ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
I am
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972
|
ตอบเมื่อ:
17 มี.ค.2008, 9:09 am |
  |
วาจามีความสำคัญที่สุด
พระพุทธศาสนาประกาศความยิ่งใหญ่ของวาจา
ไว้ในพระพุทธศาสนสุภาษิตหลายที่หลายแห่ง เช่น
“ควรเปล่งวาจางาม”
“ความสะอาดพึงรู้ได้ด้วยถ้อยคำ”
“ไม่ควรเปล่งวาจาชั่วเลย” และ
“คนเปล่งวาจาชั่วย่อมเดือดร้อน” เป็นต้น
ได้อ่าน ได้ยิน ได้ฟัง ความยิ่งใหญ่ของวาจาแม้เพียงเท่าที่นำมาในที่นี้ ก็น่าจะพยายามเห็นความสำคัญอย่างยิ่งของวาจา ที่ตลอดมายากจะมีผู้ให้ความสนใจกับวาจา คือกับคำพูดทั้งของตนเอง และของใครทั้งหลายอื่น
ที่ว่าไม่ให้ความสนใจกับวาจาทั้งของตนเองและของใครอื่นทั้งปวง ก็มิได้หมายความว่าไม่มีความสนใจ ไม่เชื่อถือวาจาใดทั้งสิ้น ไม่ได้หมายความเช่นนั้น ที่ว่ายากจะมีผู้ให้ความในใจกับวาจาของตนเอง หรือวาจาของผู้ใดอื่นทั้งสิ้นนั้น มุ่งหมายเตือนให้เข้าใจวาจา แต่ละประโยคแต่ละข้อคำที่ดังเข้าหูเข้าหัวใจเรา
อย่าสักแต่ว่าได้ยิน แล้วก็ไม่พินิจพิจารณาเลยว่า วาจาที่ออกจากปากมนุษย์ด้วยกันกับเรา แม้จะต่างชาติชั้นวรรณะ มีความสูงต่ำร่ำรวยยากจนแตกต่างกัน และแน่นอนมีความดีความไม่ดีแห่งจิตใจที่ต้องแตกต่างกันแน่นอนด้วย เราผู้ได้ยินได้ฟังอาจจะมีจิตใจดีกว่าคนนั้นบ้าง เลวกว่าคนโน้นบ้างนี้เป็นธรรมดา ธรรมดาที่ยากจะหาผู้อาจหยั่งรู้ให้ถูกต้องได้ ถึงความเป็นจริงของทุกจิตใจ
แม้จะรู้ไม่ได้ ว่าใจใครเป็นอย่างไร แต่ก็รู้ได้แน่นอน ว่าแม้ความริษยามีในใจใครใดมาก ใจใครนั้นก็จะมีโทษมาก ให้โทษร้ายแรงมากทั้งแก่ตนเอง และทั้งแก่ผู้เกี่ยวข้องทั้งหลาย
ที่สำคัญควรเข้าใจความจริงประการหนึ่งว่า ความริษยานั้นจะเกิดได้ด้วยความรู้สึกไม่ดีต่อผู้ใดผู้หนึ่ง ไม่ใช่ความเกลียด แต่เป็นความรู้สึกว่าผู้ใดผู้หนึ่งนั้นมีดีกว่าตน เป็นที่สนใจมากกว่าตน ผู้ใหญ่ให้ความสำคัญมาก จนน่ากลัวว่าจะเกินหน้าตน
หรือไม่ก็เป็นความรู้สึกทำนองหมั่นไส้ใครคนใดคนหนึ่งนั้น ความรู้สึกทำนองดังกล่าว ที่แท้จริงคือความริษยาที่จะพาให้โลกฉิบหาย มากน้อยหนักเบาเพียงไรขึ้นอยู่กับความแรงความอ่อนของความรู้สึกริษยา ที่ก็คือความอิจฉาที่รุนแรงนั่นเอง
บางคนไม่ใช่ผู้มีความริษยา ที่จะเป็นเหตุแห่งความฉิบหาย แต่อาจเป็นผู้ร่วมมือกับผู้มีความริษยา คือทั้งที่ความริษยาไม่ได้เกิดในใจตน แต่หลงร่วมก่อทุกข์โทษภัยกับผู้มีความริษยาได้ ด้วยการได้ยินได้ฟังวาจาของผู้มีความริษยา ที่กล่าวร้ายผู้ถูกริษยานานาประการ แล้วหลงเชื่อว่าเป็นความจริง
พลอยเห็นด้วยกับความไม่ดีไม่งามของผู้ถูกริษยา เห็นสมควรที่จะมีส่วนช่วยให้เป็นที่ปรากฏความไม่ดีแก่โลก เพื่อช่วยคนทั้งหลายในโลกให้ห่างไกลจากความไม่ดีของคนคนหนึ่งนั้น แม้คนคนหนึ่งนั้นมีความไม่ดีจริง ย่อมไม่ถูกริษยา ย่อมไม่มีผู้ริษยา ที่จะมุ่งให้โลกรู้เพื่อเข้าร่วมในการกีดกัน ในการทำลาย ไม่ให้คนคนนั้นอยู่อย่างได้ดีมีความสงบสุข
ดังนั้น ควรมีสติใช้ความพิจารณาอย่างรอบคอบ อย่าตกเป็นผู้ร่วมมือกับผู้หนึ่งผู้ใด ที่มีใจริษยา ปรารถนาสร้างความเสื่อมเสียให้แก่ผู้ใดผู้หนึ่ง ที่มีฐานะน่าริษยาอย่างยิ่ง ในความรู้สึกของผู้ที่ความริษยาเกิด และเกิดอย่างรุนแรง
พอจะนำให้คิดให้พูด ให้ทำผู้ที่ถูกริษยาให้กลายเป็นคนไม่ดี ไม่เป็นที่ควรเชื่อถือของคนดีมีชื่อเสียงเกียรติยศ ที่จะสามารถทำลายผู้ที่เป็นคนดี ให้กลายเป็นคนไม่ดีในสายตาของผู้ได้ยินได้ฟังคำบอกเล่าของผู้ริษยา
อาจจะโดยตรงจากวาจาของผู้ริษยานั้น หรืออาจจะมีการฟังต่อๆ กันมา ด้วยความเชื่อ โดยปราศจากความเคลือบแคลงสงสัย ว่าเป็นความจริง หรือเป็นความไม่จริงเพียงไร ผลร้ายที่จะเปิดตามความเชื่ออย่างไม่เคลือบแคลงสงสัยเช่นนี้ แม้ผิด ก็จะเกิดโทษ มากน้อยหนักเบาเพียงใดก็ได้ แล้วแต่กรณี
: แสงส่องใจ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๐
: สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
 |
|
_________________ ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก |
|
     |
 |
ลูกโป่ง
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
18 มี.ค.2008, 2:38 pm |
  |
สาธ ุสาธ ุสาธุจ้า...คุณ I am
ควรมีสติใช้ความพิจารณาอย่างรอบคอบ...ในทุกเรื่องเสมอ
ธรรมะสวัสดีค่ะ
 |
|
|
|
   |
 |
กุหลาบสีชา
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
20 มี.ค.2008, 1:50 am |
  |
สาธุ...สาธุ..สาธุค่ะคุณ Iam  |
|
|
|
    |
 |
admin
บัวทอง


เข้าร่วม: 15 ธ.ค. 2004
ตอบ: 1886
|
ตอบเมื่อ:
11 มี.ค.2012, 5:37 pm |
  |
 |
|
_________________ -- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง -- |
|
    |
 |
|