนหลงป่า ไม่มีน้ำดื่ม หิวน้ำเหลือทนแล้ว ก็ดื่มฉี่ตนเองแก้กระหายน้ำได้
กินได้ไม่มีใครห้าม เป็นสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งไม่เกี่ยวกับนิสสัย 4 ว่า (ฉันยาดองด้วยน้ำ
มูตรเน่า) คนละประเด็นกัน
ตีความประโยค "ฉันยาดองด้ายน้ำมูตรเน่า" ผิด
เมื่อเข้าใจผิดเสียแล้ว ยังอาจเข้าใจว่า พระพุทธเจ้าสอนภิกษุให้ฉันน้ำมูตรเน่า (ฉี่เน่า)
ดูอีกตัวอย่างหนึ่งที่เข้าใจผิด =>
ยาดองน้ำมูตรเน่า...ได้ยินกิตติศัพท์มานานแล้ว
เคยได้ยินมาว่า ครูบาอาจารย์พระป่า ท่านจะใส่สมุนไพรบางชนิดใน ยาดองน้ำมูตรเน่า ลักษณะนี้ น่าจะเป็นการใช้สารบางชนิดที่มีอยู่ในปัสสาวะให้เป็นประโยชน์ อาจจะเป็นประโยชน์โดยตรงจากสารนี้เอง หรือ สารนี้ไปสกัดตัวยาที่อยู่ในสมุนไพรมาละลายในน้ำ ยาดอง อีกที
ตัวอย่างลิงค์ดังกล่าว |
|
_________________ สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา |
|
  |
 |
ลุงทิด
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 18 พ.ค. 2008
ตอบ: 7
|
ตอบเมื่อ:
18 พ.ค.2008, 9:51 pm |
  |
จะกินฉี่กันไปทำไม?
1.หิวเหรอ เขาจะกินก็ต่อเมื่อไม่มีน้ำกิน มันจะตาย
2.ป่วยเหรอ เป็นโรคอะไร ? ไม่มียาปกติจะรักษาได้หรือไง
3.อร่อยเหรอ ถ้าติดใจรสชาดอยากอีกก็เอา ถ้าชอบมากอยากลองของลุงใหม จะเก็บไว้ให้ ลุงกินอาหารฝรั่งด้วย พวกไวน์งี้ กินทุกวัน ของลุงน่าจะดีนะเพราะเหมือนของนอก แล้วเครื่องผลิตของลุงก็เก่าลายครามนะยิ่งเก็บนานยิ่งหอมหวาน เฮ้อไอ้พวกนี้
ลุงทิด  |
|
_________________ ทำดีต้องมีสุข ถ้ามีทุกข์ต้องพิจารณา
ผู้มีธรรมต้องรู้จักดำรงตนในความพอดี พอเหมาะ สายกลาง ลดการเบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่น |
|
   |
 |
เด็กบ้านยางสีสุราช
บัวบาน


เข้าร่วม: 05 มิ.ย. 2004
ตอบ: 305
|
ตอบเมื่อ:
18 พ.ค.2008, 11:23 pm |
  |
อ้างอิงจาก: |
1.หิวเหรอ เขาจะกินก็ต่อเมื่อไม่มีน้ำกิน มันจะตาย |
ไม่ต้องหิวก็กินได้ครับ พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนในเรื่องนี้ไว้ว่า
คำสอนที่อุปัชฌาย์หรือกรรมวาจาจารย์บอกแก่ภิกษุใหม่ ในเวลาอุปสมบทเสร็จ
ประกอบด้วย นิสสัย ๔ และ อกรณียกิจ ๔
นิสสัย คือ ปัจจัยเครื่องอาศัยของบรรพชิต มี ๔ อย่าง ได้แก่
๑. เที่ยวบิณฑบาต
๒. นุ่งห่มผ้าบังสุกุล
๓. อยู่โคนไม้
๔. ฉันยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า
(ท่านบอกไว้เป็นทางแสวงหาปัจจัย ๔ พร้อมทั้งอติเรกลาภของภิกษุ)
อกรณียกิจ กิจที่ไม่ควรทำ หมายถึง กิจที่บรรพชิตทำไม่ได้ มี ๔ อย่าง ได้แก่
๑. เสพเมถุน
๒. ลักของเขา
๓. ฆ่าสัตว์ (ที่ให้ขาดจากความเป็นภิกษุ หมายเอาฆ่ามนุษย์)
๔. พูดอวดคุณวิเศษที่ไม่มีในตน
จะเห็นได้ว่า ข้อ 4 ฉันยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า ถึงเราเป็นฆราวาสก็กินได้ครับ ถึงไม่หิว แต่ข้อ4 ถือเป็นเครื่องอาศัยของบรรพชิต ดังนั้น พระหลาย ๆ รูปท่านก็ฉันน้ำมูตรเน่าเป็นปกติอยู่แล้วครับ
อ้างอิงจาก: |
2.ป่วยเหรอ เป็นโรคอะไร ? ไม่มียาปกติจะรักษาได้หรือไง |
อันนี้ยังไม่ต้องป่วยก็กินได้นะครับ เพราะว่าจะได้ถือว่าเป็นภูมิคุ้มกันไว้ให้ร่างกายได้ด้วยครับ
และเท่าที่เด็กบ้านยางสังเกตตัวเอง คือ เวลารู้สึกว่าตัวเองไม่สบาย ช่วงนั้น จะปวดฉี่บ่อยมาก ๆ
และฉี่บ่อยด้วย เลยคิดว่าน่าจะเป็นเพราะร่างกาย ขับยาออกมาให้ครับ
อีกอย่าง กินไว้ป้องกันก็ไม่เสียหายครับ กินไว้ตอนยังไม่เป็นอะไร ดีกว่ากินตอนที่ป่วยแล้ว ระวังมันจะหายไม่ทันนะครับ
อ้างอิงจาก: |
3.อร่อยเหรอ ถ้าติดใจรสชาดอยากอีกก็เอา ถ้าชอบมากอยากลองของลุงใหม จะเก็บไว้ให้ ลุงกินอาหารฝรั่งด้วย พวกไวน์งี้ กินทุกวัน |
ฉี่ ให้กินได้เฉพาะของตัวเองนะครับ กินฉี่ของใครของมันครับ เพราะร่างกายแต่ล่ะคน ก็จะกรั่นกรองสารที่เป็นประโยชน์ที่เหมาะกับเฉพาะของคนนั้น ๆ ครับ
แล้วอีกเรื่องที่สำคัญก็คือ การดื่มไวน์ นี้ถือว่า ผิดศีล 5 นะครับ ผิดข้อ ห้ามดื่มสุรา ครับ ไวน์ก็ถือเป็นสุราชนิดหนึ่งนะครับ ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้ ลุงทิดควร งดดื่มไวน์ ให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้นะครับ เป็นผลดีต่อตัวของคุณลุงเองและคนรอบข้างอย่างแน่นอน ถ้ายังงดเลยไม่ได้ ก็ค่อย ๆ ลดปริมาณในการดื่มลงไปเรื่อย ๆ เช่น จากดื่มวันล่ะ 2 ขวด อาจเหลือ วันล่ะ 1 ขวด ดื่มวันล่ะ 1 ขวด อาจเหลือ วันล่ะ 1 แก้ว ดื่มวันล่ะ 1 แก้ว อาจลดเหลือ วันล่ะ 1 ฝา ค่อย ๆ พยายามลดการดื่มลงไปจนงดเว้นได้ถาวร แต่ถ้าสามารถเลิกดื่มได้เลย อันนี้จะยิ่งดีครับ เอาใจช่วย ให้สามารถเลิกกินไวน์ได้นะครับ
 |
|
_________________ สายลมเริ่มเปลี่ยนทิศแล้ว
ลมหนาวกำลังมาเยือนแล้ว
จันทร์ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๑ |
|
  |
 |
ลุงทิด
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 18 พ.ค. 2008
ตอบ: 7
|
ตอบเมื่อ:
19 พ.ค.2008, 8:56 am |
  |
ตอบคุณเด็กบ้านยางสีสุราช
ลุงขอชมเชยในความรู้และความสุขุมของคุณมาก คุณคงเป็นผู้มีศีล
ขอออกตัวก่อนนะว่าคำพูดหรือภาษาที่ลุงใช้ เพื่อให้เป็นตัวแทนของปุถุชน
ทั้งความรู้สึกและระดับจิต โลกเราทุกวันนี้มีความแตกต่างจากสมัยพุทธการมาก ในเรื่องความพร้อมทั้งด้านโภชนาการและสุขอนามัย
ลุงเชื่อว่าหากพระพุทธเจ้าท่านอยู่ในสมัยนี้หากท่านอาภาสท่านก็จะเข้าโรงพยาบาลเหมือนพระอริยะท่านอื่นๆในสมัยนี้เช่นกัน และพระอริยะในปัจจุบันท่านฉันฉี่กินทั้งนั้นหรือ ลุงเห็นว่าเรามีธรรมแห่งการหลุดพ้นของพระพุทธเจ้าเป็นแนวทางอยู่แล้ว ส่วนอื่นๆไม่ใช่หลักและไม่จำเป็นในการดำรงชีวิตในโลกและในธรรม อย่าเอามาทำให้เกิดความไข้วเขวดีกว่า ต่อไปถ้าเกิดมีอริยะท่านใดเดินกระเพลกเพราะโรคา มิทำให้เราอยากเดินกระเพลกกันใหญ่หรือ
ลุงทิด |
|
_________________ ทำดีต้องมีสุข ถ้ามีทุกข์ต้องพิจารณา
ผู้มีธรรมต้องรู้จักดำรงตนในความพอดี พอเหมาะ สายกลาง ลดการเบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่น |
|
   |
 |
เด็กบ้านยางสีสุราช
บัวบาน


เข้าร่วม: 05 มิ.ย. 2004
ตอบ: 305
|
ตอบเมื่อ:
19 พ.ค.2008, 7:32 pm |
  |
ครับ ถ้าคุณลุงทิด ไม่อยากจะกินฉี่ ก็ไม่เป็นไรครับ
แต่ก็ไม่แน่นะครับ อนาคตข้างหน้า บางทีอาจมีเหตุการณ์ที่ทำให้
คุณลุงทิดอาจต้องลองไปกินฉี่ก็ได้
หรือบางทีคุณลุงทิดอาจได้แนะนำให้คนรู้จักไปกินฉี่ก็เป็นได้
ถือว่ารู้ไว้ ประดับความรู้ ว่าฉี่ก็สามารถเป็นยารักษาโรคก็ได้ด้วยแล้วกันนะครับ
ฉี่ยังมีประโยชน์อีกหลายอย่างนอกจากรักษาโรคครับ ลองไปดูกระทู้นี้นะครับ
http://larndham.net/index.php?showtopic=31790&st=20
สวัสดีครับ  |
|
_________________ สายลมเริ่มเปลี่ยนทิศแล้ว
ลมหนาวกำลังมาเยือนแล้ว
จันทร์ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๑ |
|
  |
 |
TU
บัวทอง


เข้าร่วม: 23 พ.ค. 2004
ตอบ: 1589
|
ตอบเมื่อ:
19 พ.ค.2008, 7:39 pm |
  |
เด็กบ้านยางสีสุราช สบายดีอ่ะปะจ๊ะ |
|
_________________ ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา |
|
    |
 |
เด็กบ้านยางสีสุราช
บัวบาน


เข้าร่วม: 05 มิ.ย. 2004
ตอบ: 305
|
ตอบเมื่อ:
19 พ.ค.2008, 7:41 pm |
  |
สบายดีครับ พี่ ทียู ตอนนี้บ้านผมฝนตก อดไปเวียนเทียนเลยครับ ::
ป.ล. คืนนี้ผมกะว่าจะนั่งสมาธิถึงเช้า เพื่อวันวิสาขบูชาโดยเฉพาะครับ อิอิ |
|
_________________ สายลมเริ่มเปลี่ยนทิศแล้ว
ลมหนาวกำลังมาเยือนแล้ว
จันทร์ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๑ |
|
  |
 |
บัวหิมะ
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273
|
ตอบเมื่อ:
14 ส.ค. 2008, 8:27 pm |
  |
เด็กบ้านยางสีสุราช พิมพ์ว่า: |
สบายดีครับ พี่ ทียู ตอนนี้บ้านผมฝนตก อดไปเวียนเทียนเลยครับ ::
ป.ล. คืนนี้ผมกะว่าจะนั่งสมาธิถึงเช้า เพื่อวันวิสาขบูชาโดยเฉพาะครับ อิอิ |
แหมเข้ามาช้าไปหน่อย แต่ก็ขออนุโมทนาบุญด้วย อ่านสโลแกนของคุณแล้ว รูสึกจะเป็นคนค่อนข้างโรแมนติค นะ(ไม่ทราบเรียกถูกเปล่า หรือเขาเรียกคติธรรม ที่อยู่ด้านล่างน่ะ) ธรรมะสวัสดีจ้า  |
|
_________________ ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ |
|
  |
 |
|