ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
amai
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435
|
ตอบเมื่อ:
18 ม.ค. 2005, 6:09 pm |
  |
น้ำใจเพื่อน
นิทานธรรม ฉบับพิเศษ
จัดพิมพ์โดย ธรรมสภา
ในเมืองพาราณสี มีเศรษฐีมีทรัพย์ ๘๐ โกฏิ อยู่คนหนึ่งชื่อ “ปิลิยะ” และในเมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ ก็มีเศรษฐีมีทรัพย์ ๘๐ โกฏิ อยู่อีกคนหนึ่งชื่อ “สังขะ” ทั้งสองเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก ครั้งนั้น พระพุทธเจ้าของเราเกิดเป็นสังขเศรษฐี มีจิตใจโอบอ้อมอารี ช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยากอยู่เสมอ รวมทั้ง ช่วยเหลือปิลิยเศรษฐีคราวยากจนด้วย
ปิลิยเศรษฐีคาดไม่ถึงว่า ตนเองจะต้องกลายมาเป็นคนยากจนเพราะทรัพย์สมบัติทั้งหมดได้สูญสิ้นไป เนื่องจากการดูแลรักษาที่ไม่ฉลาดของตนเอง เขาทุกข์ทรมานใจมาก วันหนึ่งจึงนั่งปรับทุกข์อยู่กับภรรยา
“น้องรัก บัดนี้เราได้เห็นสัจธรรมแล้ว บ้านของเราเหลืออยู่เพียงเรากับคนใช้ไม่กี่คน” ปิลิยเศรษฐีรำพัน
“ที่เมืองพาราณสีเราพึ่งใครไม่ได้เลย แต่เพื่อนต่างเมืองจะช่วยเราได้บ้างไหม” ปิลิยเศรษฐีพูดถึงเพื่อนต่างเมือง
“พี่หมายถึงใคร” ภรรยาสงสัย
“สังขเศรษฐีนั่นไงล่ะ”
ปิลิยเศรษฐีพูดอย่างมีความหวัง พลอยทำให้ภรรยาของเขามีความหวังขึ้นมาด้วย ครั้นแล้วสองสามีภรรยาก็เดินทางจนมาถึงเรือนของสังขเศรษฐี ซึ่งตั้งสง่าอยู่ในเมืองราชคฤห์ ทั้งสองรู้สึกละอายไม่กล้าขอเข้าพบสังขเศรษฐี
“ถ้าเขาเป็นคนดีอย่างที่พี่ว่าจริง เขาต้องไม่รังเกียจเรา” ภรรยาตัดบทปลุกความกล้าให้สามี
จากนั้นสองสามีภรรยาก็ขออนุญาตเข้าพบสังขเศรษฐี คนใช้ไม่กล้านำเข้าไปในตอนแรก ก่อนที่ยังไม่ได้แจ้งสังขเศรษฐีทราบ แต่เมื่อแจ้งแล้วก็ต้องประหลาดใจที่ได้ยินสังขเศรษฐีพูดว่า
“มาเลยเพื่อนเรา พาเขาเข้ามา”
ครั้นคนใช้พาสองสามีภรรยาเข้ามา สังขเศรษฐีก็แสดงความดีใจกล่าวต้อนรับและเชิญชวนให้เข้าไปนั่งในห้องรับแขกที่โอ่โถง เมื่อสนทนาปราศรัยกันพอสมควรแล้ว สังขเศรษฐีก็สั่งคนใช้ให้จัดที่พักให้ปิลิยเศรษฐีและภรรยา สองสามีภรรยาก็เริ่มหายเหนื่อย ร่างกายสดชื่นขึ้นกว่าเก่า วันหนึ่งจึงถามถึงเหตุผลที่มาหาตน
“ท่านมาหาข้าพเจ้าครั้งนี้มีธุระอะไรหรือ”
“สำคัญมากไหมเพื่อน”
“สำคัญมาก” ปิลิยเศรษฐีพูด
“ถ้าอย่างนั้น ท่านว่าไปเลย”
ปิลิยเศรษฐีก็เล่าถึงความผันแปรกลายมาเป็นคนยากจนลง ท้ายสุดปิลิยเศรษฐีได้ขอให้สังขเศรษฐีช่วยกู้ฐานะตนด้วย
“อย่าเสียใจไปเลยเพื่อน ข้าพเจ้ายินดีจะช่วยกู้ฐานะท่าน”
สังขเศรษฐีปลอบ กล่าวจบสังขเศรษฐีก็จัดการจัดสรรปันส่วนทรัพย์สมบัติของตนออกเป็นครึ่งหนึ่ง แล้วมอบให้ไปพร้อมด้วยข้าทาสบริวาร
“ขอบคุณท่านมาก” ปิลิยเศรษฐีกล่าว
จากนั้นก็ไปพาข้าทาสบริวารและขนทรัพย์สมบัติ ๔๐ โกฏิ กลับไปเมืองพาราณสี แล้วสองสามีภรรยาก็กลับกลายเป็นเศรษฐีอีกครั้งหนึ่ง โดยลงทุนดำเนินกิจการอีกหลายกิจการ จนกลายเป็นมหาเศรษฐีมีทรัพย์สมบัติถึง ๘๐ โกฏิ
(มีต่อ) |
|
|
|
    |
 |
amai
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435
|
ตอบเมื่อ:
18 ม.ค. 2005, 6:20 pm |
  |
ขณะเดียวกัน สังขเศรษฐีก็กลับตกต่ำ กิจการไม่สู้ดีนัก แล้วผลสุดท้ายทรัพย์สมบัติทั้งหมดก็สิ้นไป เขาต้องมายากจนจึงตัดสินใจพาภรรยาไปหาปิลิยเศรษฐี ที่เมืองพาราณสีทันที
“น้องรัก รอพี่อยู่ที่ศาลากลางเมืองนี้ก่อนก็แล้วกัน” สังขเศรษฐีบอกภรรยา
ครั้นแล้ว สังขเศรษฐีก็เดินไปถึงบ้านปิลิยเศรษฐี แล้วก็ขออนุญาตเข้าไปพบ ฝ่ายปิลิยเศรษฐีพอได้ทราบจากคนใช้ว่า สังขเศรษฐีมาหาก็พูดแต่เพียงสั้นๆ ว่า “ให้เขาเข้ามา”
สังขเศรษฐีดีใจมากที่ได้รับอนุญาตให้เข้าพบ แต่ก็ต้องแปลกใจที่ไม่เห็นเพื่อนยิ้มรับ
“ท่านมีธุระอะไรหรือ” ปิลิยเศรษฐีถาม
“ท่านเศรษฐี ข้าพเจ้ากับภรรยากำลังเดือดร้อนมาขอความช่วยเหลือท่านบ้าง” สังขเศรษฐีละล่ำละลักชี้แจง
“ข้าพเจ้าช่วยท่านได้ไม่มากหรอก นอกจากให้อาหารท่านไปหุงหากินเองก็แล้วกัน” ปิลิยเศรษฐีพูด พร้อมกับมอบห่อข้าวสารให้สังขเศรษฐีไป ๔ ทะนาน
สังขเศรษฐียืนงงเพราะคิดไม่ตกว่า จะรับข้าวสารที่ปิลิยเศรษฐีมอบให้หรือไม่ แต่แล้วก็ตัดสินใจรับเนื่องจากคิดได้ว่า “เรากับปิลิยเศรษฐีคบกันมานาน เราได้ช่วยเหลือเขา ก็ถือว่าได้ทำหน้าที่ของมิตรที่ดีแล้ว เพราะถึงอย่างไรก็มาจากน้ำใจของเขาซึ่งเป็นเพื่อนของเรา”
สังขเศรษฐี ครั้นได้ข้าวสาร ๔ ทะนานแล้ว ก็ลากลับไปหาภรรยาซึ่งรอคอยอยู่ที่ศาลา
“ท่านได้อะไรมา” ภรรยาถาม
“ปิลิยเศรษฐีให้ข้าวสารเรามา ๔ ทะนาน” สังขเศรษฐีบอกภรรยาพร้อมทั้งเล่าเรื่องราวที่พบปิลิยเศรษฐีให้ทราบ
ภรรยาสังขเศรษฐีเสียใจร้องไห้สะอึกสะอื้น เพราะคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนั้นไปได้
“ท่านรับมาทำไม เราให้เขา ๔๐ โกฏิ แต่เขาให้เราเป็นข้าวสาร ๔ ทะนาน มันไม่คู่ควรกันเลย” ภรรยาตัดพ้อ
“ช่างเถอะ น้องรัก” สังขเศรษฐีปลอบภรรยา
“อย่าคิดมากไปเลย อย่าให้เรื่องนี้มาทำลายไมตรีของเรากับเขาเลย”
แม้สังขเศรษฐีจะปลอบโยนภรรยาอย่างไร นางก็ไม่หยุดร้องไห้
พอดีขณะนั้น ทาสเก่าของสังขเศรษฐีคนหนึ่งซึ่งถูกมอบให้มากับปิลิยเศรษฐี เดินผ่านมาทางประตูศาลา และทันทีที่เห็นสองสามีภรรยาก็ผวาเข้าหมอบกราบลงแทบเท้าด้วยความดีใจ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกแปลกใจ จึงถามถึงเรื่องที่สองสามีภรรยามาที่เมืองพาราณสี ครั้นได้ทราบความจริงแล้วก็ปลอบโยนสองสามีภรรยานั้นมิให้เสียใจ
เขาพาเจ้านายเก่าทั้งสองไปบ้าน ต้อนรับอย่างดี แล้วแจ้งให้ทาสคนอื่นๆ ที่มาพร้อมกับตนได้ทราบถึงการมาของนายเก่า เขาแจ้งให้ทุกคนได้ทราบถึงพฤติกรรมของปิลิยเศรษฐีที่มีต่อเจ้านาย แล้วชวนกันไปเฝ้าพระเจ้าพรหมทัตเพื่อร้องเรียนขอความเป็นธรรม พระเจ้าพรหมทัตทรงทราบข้อร้องเรียน แล้วรับสั่งให้สังขเศรษฐีกับปิลิยเศรษฐีเข้าเฝ้า
“ทราบมาว่า ท่านแบ่งทรัพย์สมบัติให้ปิลิยเศรษฐีมา ๔๐ โกฏิหรือ” พระเจ้าพรหมทัตตรัสถามสังขเศรษฐี
“ใช่ พระเจ้าข้า” สังขเศรษฐีทูลรับ “ไม่ใช่แต่ทรัพย์เท่านั้น ยังมีสมบัติอื่นๆ อีกทั้งคนและสิ่งของ ข้าพระองค์แบ่งให้ไปอย่างละครึ่ง เพราะเห็นใจที่เขาบากหน้าไปหาขอความช่วยเหลือ”
“ถึงคราวที่ท่านบากหน้ามาหาเขา เขาตอบแทนท่านดีไหม” พระเจ้าพรหมทัตตรัสถามอีก
ถึงตอนนี้สังขเศรษฐีนั่งนิ่ง
“ทราบมาว่า ปิลิยะเศรษฐีให้ข้าวสารท่านมา ๔ ทะนาน ใช่ไหม” พระเจ้าพรหมทัตตรัสถามอีก
สังขเศรษฐียังคงนั่งนิ่งเงียบเหมือนเดิม
พระเจ้าพรหมทัตทรงทราบได้ทันทีว่า ข้อกล่าวหาทั้งหมดที่พระองค์ซักให้สังขเศรษฐีตอบนั้นเป็นความจริง จึงรับสั่งให้ลงโทษปิลิยเศรษฐีด้วยการให้ยึดทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเขา มามอบให้แก่สังขเศรษฐี
แต่สังขเศรษฐีกราบทูลว่า
“ขอเดชะ ข้าพระองค์ไม่ต้องการทรัพย์สมบัติเขาทั้งหมดหรอก ต้องการแต่เฉพาะส่วนของข้าพระองค์ที่ให้เขามาเท่านั้น”
พระเจ้าพรหมทัตทรงรับสั่งให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการคืนทรัพย์สินให้แก่สังขเศรษฐีตามความประสงค์ของเขา ฝ่ายสังขเศรษฐีครั้นได้ทรัพย์สมบัติคืนแล้ว ก็พาทาสบริวารกลับไปเมืองราชคฤห์ตามเดิม เขาเริ่มกิจการใหม่ด้วยทรัพย์สมบัติที่ได้คืนมานั้นจนกลับตั้งตัวได้อีกครั้งหนึ่ง
นิทานธรรมเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การทำความดีด้วยความบริสุทธิ์ใจนั้นย่อมได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า เหมือนสังขเศรษฐีช่วยเหลือปิลิยเศรษฐีด้วยความบริสุทธิ์ใจแล้ว ได้รับผลตอบแทนที่น่าชื่นใจจากบุคคลผู้รักความยุติธรรมหลายฝ่ายฉะนั้น
................... เอวัง ................... |
|
|
|
    |
 |
แพร
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
18 พ.ค.2005, 8:55 pm |
  |
น่าสนใจมากค่ะ  |
|
|
|
|
 |
pajaree16
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
17 ก.ย. 2005, 10:28 am |
  |
เรื่องนี้มีความน่าสนใจเเละมีความรู้อีกมากมายค่ะ  |
|
|
|
|
 |
สาวิกาน้อย
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 27 มี.ค. 2006
ตอบ: 2065
|
ตอบเมื่อ:
02 ส.ค. 2006, 10:11 pm |
  |
|
    |
 |
แมวขาวมณี
บัวบาน


เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2006
ตอบ: 307
|
ตอบเมื่อ:
06 ส.ค. 2006, 5:26 am |
  |
สา.....ธุ
 |
|
|
|
   |
 |
suvitjak
บัวบาน

เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen
|
ตอบเมื่อ:
06 มิ.ย.2008, 1:29 pm |
  |
เป็นข้อคิดที่ดีครับ  |
|
_________________ ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน |
|
  |
 |
|