กรุณารักษาอุดมการณ์แห่งธรรมเพื่อเวปศาสนาอย่างแท้จริง

ตอบเมื่อ: 17 ม.ค. 2008, 10:42 am

คุณ admin เวปนี้จัดทำขึ้นเพื่ออะไร จากการที่คุณตั้งกระทู้ของพระกู้ชาติในเวปนี้ มีเจตนาเพื่ออะไร ตลอดเวลาที่ผ่านมาในอดีต ภาพต่างๆ ที่ออกมา ต่างมีแง่คิดหลายๆ ด้าน บางคนก็ชื่นชม บางคนก็ต่อต้าน ด้วยเหตุและผลที่แตกต่างกัน จึงเป็นที่มาของคำว่า ขาดความสามัคคี จากความเข้าใจของผมที่มีต่อเวปนี้คือ เวปแห่งพระธรรมที่มีแต่การแสวงหาซึ่งทางแห่งแสงพระธรรม ผมชื่นชมเป็นอย่างมาก แต่ผิดหวังต่อการนำประเด็นนี้มาสู่กระทู้ธรรมะ ผมคิดว่า การเมือง เป็นดาบสองคม ที่มีทัศนคติหลายๆ ด้าน แตกต่างทางความคิด แตกต่างในมุมมอง แตกต่างในเหตุและผลของปัญหานั้นๆ จึงถกเถียงกันไม่จบ แล้วจะนำไปสู่การโต้แย้ง แต่ธรรมะของพระพุทธองค์ มีแต่ความสว่าง และประเทืองด้วยปัญญาอันบริสุทธิ์ ผมว่า คุณกำลังหลงประเด็นหรือไม่ เจตนาดีต่อเวปที่เป็นประโยชน์ต่อศาสนา

ตอบเมื่อ: 17 ม.ค. 2008, 12:16 pm

อย่าคิดมากค่ะ
สู้ สู้

ตอบเมื่อ: 17 ม.ค. 2008, 2:38 pm

อุ๊ยตายแล้ว เครียดจัง ใจเย็นๆ หน่อย จะปล่อยไปไม่ได้เลยรึ เรื่องแค่นี้
(แต่ก็จริงนะ เห็นด้วย)

ตอบเมื่อ: 17 ม.ค. 2008, 3:02 pm

ทุกอย่างต้องปล่อยวาง...ว่างสบาย ...เดินสายกลาง

ตอบเมื่อ: 17 ม.ค. 2008, 4:12 pm

เรียน คุณปกรณ์ นะค่ะ

1. ธรรมจักร :: วงล้อแห่งธรรม เป็นเว็บไซต์ที่จัดทำขึ้นเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา

2. การตั้งกระทู้ พระป่ากู้ชาติ : เมื่อ “คลังหลวง” จะถูกถลุง
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=14094

ดิฉันพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นบทความที่นำเสนอปัญหาของชาติเรื่องการใช้เงิน “คลังหลวง” โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนที่เกิดจากการระดมทุนจากภาคประชาชนในรูปของทองคำและเงินตราต่างประเทศ โดยการนำพาของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน อันอาจจะเป็นประโยชน์แก่สาธุชนในอีกมิติหนึ่ง ในอีกมุมมองหนึ่ง บทความนี้เป็นการนำเสนอข้อเท็จจริง เป็นการให้ปัญญาและความรู้ ซึ่งหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับปัญหาของชาติ กระทบต่อคนหมู่มาก ก็ย่อมเป็นธรรมดาที่จะต้องมีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ขอให้เปิดใจกว้างยอมรับความเห็นที่แตกต่าง และความเป็นอิสระในการแสดงความคิดด้วยค่ะ

ความเห็นที่แตกต่างหลากหลาย ความขัดแย้ง นอกจากจะเป็นเรื่องปกติธรรมดาในการปกครองระบอบประชาธิปไตยแล้ว ยังเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของเราทุกคนด้วยค่ะ แม้อยู่คนเดียวเราก็ยังขัดแย้งหรือทะเลาะกับตัวเองเลย แล้วนับประสาอะไรกับความขัดแย้งกับผู้อื่นล่ะ หากเราปรารถนาชีวิตที่สุขสงบเย็น มั่งคง ก้าวหน้า เราจึงควรเรียนรู้ที่จะอยู่กับความขัดแย้งให้ได้ คือยอมรับความแตกต่างทางความคิด และอยู่ร่วมกับคนที่มีความคิดขัดแย้งกับเราได้ และยิ่งกว่านั้นก็คือ ควรรู้จักใช้ประโยชน์จากความขัดแย้งเหล่านั้นด้วย เช่น นำเอาความคิดเห็นที่แตกต่างมาเป็นเครื่องตรวจสอบความคิด การทำงาน และพฤติกรรมของเรา เพื่อให้มีความรอบด้านรอบถ้วน ไม่ประมาท มากยิ่งขึ้น หรือแก้ไขปรับปรุงในส่วนพร่องให้ดีขึ้น หรืออาจใช้ความเห็นแย้งเหล่านั้นมาเป็นเครื่องฝึกฝนอัตตาตัวตนของเราให้บางเบา ไม่ยึดติดถือมั่นกับความเห็นของตนจนทนไม่ได้กับความเห็นที่แตกต่าง แม้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ก็ไม่รู้สึกฝ่อ ห่อเหี่ยว ไม่พอใจ หรือโกรธเคือง

3. การนำเสนอประเด็นต่างๆ ไม่ว่าจากท่านใดๆ ทั้งในด้านเนื้อหาธรรมะโดยตรงล้วนๆ หรือโดยทางอ้อม ย่อมนำมาสู่ความคิดเห็นที่แตกต่างกันเสมอ ไม่มากก็น้อย เพราะความแตกต่างทางความคิดเห็นเป็นเรื่องปกติของโลก ซึ่งต้องถือว่าเป็นเรื่องปกติมากสำหรับจิตปุถุชน ดังนั้น ความแตกต่างทางความคิด ไม่ใช่จะนำมาสู่ความแตกแยก และการขาดความสามัคคี ฯลฯ จนไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ ในทุกกรณีแต่อย่างใด

4. แม้การเมืองจะเป็นดาบสองคม มีความขัดแย้งกันมากเพียงใดก็ตาม แต่การเมืองก็เป็นเรื่องที่แทรกตัวไปทุกส่วนของทุกประเทศ สังคม องค์กร หน่วยงาน ชุมชน ครอบครัว ทุกๆ วงการ แม้แต่ในวงการพระศาสนา ขอให้ทบทวนดูให้ดีๆ นะค่ะ ปัญหาจึงอยู่ที่ว่า เราต้องรู้จักยอมรับความแตกต่างทางความคิด, อยู่ร่วมกับคนที่มีความคิดขัดแย้งกับเราได้ และควรรู้จักใช้ประโยชน์จากความขัดแย้งเหล่านั้นให้ได้ ต่างหากค่ะ

5. การตั้งกระทู้นี้ ดิฉันไม่มีความประสงค์จะเชียร์พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งเป็นพิเศษ หรือต้องการพูดเรื่องการเมืองเพื่อจะนำมาสู่ความแตกแยก และการขาดความสามัคคี ฯลฯ แต่ประการใด เพียงแต่ต้องการนำเสนอคุณูปการณ์ของพระป่ารูปหนึ่งที่ท่านเพียรเสียสละนำพาคนไทยทั้งประเทศทำการกู้ชาติเท่านั้นค่ะ

6. ดังนั้น การตั้งกระทู้ พระป่ากู้ชาติ : เมื่อ “คลังหลวง” จะถูกถลุง จึงไม่ใช่การหลงประเด็นแต่ประการใดเลยค่ะ อีกทั้งก็ไม่ทำให้อุดมการณ์หรือจุดยืนของเว็บที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเผยแผ่ธรรม เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใดเลยค่ะ

ถึงอย่างไรก็ตาม ดิฉันต้องขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งสำหรับข้อเสนอแนะดังกล่าว รวมทั้ง ความเป็นห่วงเป็นใยในพระศาสนาและในเว็บธรรมจักรของคุณปกรณ์ ด้วยนะค่ะ

ตอบเมื่อ: 17 ม.ค. 2008, 7:34 pm

ในสังคมทุกวันนี้ มีความแตกแยกทางความคิดมากมาย ต่างล้วนยึดถือเหตุ และผลของตนเองเป็นบรรทัดฐานแห่งการกำหนดความชอบธรรม จนบางครั้ง คำว่าชอบธรรมนี้ แปลมาจากคำว่าชอบใจ จนเกิดปัญหาแบบไม่จบไม่สิ้น ซึ่งก็เกิดจากการพยายามที่ต่างฝ่ายต่างยึดถือว่าตนเองคิดถูก ฝ่ายตรงข้ามคิดผิด ซึ่งความเป็นจริงนั้น ยากต่อการที่จะเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า ใครผิด ใครถูก ใครเป็นต้นเหตุ และผลจะออกมาเช่นไร สุดท้ายก็ต้องจบลงที่ การตัดสินของผู้ที่มีอำนาจ เพื่อให้เกิดความชัดเจนทางความคิด ซึ่งเรียกว่า เผด็จการ
ในเวปแห่งนี้ มีวัตถุประสงค์เช่น ไม่มีใครรู้ดีเท่ากับตัวคุณเองผู้ซึ่งเป็นผู้ดูแลเวปแห่งนี้ จากการที่ผมตีความหมายของเวปแห่งนี้ไปในทิศทางแห่งพระธรรมะ นั้นก็หมายถึง การนำเสนอ แลกเปลี่ยน สนทนา ศึกษา และจบลงด้วยการปฏิบัติ ซึ่งความหมายของทั้งหมดนี้ มีนัยยะแห่งความหมายแบบไม่ต้องมาตีความกันอยู่แล้ว
การเมืองเป็นเรื่องของความแตกแยกทางความคิดอย่างชัดเจน มีฝ่ายรัฐ ก็ต้องมีฝ่ายค้าน มีการกำหนดทิศทางเพื่อให้เกิดความสมดุลแห่งอำนาจ มีผู้รับประโยชน์ทั้งทางตรง และทางอ้อม มีผู้เสียประโยชน์ทั้งทางตรง และทางอ้อม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิถีแห่งการปกครองซึ่งมีชนชั้นผู้ปกครอง และชนชั้นผู้ถูกปกครอง ความหมายมีความชัดเจน และลงตัว ซึ่งคนละแนวทางแห่งลานธรรม จากการที่คุณได้ตอบคำถามกลับมาเช่นนี้ ผมพยายามที่จะทำความเข้าใจในเจตนาในทางที่ดีว่า เรื่องการเมืองเป็นเรื่องของวิถีแห่งสัตว์โลกที่เต็มไปด้วยกิเลส ตัณหา ราคะ ที่แยกแยะไม่ออกจากสังคมแห่งมนุษย์ ถูกต้อง เป็นคำตอบที่แท้จริง ที่แยกกันไม่ออกจริงๆ ผมถึงเป็นห่วง ว่า ทุกวันนี้ พระธรรมของพระพุทธองค์ที่ออกเผยแพร่ตามสถานธรรมต่างๆ ไม่ว่าจะสำนักไหน มีการพยายามตีความไปตามกำลังความคิดของเจ้าสำนักนั้นๆอยู่เสมอๆ จนสาระสำคัญ ในพระไตรปิฎก คลาดเคลื่อนไปก็มากมาย ประชาชนต่างพยายามไขว่คว้าแสวงหา ความเป็นมงคลเพื่อเป็นเส้นทางลัดที่จะให้ตนเองนั้นสมหวังในกิเลส ตัณหาราคะแบบไม่จบไม่สิ้น มีการสร้างกระแสธรรมในเชิงพานิช มีการปลุกระดมทางความคิดเพื่อเป็นแนวทางแห่งการกอบโกย ศรัทธาจึงเกิดจากการฟังนิทาน ไม่ใช่ศรัทธาที่เกิดจากการศึกษาโดยใช้สติ และปัญญาเป็นพื้นฐาน และโครงสร้างแห่งการเกิดศรัทธา พยายามที่จะตีความ กำหนด หลักธรรมของพระพุทธองค์ ไปในหลักธรรมของตนเอง เพียงเพื่อหวังผลจากประโยชน์ที่จะหวนกลับมาสร้างสถานธรรมให้ใหญ่โตด้วยเงินเป็นร้อย พันล้านอย่างเช่นทุกวันนี้ มีคำถามมากมายที่เกิดขึ้นในสังคม ช่วงว่างระหว่างชนชั้น จึงกลายเป็นปัจจัยแห่งการเรียนรู้ไปโดยปริยาย คนจนไม่มีสิทธิ์ที่จะสำเร็จมรรคผล คนจนไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าสถานธรรมเหล่านั้น คนจนไม่มีสิทธิ์ที่จะได้กราบพระสงฆ์ผู้สูงศักดิ์ เรื่องเหล่านี้เป็นความจริงหรือไม่ครับ
เจตนาของผม ต้องการศึกษา แลกเปลี่ยน สนทนา ธรรมะที่แท้จริง ธรรมะ เท่านั้น ไม่มีเจตนาที่จะทำให้คุณโกรธ หรือก่อวจีกรรมกับคุณหรอกครับ ผมไม่มีหน้าที่ในการกำหนดกรรมของใคร เพียงแต่ แสดงความเห็นเพื่อประโยชน์ต่อพระธรรม และคิดเสมอว่า พระธรรมของพระพุทธองค์ บริสุทธิ์เกินกว่า ที่จะไปโยงกับอะไรทั้งสิ้น

โดยความเคารพ
ปกรณ์

ตอบเมื่อ: 18 ม.ค. 2008, 6:22 am

เอาน๊า..โลกใบนี้เป็นสนามทดสอบ “จิต” ชั้นยอดของเราเลยนะค่ะ อย่าคิดมากน๊า ครั้งในสมัยที่พระพุทธเจ้ายังคงมีชีวิตอยู่นั้น พระองค์ก็ไม่สามารถทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ พระองค์ก็ไม่สามารถทำให้ทุกคนบรรลุธรรมได้ บัวมี 4 เหล่าเน้อ ในความเป็นจริงของโลก ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม จะต้องมี 3 ฝ่ายเสมอ คือ ฝ่ายเห็นด้วย ฝ่ายไม่เห็นด้วย และฝ่ายเฉยๆ

ข้างล่างนี้เป็นอีกบทความหนึ่งที่เสนอความเห็นในอีกมุมมองหนึ่งเกี่ยวกับพระสงฆ์ไทยค่ะ

พระสงฆ์ไทยกับสิทธิในการเลือกตั้ง (ทวีวัฒน์ ปุณฑริกวิวัฒน์)
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=14371

ตอบเมื่อ: 18 ม.ค. 2008, 8:47 am

คือ ผมเห็นด้วยกับประเด็นที่ว่า ไม่น่าเอาเรื่องที่พาดพิงกับการเมืองมาเสนอ

เพราะเป็นการโจมตีให้ร้ายกัน ซึ่งบางทีก็ไม่มีหลักฐานเอาเลย

และก็ทำให้เกิดความแตกแยกเป็นสองฝ่าย คือ จะมีคนเห็นด้วย และไม่เห็นด้วยเสมอทุกครั้ง

แล้วนำไปสู่การโต้เถียงขัดแย้งกันในที่สุด

ผมเข้าใจเจตนาดีของเจ้าของเวป แต่เรื่องอย่างนี้มันล่อแหลมจริงๆครับ ตกใจ

ตอบเมื่อ: 18 ม.ค. 2008, 12:02 pm

ตอบเมื่อ: 18 ม.ค. 2008, 6:47 pm

นอกจากเรื่องการเมือง การเอ่ยถึงเรื่องใดๆเกี่ยวกับหลวงตา และคณะศานุศิษย์ของท่าน เป็นเรื่องที่อ่อนไหวและเสี่ยงต่อการปะทะคารมกันอย่างเผ็ดร้อนอย่างยิ่ง เคยมีประสบการณ์มาจากเว็บอื่น บอกได้เลยว่า น่ ตื่นเต้น

ากลัวมากๆ

หลวงตาท่านน่ะดีแท้ แต่ศิษย์ท่านมีทั่วประเทศ ก็ต่างๆกันไป เลี่ยงได้เลี่ยงดีกว่า