ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
จิตงาม
บัวพ้นดิน

เข้าร่วม: 06 มี.ค. 2007
ตอบ: 86
|
ตอบเมื่อ:
06 เม.ย.2007, 5:52 pm |
  |
จาก ที่ดูหนังมานะ เวลาฝรั่งทุกข์ ก็ไประบายให้พระที่โบสถ์ฟัง เพื่อล้างบาป ในทางโลกก็ไม่ต้องเสียเงินค่าหมอจิตฯไง
ส่วนสมาธิ เขาคงใช้วิธีนิ่งสักอึดใจ หรือนานกว่านั้น ต่อหน้าพระเจ้า แล้วระลึกถึงพระองค์ อธิฐานขอพรไป การนิ่งให้จิตคิดถึงแต่พระองค์ ก็เหมือนเรานั่งสมาธิมั้ง
ทุกศาสนาสอนคนใจมีจิตงาม เป็นคนดีในสังคม เราไม่ดูถูกศาสนาใดๆทั้งสิ้น |
|
|
|
  |
 |
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
04 พ.ค.2007, 11:04 am |
  |
|
|
 |
เศษพุทธทาส
บัวใต้น้ำ

เข้าร่วม: 08 เม.ย. 2007
ตอบ: 121
|
ตอบเมื่อ:
04 พ.ค.2007, 2:27 pm |
  |
ท่านจะประทานให้เราได้อย่างไรละครับ
ขนาดสาวก หรือ ผู้คนที่นับถือพระองค์เจ้านั้น ขอให้พระเจ้าช่วย พระเจ้าช่วย
ผมก็ไม่เห็นจะมีใครได้รับการช่วยเลยสักคน
ถ้าเราอธิษฐานขอได้จริง งั้นถ้าผมยอมกลับใจไปนับถือพระเจ้า ผมอยากจะอธิษฐานขอให้ท่าน ช่วยทำให้คนในโลกทั้งหมดหันไปนับถีอ พระเจ้าได้ไหม
ทำไมตอนที่ท่านสร้างโลก มนุษย์ไม้รู้หรือไงว่าพระเจ้าสร้าง ทำไมบางกลุ่มรู้ บางกลุ่ม หรือหลายๆกลุ่มกลับไม่รู้ กลับไปเชื่อเรื่อง ศาสนาของแต่ละคนอย่างนั้นละ ทำไม
แล้วถ้าการอธิษฐานนั้นมีจริงก็โปรดบอกเถิด จะเปลี่ยนศาสนา แล้วขอให้พระองค์ทรงทำให้มนุษย์รู้จักแต่ท่าน ไม่รู้ศาสดาอื่นเลยนอกจากท่าน ทำได้ไหมแบบนี้
Before you will reply me please be careful the Darkside,support only the lightside. |
|
_________________ ทำวันนี้ให้ดีและต้องรู้ไว้ว่า ทำดีเพื่อดี ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ อุปสรรคไม่มี บารมีไม่เกิด |
|
  |
 |
เศษพุทธทาส
บัวใต้น้ำ

เข้าร่วม: 08 เม.ย. 2007
ตอบ: 121
|
ตอบเมื่อ:
04 พ.ค.2007, 2:46 pm |
  |
ไปไปมามา คนตอบหายไปแล้วสงสัย ตอบไม่ไหว |
|
_________________ ทำวันนี้ให้ดีและต้องรู้ไว้ว่า ทำดีเพื่อดี ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ อุปสรรคไม่มี บารมีไม่เกิด |
|
  |
 |
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
05 พ.ค.2007, 5:49 am |
  |
|
|
 |
ผ่านมา
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
05 พ.ค.2007, 8:22 pm |
  |
เขาว่า พระเยซู แต่งงาน และพึ่งค้นพบหลุมศพที่อิสราเอล ซึ่งกำลังจะฉาย (หรืออาจฉายไปแล้ว) ในช่องดิสคัฟเวอร์รี่ หากการค้นพบครั้งนี้เป็นจริง คัมภีร์ไบเบิ้ลจะเชื่อได้ไหมครับ |
|
|
|
|
 |
ผ่านมาเหมือนกัน
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
15 พ.ค.2007, 3:39 am |
  |
ผ่านมา พิมพ์ว่า: |
เขาว่า พระเยซู แต่งงาน และพึ่งค้นพบหลุมศพที่อิสราเอล ซึ่งกำลังจะฉาย (หรืออาจฉายไปแล้ว) ในช่องดิสคัฟเวอร์รี่ หากการค้นพบครั้งนี้เป็นจริง คัมภีร์ไบเบิ้ลจะเชื่อได้ไหมครับ |
ในพระคัมภีร์ไม่ได้บอกว่าพระเยซูแต่งงาน และดิฉันก็เชื่อว่าพระคัมภีร์เป็นวิญญาณและเป็นชีวิต ที่สำคัญเป็นความจริง ถ้าอยากพิสุทธิ์อ่านพระคัมภีร์ดูซิค่ะ ก่อนจะอ่านอธิฐานก่อนนะค่ะว่าขอให้เข้าใจในพระวจนะของพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณ
พระเจ้าอวยพรค่ะ |
|
|
|
|
 |
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
15 พ.ค.2007, 11:41 pm |
  |
|
|
 |
ฤษิณี
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 06 ก.ค. 2007
ตอบ: 2
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ
|
ตอบเมื่อ:
06 ก.ค.2007, 2:53 pm |
  |
พระคัมภีร์ไบเบิ้ล บอกทางสว่างให้มนุษย์พอๆ กับหลักธรรมในพุทธศาสนา แต่ต้องตีความให้ถูก เป็นทางอีกเส้นที่สามารถเลือกปฏิบัติได้ จุดหมายที่เดียวกัน |
|
_________________ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว |
|
  |
 |
dogky
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 23 มิ.ย. 2007
ตอบ: 8
|
ตอบเมื่อ:
06 ก.ค.2007, 8:28 pm |
  |
เคยถูกบังคับ(โดย4-5คนมายืนล้อม) ให้พูดขอพรจากพระเจ้า (ทั้งๆที่ไม่อยาก แต่กลัว)
เคยถูก(บีบ)บังคับ ให้เข้าโบสถ์ไป(ดูเค้า)สรรเสริญพระเจ้า โดยตามมาที่บ้านทุกวันๆ
ผ่านมานานแล้วค่ะ แต่อยากถามว่า.. ทำไมเขาต้องมาบังคับกันด้วย ไม่เข้าใจจริงๆ |
|
|
|
  |
 |
กุหลาบสีชา
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
07 ก.ค.2007, 3:46 pm |
  |
ลองหาอ่านดูกันค่ะ
ในนี้มีข้อกล่าวบางประการที่ทั้งชาวคริสต์และชาวพุทธอ่านแล้วอาจต้องอึ้ง!
"มหาวาทะโต้วาทีแห่งเมืองปานาทุรา [Panadura Maha Vadaya]
ระหว่างศาสนาพุทธ-ศาสนาคริสต์" แปลโดย "สุคน"
(เล่มนี้ ศาสตราจารย์เสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต
กล่าวไว้ในส่วนที่เป็นภาคผนวก : พระพุทธเจ้ากับพระเยซูคริสต์
ในหนังสือ "บางแง่มุมเกี่ยวกับพระพุทธองค์") |
|
|
|
    |
 |
montasavi
บัวพ้นดิน

เข้าร่วม: 17 มิ.ย. 2007
ตอบ: 84
|
ตอบเมื่อ:
26 ก.ค.2007, 7:41 pm |
  |
คำสอนของพุทธศาสนาต่างจากศาสนาอื่น คือ คำสอนของศาสนาอื่นนั้นเป็นคำสั่งที่ต้องทำตาม ใครไม่ทำตามจะถูกทำโทษจากเทพเจ้า แต่คำสอนของพุทธศาสนานั้นเป็นเพียงการนำกฏธรรชาติมาบอก
.เท่านั้น
พระพุทธเจ้าไม่ใช่ผู้สร้างกฏหรือผู้บังคับผู้คนให้ต้องทำตามกฏ พระองค์เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งที่เพียรพยายามจนเกิดความรู้แจ้งในกฏธรรมชาติว่า สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นมีอะไรเป็นสาเหตุ ( เช่น อยากร่ำรวยต้องทำอย่างไร?) และทรงรู้ว่าต้องทำอย่างไรบ้างจึงจะหลุดพ้นไปจากกฏเกณฑ์ทั้งปวงของธรรมชาติได้
ศาสนาพุทธมิใช่ว่าปฏิเสธเรื่องพระผู้สร้าง แต่ไม่ให้ความสำคัญและไม่ใส่ใจที่จะไปศึกษาในเรื่องนั้น เพราะเล็งเห็นว่า ถ้าไปหมกมุ่นอยู่กับ"ผู้สร้าง"มากเกินไป ก็จะก่อให้เกิดโทษภัยเสียมากกว่า เพราะย่อมไม่มีใครยอมใครอย่างแน่นอน ( ตีกันตายเพราะเรื่องนี้..กันซะเท่าไหร่แล้ว???)
ศาสนาพุทธศึกษาแต่ในประเด็นว่า ทำอย่างไรจึงจะหลุดพ้นไปจากกฏเกณฑ์ทั้งปวงได้ ไม่ต้องยอมสยบอยู่กับอำนาจใด ๆ ทั้งสิ้น ....แล้วในที่สุด พระพุทธเจ้าก็ทรงค้นพบวิธีการนั้น นั่นก็คือ..การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ที่สามารถปฏิบัติให้เห็นผลได้จริงในชาติปัจจุบัน..โดยไม่ต้องอาศัยความเชื่อ สามารถเห็นผลได้ด้วยตนเองในชาตินี้ ..ไม่ต้องรอให้ตายเสียก่อน....
สรุปว่า .....ศาสนาพุทธ มิใช่ศาสนาแห่งผู้สร้าง
.....แต่...เป็นศาสนาแห่งพระผู้แก้ ( แก้ทุกข์...ให้ถึงสุขอันถาวร)
ทำไมพระพุทธเจ้าไม่สอนเรื่อง พระเจ้า และ พระผู้สร้าง
พระพุทธเจ้าเปรียนเหมือนหมอผ่าตัดผู้ป่วยที่ถูกลูกศรปักอก หมอไม่จำเป็นต้องใส่ใจว่าคนยิงเป็นใคร ทำไมคนร้ายจึงยิง หมอทำหน้าที่เพียงเร่งผ่าตัดช่วยชีวิตให้เร็วที่สุด ....แต่ถ้าผู้ป่วยไม่ยอมให้ผ่าตัด โดยตั้งเงื่อนไขว่า ต้องหาคนยิงให้ได้ก่อน ..เขาหน้าตาเป็นอย่างไร? ผู้หญิงหรือผู้ชาย...ต้องให้เขาบอกเหตุผลที่ยิงให้ได้ก่อน...ผมจึงจะยอมให้หมอผ่าเอาลูกศรออก ถ้าเป็นเช่นนี้ ก็รับรองได้ว่า ผู้ป่วยตายแหง๊แก๊!!!!???
ปรากฏหลักฐานในคัมภีร์พระไตรปิฏก ดังนี้
หากมีใครกล่าวว่า ตราบใดที่พระผู้มีพระภาคยังไม่ทรงตอบเราว่า โลกเที่ยงหรือโลกไม่เที่ยง? ฯลฯ (..โลกเกิดขึ้นได้อย่างไร ) ตราบนั้นเราก็จักยังไม่ปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระองค์ ต่อให้บุคคลนั้นสิ้นชีวิตไปตถาคตก็ไม่ตอบเรื่องนั้น เปรียบเหมือนบุรุษต้องลูกศรที่
อาบยาพิษอย่างร้ายแรง มิตรอำมาตย์ ญาติสาโลหิตของบุรุษนั้น พึงไปหาแพทย์ผู้ชำนาญในการผ่าตัดมารักษาบุรุษผู้ต้องลูกศรนั้นพึงกล่าวอย่างนี้ว่า ตราบใดที่เรายังไม่รู้จักคนที่ยิงเรา เราก็จักไม่ให้ถอนลูกศรนี้ออกไป ฯลฯ
บุรุษผู้ต้องลูกศรนั้นพึงกล่าวอย่างนี้ว่า ตราบใดที่เรายังไม่รู้จักลูกธนูที่เขาใช้ยิง เราว่า เป็นลูกศรธรรมดา ลูกศรคม ลูกศรหัวเกาทัณฑ์ ลูกศรหัวโลหะ ลูกศรหัวเขี้ยวสัตว์ หรือลูกศรพิเศษ ตราบนั้นเราก็จักไม่ถอนลูกศรนี้ออกไป ต่อให้บุรุษนั้นตายไป เขาก็จะไม่รู้เรื่องนั้นเลย
อ้างอิง...พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย จูฬมาลุกยสูตร เล่ม ๑๓ ข้อ ๑๒๖ หน้า ๑๓๘
เราไม่ตอบปัญหาว่า โลกเที่ยงหรือโลกไม่เที่ยง? ฯลฯ (..โลกเกิดขึ้นได้อย่างไร ) เราไม่ตอบเพราะเหตุไร? เราจึงไม่ตอบเพราะปัญหานั้นไม่มีประโยชน์ ไม่เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ ไม่เป็นไปเพื่อความคลายทุกข์ เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับ เพื่อสงบระงับ เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้และเพื่อนิพพาน เหตุนั้นเราจึงไม่ตอบ
ปัญหาอะไรเล่าที่เราตอบ คือปัญหาว่า นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา
เราตอบเพราะเหตุไร? เราตอบเพราะปัญหานั้นมีประโยชน์ เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ เป็นไปเพื่อความคลายทุกข์ เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับ เพื่อสงบระงับ เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ และเพื่อ
นิพพาน เหตุนั้นเราจึงตอบ
เพราะเหตุนั้นแล เธอจงจำปัญหาที่เราไม่ตอบว่าเป็นปัญหาที่เราไม่ตอบ และจงจำปัญหาที่เราตอบว่าเป็นปัญหาที่เราตอบเถิด
อ้างอิง...พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย จูฬมาลุกยสูตร เล่มที่ ๑๓ ข้อ ๑๒๘ หน้า๑๔๑
พระพุทธเจ้าทรงรู้แจ้งกฎธรรมชาติว่า
สัตว์ทุกชีวิตเคยเวียนว่ายตายเกิดมาแล้วนับชาติไม่ถ้วน(1) ผู้ที่ไม่เคยเกิดเป็นพ่อแม่กันมาก่อนหาได้ยาก(2) บางชาติเกิดเป็นเทวดา บางชาติเป็นมนุษย์ บางชาติเป็นสัตว์เดรัจฉาน บางชาติเกิดเป็นเปรต/อสุรกาย บางชาติต้องตกนรก ต้องเวียนว่ายตาย-เกิดอยู่อย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุด ตามอำนาจบุญและบาปที่ตนเองได้ทำไว้ เหตุการณ์ทุกอย่างที่เราประสบอยู่ทุกวันนี้ไม่มีคำว่าโชคหรือบังเอิญ ทุกอย่างเป็นผลสืบเนื่องมาจากการกระทำของเราในอดีตทั้งสิ้น(3)
......อ้างอิง...ดูรายละเอียดใน พระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงการราชิวิทยาลัย (เล่มที่ / หน้าที่ )
1. พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖ หน้า ๒๒๓
2. พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖ หน้า ๒๒๗
3. พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ หน้าที่ ๓๕๐-๓๖๕
ถาม. วิปัสสนาคืออะไร? ทำไมต้องปฏิบัติ?
ตอบ. วิปัสสนา แปลว่า เห็น(รู้อย่างเข้าใจ)แจ่มแจ้งในรูปที่เห็น เสียงที่ได้ยิน อาการที่เคลื่อนไหว ใจที่คิด เป็นต้น เป็นวิธีการปฏิบัติที่จะนำกายและใจ ของผู้ปฏิบัติให้เข้าถึงสภาวดับ สงบ เย็น(นิพพาน)ได้(1) ถ้าต้องการสุขแท้ สุขถาวร ที่ไม่กลับมาทุกข์อีกก็ต้องดำเนินไปตามหนทางนี้เท่านั้น ไม่มีทางอื่น
ความรู้สึกของผู้ปฏิบัติหลายท่าน คิดว่า การปฏิบัติสมถกรรมฐาน ดีกว่า วิปัสสนากรรมฐาน เพราะสมถฝึกแล้วทำให้เหาะได้ รู้ใจคนอื่นได้ เสกคาถาอาคม ได้ ส่วนวิปัสสนาทำไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ผู้ปฏิบัติสมถกรรมฐานก็ยังเป็น เพียงปุถุชนที่ต้องเวียนว่ายตายเกิดใน ๓๑ ภูมิ หาที่สุดของภพชาติไม่ได้ ยังต้อง ตกอบายทรมานในนรกอีก ส่วนผู้ปฏิบัติวิปัสสนานั้น ถึงแม้จะเหาะไม่ได้ เสกคาถา ไม่ขลัง แต่ก็เหลือภพชาติเพียงแค่ ๗ ชาติเป็นอย่างยิ่ง และตั้งแต่ชาตินี้เป็นต้นไปก็จะไม่ตกอบายอีกแล้ว ไม่ว่าอตีดจะเคยทำบาปอกุศลไว้มากมายปานใดก็ตาม
อ้างอิง พระไตรปิฎกภาษาไทย แปลโดยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
1. ดูรายละเอียดในพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ หน้า ๓๐๑
ถาม. ปฏิบัติวิปัสสนาแล้วจะได้รับผลดีอย่างไรบ้าง?
ตอบ. ประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานมีมากมายยากที่จะอธิบายให้เห็นจริงได้ จนกว่าผู้นั้นได้ลงมือปฏิบัติจนได้เห็นผลจริงด้วยตนเอง แต่พอกล่าวเป็นตัวอย่างได้ดังนี้
๑. ทำให้บรรลุโสดาบันได้ภายใน ๓-๔เดือน ทั้งที่มีเวลาพักถึงวันละ ๗ ชั่วโมง
๒. เมื่อบรรลุโสดาบันแล้ว ถ้าหากต้องการมีฤทธิ์ มีเดช ก็สามารถฝึกสมถกรรมฐานต่อได้เลย จะสำเร็จได้ในระยะเวลาไม่นาน ในขณะที่การปฏิบัติสมถล้วนๆ ต้องใช้เวลาปฏิบัติกันถึง ๒-๓ปี หรือนานกว่านั้น จึงจะได้ผล
๓. เมื่อปฏิบัติวิปัสสนาถึงสังขารุเปกขาญาณ (ญาณที่ ๑๑) จนแก่กล้าแล้ว ทำให้โรคบางอย่างหายได้ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ ต่อมไทรอย โรคเกี่ยวกับลม เส้นเอ็นและกระดูก (..นี้เป็นตัวอย่างจริงที่พบเห็นจากผู้ร่วมปฏิบัติ ) เป็นต้น
๔. ถ้ามีเหตุให้ปฏิบัติไม่สำเร็จ ไปติดอยู่เพียงแค่ญาณ ๑๑ ก็ไม่เสียเวลาเปล่า เพราะจะเกิดปัญญาญาณ ที่จะใช้ในการแก้ปัญหาทุกอย่างในโลกได้ ไม่ว่าปัญหานั้นจะเป็นปัญหาทางโลกหรือทางธรรม โดยเฉพาะปัญหาครอบครัวระหว่างสามี ภรรยา ลูก หลาน ญาติพี่น้อง (คิดค้นวิธีเอายานไวกิ้งลงบนดาวอังคารได้ ก็ด้วยการนั่งสมาธินี่แหละ)
๕. ล้างอาถรรพ์ มนต์ดำได้ ไม่ว่าจะถูกของ หรือโดนยาพิษ ยาสั่งมา เมื่อปฏิบัติจนถึงสังขารุเปกขาญาณแล้ว อาถรรพ์จะหายไปจนเกลี้ยง ( เรื่องนี้ขอท้าให้พิสูจน์)
ถาม. มีวิธีการไหนบ้างที่ทำให้ไม่ต้องตกนรกอีก ทั้งที่ได้เคยทำบาปอกุศลไว้ มาก ?
ตอบ. มีซิ! ...ต้องบรรลุโสดาบันให้ได้ภายในชาตินี้(1) ต้องเจริญวิปัสสสนากรรมฐานจนผ่านญาณที่ ๑๓ ไปให้ได้...
อ้างอิง พระไตรปิฎกภาษาไทย แปลโดยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
1. ดูรายละเอียดในพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ หน้า ๑๘๖
ถาม. พระโสดาบันทำให้ไม่ตกอบาย (เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย นรก)อีกจริง หรือ? จะเป็นไปได้อย่างไร
ตอบ. จริง ..เมื่อเจริญวิปัสสนาจนวิปัสสนาญาณขึ้นถึงญาณที่ ๑๔ โสดาปัตติมรรคจะทำหน้าที่ประหารตัวมิจฉาทิฏฐิที่นอนเนื่องอยู่ในจิตสันดานได้อย่างเด็ดขาดสิ้นเชิง มิจฉาทิฏฐินี่แหละที่เป็นตัวเชื้อให้เราต้องตกอ |
|
|
|
   |
 |
sittidet
บัวพ้นดิน

เข้าร่วม: 26 ธ.ค. 2007
ตอบ: 53
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
27 ธ.ค.2007, 4:36 pm |
  |
ในความคิดผมนะครับ ผมเคยคุยกับคริสต์คุยกันแบบบัณฑิตนะครับ ผมถามว่าแก่นแท้ของศาสนาคริส
ต์คืออะไร เขาตอบว่าให้รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ผมว่าตรงกับคำว่าไม่เห็นแก่ตัวของเรานะ
ซึ่งก็เป็นแก่นแท้ของศาสนาพุทธเช่นกัน และอีกอย่างคือ พระเจ้าจะช่วยเฉพาะคนที่ช่วยตัวเองก็ตรงกับ
ของเรานะว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตนนะ ผมเชื่อเรื่องพระเจ้านะเพราะพระเจ้าของผมก็คือกฏธรรมชาติไม่
ใช่พระเจ้าที่เราจะขออะไรก็ได้โดยการอธิฐาน ถ้าขออะไรก็ได้ เอาง่ายๆแค่ขอให้ตัวเองไม่ต้องตายก็พอ
หรือคนที่เป็นญาติผู้ใหญ่เราที่ตายไปแล้วให้ฟื้นมาคุยกันว่าไปไหนมาซึ่งผมคิดว่าต้องไปสอนเด็กอนุบาล
คงจะง่ายกว่าครับ เข้าให้ถึงแก่นศาสนาของแต่ละคนความขัดแย้งจะเกิดขึ้นไม่ได้ไม่มีประโยชน์อันใดที่
จะพูดว่าศาสนาเราดีที่สุดหันมาทำความเข้าใจระหว่างศาสนาจะดีกว่า พ่อของใครใครก็รัก พ่อของใค
รใครก็ต้องว่าดี ไม่มีประโยชน์หรอกที่จะบอกว่าพ่อผมดีกว่าพ่อคุณแล้วสันติภาพมันจะเกิดได้อย่างไร |
|
_________________ ผู้ใดมีตนเป็นที่พึ่งนับว่าหาที่พึ่งอันหาได้ยาก |
|
  |
 |
วรพงศ์ สุวจสุวรรณ
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 05 ก.พ. 2008
ตอบ: 1
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ
|
ตอบเมื่อ:
07 ก.พ.2008, 2:14 am |
  |
อยากเสนอความคิดเห็นบางประการให้ทั้งพุทธบริษัทและคริสตชนโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณเจ้าของกระทู้อ่านหน่อย ครับ
(ขอออกตัวก่อนนะครับว่า คำพูดที่ผมใช้ ผมมิได้มีเจตนาที่จะกระทบกระทั่ง หรือเสียดสีใครทั้งสิ้น เพียงแค่ต้องการใช้ภาษาให้ชัดถ้อยชัดคำเพื่อความกระจ้างแจ้ง และเป็นที่เข้าใจตรงกันเท่านั้น ซึ้งถ้าบังเอิญไปกระทบกระเทือนหรือกระทบกระทั้งผู้หนึ่งผู้ใดโดยมิได้เจตนา กระผมขออภัยและขออโหสิกรรม ณ ที่นี้ด้วย)
คุณ เจ้าของกระทู้ครับ ผมมิอาจรู้ได้ว่าเจตนาของท่านเป็นอย่างไร แต่...การตั้งกระทู้แบบนี้ ผมว่า ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะมาตั้งในเวปนี้ คุณอาจจะเป็นคริสตชนที่ดีตามแบบฉบับของคริสตเตียน (ผมขอเน้นนะครับว่าคริสตเตียน Potestant ซึ้งไม่ใช่คริสตตัง Roman-catholic หรือ Catholicism) ซึ้งเห็นว่าการเผยแผ่พระวจนของพระเจ้าให้มนุษย์ผู้อื่นนอกเหนือจากคริสตเตียนได้รู้นั้น เป็นสิ่งที่ควรค่าต่อการกระทำ แต่ทว่า การเผยแผ่ก็ต้องตั้งอยู่บนรากฐานของการใช้ปัญญาหรือปรีชาญาณ (Wisdom) ในการคิดตรึกตรองและพิจารณาด้วย ว่าควรหรือไม่ควรที่จะมาตั้งกระทู้แบบนี้ในเวปของคนที่นับถือศาสนาพุทธหรือพุทธบริษัท
ผม ว่ามันไม่ก่อเกิดประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น มีแต่จะสร้างความขุ่นเคืองให้เกิดขึ้น อย่างน้อยนะครับก่อนที่จะเป็นผู้เผยแผ่ศาสนาที่ดี ควรถามตนเองก่อนว่า...เราเข้าใจศาสนาคริสต์ หรือแก่นแท้ของศาสนาคริสต์อย่างถ่องแท้หรือยัง เพราะผมมั้นใจว่า ถ้าท่านเข้าใจด้วยปัญญาหรือปรีชาญาณแล้วว่าแก่นแท้ของศาสนาคริสต์คืออะไร ท่านจะไม่มาตั้งกระทู้แบบนี้ ในเวปนี้แน่นอน
ส่วนพุทธบริษัทครับ ผมว่าหยุด ตอบกระทู้นี้เถอะ ครับยิ่งตอบกันมากเท่าไรก็ยิ่งเหมือนเป็นการสร้างความร้าวฉาน และอัตตาให้ใหญ่ขึ้นๆ และก็มีแต่จะเพิ่ม
โทสะ - ความผูกใจเจ็บ
โกธะ - ความโกรธ ความไมพอใจ
อุปนาหะ - ความผูกโกรธไว้ อันเป็นเหตูให้ใจขุ่นมัว
สาเถยยะ - ความโอ้อวด
มานะ - ความถือตัว
อติมานะ - ความดูหมิ่นเขา
ซึ่งเป็น 6 ในอุปกิเลส 16 ซึ้งพระพุทธเจ้าได้ตรัสสั่งสอนไว้ในพระไตรปิฎก ให้เพิ่มมากขึ้น เรามาละตัวตน สลัดความเป็นตัวกูของกู ออกกันดีกว่า...
ปล เพื่อความเข้าใจอันดีระหว่างศาสนา...ครับ |
|
_________________ สิ่งใดๆ อย่าไปยึดมั่นถือมั่น |
|
  |
 |
pongsakorn28287
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 23 พ.ย. 2004
ตอบ: 42
ที่อยู่ (จังหวัด): จ.เชียงใหม่
|
ตอบเมื่อ:
12 ก.พ.2008, 11:17 am |
  |
1. ทุกข์
2. เหตุเกิดทุกข์
3. ความดับทุกข์
4. หนทางไปสู่ความดับทุกข์
ปล. ผู้เขียนก็นึกธรรมะข้อนี้ไม่ออกก็เลยมานั่งใส่ใจเกือบชั่วโมง เสียท่ากิเลสเลย |
|
_________________ ยัง กัมมัง กะริสสันติ ใครทำกรรมใดไว้
กัลละยานัง วา ปาปะกัง วา ดีหรือชั่วก็ตาม
ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ ย่อมได้รับผลของกรรมนั้นๆ ต่อไป |
|
   |
 |
pongsakorn28287
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 23 พ.ย. 2004
ตอบ: 42
ที่อยู่ (จังหวัด): จ.เชียงใหม่
|
ตอบเมื่อ:
12 ก.พ.2008, 11:18 am |
  |
สิ่งที่ควรใส่ใจ |
|
_________________ ยัง กัมมัง กะริสสันติ ใครทำกรรมใดไว้
กัลละยานัง วา ปาปะกัง วา ดีหรือชั่วก็ตาม
ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ ย่อมได้รับผลของกรรมนั้นๆ ต่อไป |
|
   |
 |
สุรเชฏฐ์ ไลตระกูล
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 24 ก.พ. 2008
ตอบ: 24
ที่อยู่ (จังหวัด): นครปฐม
|
ตอบเมื่อ:
24 ก.พ.2008, 12:50 pm |
  |
สงสัยเหมือนกัน เขาบอกว่าเราโชคดีเกิดมาเป็นพุทธ ชาวคริสต์เห็นกับข้อความนี้อย่างไร ชาวคริสต์มีวิธีทำบุญ หรือสะสมบุญเหมือนพุทธหรือป่าว สงสัยอีกอย่าง ที่พุทธว่าใครทำกรรมอะไร กรรมนั้นจะติดตามคนนั้นไป แล้วคริสต์สอนเรื่องนี้ไว้บ้างไหมครับ ขอบคุณครับ อยากรู้เพราะว่าไม่เคยได้ยินเรื่องเวียนว่ายตายเกิดจากคริสต์ ได้ยินแต่วันตัดสินชะตา ขอบคุณอีกครั้งครับ |
|
_________________ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม |
|
   |
 |
สุรเชฏฐ์ ไลตระกูล
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 24 ก.พ. 2008
ตอบ: 24
ที่อยู่ (จังหวัด): นครปฐม
|
ตอบเมื่อ:
24 ก.พ.2008, 12:56 pm |
  |
ผมว่าทุกศาสนาดีเหมือนกัน ต่างกันที่รูปแบบ |
|
_________________ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม |
|
   |
 |
บัวหิมะ
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273
|
ตอบเมื่อ:
14 ส.ค. 2008, 9:35 pm |
  |
เข้ามาดูย้อนหลัง คุยอะไรกันน้อ สาธุ  |
|
_________________ ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ |
|
  |
 |
|