Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 “จิต” คืออะไร? : อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 12 มี.ค.2008, 5:03 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image
[ภาพจิตรกรรมพุทธศิลป์ “ทิพยสถานในจิต” : สร้างสรรค์โดย อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์]

“จิต” คืออะไร?
อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

คำถามนี้มีประโยชน์มาก
เพราะทุกคนรู้ว่ามีจิต
แต่ถ้าถามจริงๆ ว่า เมื่อมีจิตแล้ว
ขณะนี้จิตอยู่ที่ไหน ก็ยากที่จะตอบได้
เพราะยังไม่รู้ว่าจิตคืออะไร

จิตเป็นสภาพรู้
เป็นอาการรู้ เป็นลักษณะรู้ เป็นธาตุรู้


เพียงคำเหล่านี้ก็แสดงให้เห็นว่ายากที่จะเข้าใจลักษณะของจิต
ทั้งๆ ที่ขณะนี้กำลังมีจิตซึ่งกำลังเป็นสภาพรู้
เป็นธาตุรู้ เป็นอาการรู้

แต่ถ้าเปรียบเทียบกับรูปธรรมซึ่งไม่รู้อะไรเลย
ก็ย่อมจะเห็นได้ว่าสิ่งที่วางอยู่ใกล้ตัว ที่มีลักษณะแข็ง
เช่น โต๊ะ เก้าอี้ แก้วนํ้านั้น ไม่ใช่สภาพรู้
เพราะไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้กลิ่น ไม่ได้ลิ้มรส
ไม่รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส
ขณะจับถ้วยแก้ว รู้ว่ามีสิ่งที่แข็งกำลังปรากฏ

สภาพที่กำลังรู้นั้น คือ จิต

แต่สภาพที่แข็งนั้นไม่รู้เลยว่ากำลังถูกสิ่งที่แข็งจับ
จิตซึ่งเป็นสภาพรู้นั้นมีมาตั้งแต่เกิด
ถ้าสภาพรู้ไม่มีก็เป็นแต่เพียงก้อนเนื้อเท่านั้น
ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้กลิ่น ไม่ได้ลิ้มรส ไม่คิดอะไรเลย

แต่ขณะใดที่คิด ขณะนั้นเป็นสภาพรู้ที่กำลังคิด
ขณะใดที่กำลังได้ยินเสียง
เช่น ในขณะนี้ จิตเป็นสภาพรู้ที่ได้ยิน เสียงจึงปรากฏ

ถ้ารู้เพียงเท่านี้
แต่ไม่พิจารณาสภาพรู้
ที่กำลังเกิดขึ้นรู้ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ก็อาจจะคิดว่ารู้ว่ามีจิตแล้วก็พอแล้ว

แต่ว่าขณะไหนเป็นจิตทางไหนก็แยกไม่ออก
เพราะความเป็นจริงนั้น
ขณะเห็นก็เป็นจิตประเภทหนึ่ง
ซึ่งรู้สิ่งที่ปรากฏทางตาซึ่งคนตาบอดไม่มีโอกาสจะเห็น
ขณะได้ยินก็เป็นจิตอีกประเภทหนึ่ง
ซึ่งรู้ คือได้ยินเฉพาะเสียงเท่านั้น คิดนึกไม่ได้

(มีต่อ)
 


แก้ไขล่าสุดโดย กุหลาบสีชา เมื่อ 12 มี.ค.2008, 5:17 pm, ทั้งหมด 2 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 12 มี.ค.2008, 5:07 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image
[อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์]

เจตสิก คืออะไร?

เจตสิก เป็นนามธรรมที่ไม่ใช่จิต
แต่เกิดร่วมกับจิตแล้วก็ดับพร้อมกับจิต


เจตสิก ได้แก่ โลภะ โทสะ เป็นต้น
โทสะคือความโกรธ ก็เป็นสภาพธรรมที่มีจริงอย่างหนึ่ง
โลภะคือสภาพที่ติดข้องต้องการ
ก็เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง

แต่ทั้งโลภะและโทสะไม่ใช่จิต

จิตเป็นสภาพธรรมที่เป็นใหญ่
เป็นประธานในการรู้อารมณ์ (สิ่งที่ถูกจิตรู้)
เช่น การได้ยิน เป็นต้น


ส่วนเจตสิกทั้งหลายนั้น
บางเจตสิกก็เกิดกับจิตทุกประเภท
บางเจตสิกก็เกิดกับจิตประเภทหนึ่ง
ไม่เกิดกับจิตอีกประเภทหนึ่ง
เช่น โลภเจตสิกไม่เกิดร่วมกับโทสมูลจิต

จิตที่มีโลภเจตสิกเกิดร่วมด้วยจะพอใจติดข้องในอารมณ์
จิตที่มีโทสเจตสิกเกิดร่วมด้วยจะหยาบกระด้าง ขุ่นเคือง ไม่แช่มชื่น
จิตที่มีโลภเจตสิกเกิดร่วมด้วย
และจิตที่มีโทสเจตสิกเกิดร่วมด้วยเป็นจิตต่างขณะต่างประเภท
เพราะประกอบด้วยเจตสิกที่ต่างกัน

เจตสิก เป็นนามธรรมต่างๆ ชนิดที่เกิดพร้อมจิต ดับพร้อมจิต
ทำให้จิตต่างกันเป็น ๘๙ ประเภท หรือที่เรียกว่า ๘๙ ดวง
ไม่ว่าจะเป็นจิตของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
หรือจิตที่โลกจักรวาลไหนๆ ทั้งสิ้น

พระผู้มีพระภาคได้ทรงประมวล
และทรงจำแนกจิตทั้งหมดออกเป็น ๘๙ ประเภท
ส่วนเจตสิกทั้งหมดนั้นมี ๕๒ ประเภท
เจตสิกบางประเภทเกิดได้เฉพาะกับจิตที่ดีเท่านั้น
และเจตสิกบางประเภทก็เกิดได้เฉพาะกับจิตที่ไม่ดีเท่านั้น


สาธุ สาธุ สาธุ

(ที่มา : หนังสือ “พระพุทธเจ้าเสวยเนื้อหรือไม่ และปกิณกะธรรม”
โดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 12 มี.ค.2008, 5:54 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ สาธุค่ะ...คุณกุหลาบสีชา

ธรรมะสวัสดีค่ะ

ยิ้ม ยิ้มแก้มปริ ยิ้ม
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
bai_pai
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 09 ก.พ. 2008
ตอบ: 39
ที่อยู่ (จังหวัด): kyeongki-do, korea

ตอบตอบเมื่อ: 12 มี.ค.2008, 8:35 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ยิ้ม สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
I am
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972

ตอบตอบเมื่อ: 13 มี.ค.2008, 8:22 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ ยิ้มเห็นฟัน
 

_________________
ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง