เว็บมาสเตอร์
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 มี.ค. 2005
ตอบ: 993
|
ตอบเมื่อ:
04 ก.ย. 2007, 5:09 pm |
  |
“พระเหลือ” อีกหนึ่งความน่าสนใจ ณ วัดใหญ่ เมืองสองแคว
หากพูดถึงเมืองสองแคว จังหวัดพิษณุโลกแล้ว สิ่งหนึ่งที่พุทธศาสนิกชนหลายๆ คนมักจะนึกถึง รวมทั้งยังถือเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองสองแควนี้ก็คือ พระพุทธชินราช พระพุทธรูปสำคัญที่ประดิษฐาน ณ พระวิหารใหญ่ (พระวิหารหลวง) ด้านทิศตะวันตก วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร หรือวัดใหญ่ นั่นเอง
พระพุทธชินราช ถือเป็นพระพุทธรูปที่ได้รับยกย่องว่ามีพุทธลักษณะงดงามที่สุดในประเทศไทย พระพุทธรูปองค์นี้สร้างขึ้นในสมัยของพระมหาธรรมราชาที่ 1 หรือพญาลิไทย กษัตริย์ในราชวงศ์พระร่วงสมัยสุโขทัย หรือเมื่อประมาณปี พ.ศ.1900 ในครั้งนั้นได้มีพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในคราวเดียวกันอีก 2 องค์ คือ พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดา (พระศาสดา) ซึ่งอีกสององค์นั้น ขณะนี้ได้ประดิษฐานอยู่ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวรวิหาร กรุงเทพฯ ส่วนที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร แห่งนี้เป็นองค์จำลอง
ตำนานการสร้างพระพุทธชินราชนี้ก็น่าสนใจมากทีเดียว เพราะเมื่อได้กระทำพิธีเททองหล่อพระพุทธรูปทั้งสามองค์แล้ว ปรากฏว่า พระพุทธชินสีห์และพระศรีศาสดามีน้ำทองแล่นติดตลอดเสมอกันทั้งองค์ แต่พระพุทธชินราชนั้นทองแล่นไม่ติดเต็มพระองค์ จึงได้มีการหล่อขึ้นใหม่อีกถึงสามครั้งสามครา แต่ก็ยังคงเททองไม่สำเร็จอยู่นั่นเอง จนในครั้งหลังสุดนั้น ได้มีตาปะขาวคนหนึ่งที่ไม่มีผู้ใดทราบชื่อและที่มา เข้ามาช่วยปั้นหุ่นและเททองทั้งกลางวันกลางคืนจนเสร็จลง คราวนี้น้ำทองที่เทหล่อก็แล่นเต็มตลอดทั่วทั้งองค์ และเมื่อแกะพิมพ์ออกมาก็พบว่าองค์พระนั้นงดงามสมบูรณ์ไม่มีที่ติ ราวกับเทวดามาช่วยสร้าง ส่วนตาปะขาวที่มาช่วยเททองนั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หลายคนเชื่อกันว่าตาปะขาวคนนั้นน่าจะเป็นเทพยดาที่แปลงกายมาเพื่อช่วยหล่อพระพุทธชินราชขึ้น ทำให้ชาวบ้านร่ำลือกันไปต่างๆ นานา จนความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธชินราชมีมากขึ้น
แต่นอกจากพระพุทธรูปทั้งสามองค์ที่กล่าวมานี้แล้ว หากใครที่เคยไปยังวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร มาก่อน คงจะสังเกตเห็นว่า ด้านหน้าพระวิหารใหญ่พระพุทธชินราชนั้น จะมีพระวิหารหลังเล็กๆ อีกหลังหนึ่งอยู่ใต้ต้นโพธิ์ต้นใหญ่ พระวิหารที่ว่านั้นมีขนาดเล็กจริงๆ ขนาดที่ว่าบางคนอาจเข้าใจผิดว่าเป็นศาลพระภูมิได้ แต่ที่แท้จริงแล้ว พระวิหารหลังน้อยนั้นเป็นพระวิหารของ “พระเหลือ” นามว่า “พระวิหารพระเหลือ” นั่นเอง
“พระเหลือ” และพระสาวกอีกสององค์ยืนอยู่ด้านข้าง
เหตุที่พระพุทธรูปในพระวิหารน้อยได้ชื่อว่า พระเหลือ ก็เนื่องมาจากว่าเมื่อครั้งที่หล่อพระพุทธรูปสำคัญทั้งสามองค์อันได้แก่ พระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดา แล้ว ก็ยังคงมีเศษทองสัมฤทธิ์หลงเหลืออยู่ พระยาลิไทจึงมีรับสั่งให้ช่างนำเศษทองนั้นมาหล่อเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้างเพียง 1 ศอกเศษ และเรียกท่านว่า “พระเหลือ” หรือ “หลวงพ่อเหลือ” ถึงกระนั้นเศษทองก็ยังเหลืออยู่อีก จึงได้หล่อพระสาวกขึ้นมาอีกสององค์ยืนอยู่ด้านข้างของพระเหลือ
ส่วนอิฐที่ใช้ก่อเตาสำหรับหลอมทองที่หล่อพระพุทธรูปนั้น ได้นำมารวมกันแล้วก่อเป็นฐานชุกชีสูง 3 ศอกตรงตำแหน่งที่หล่อพระพุทธชินราช พร้อมกับปลูกต้นมหาโพธิ์ 3 ต้นลงบนชุกชีนั้น แสดงว่าเป็นมหาโพธิ์สถานของพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดาทั้งสามองค์ จึงเรียกว่า ต้นโพธิ์สามเส้า และได้สร้างพระวิหารเล็กๆ ขึ้นมาระหว่างต้นมหาโพธิ์นั้น เพื่อเป็นที่ประดิษฐานของพระเหลือและพระสาวก จึงเรียกชื่อว่า “พระวิหารพระเหลือ” หรือ “พระวิหารหลวงพ่อเหลือ” กันต่อมา
เมื่อพูดถึงเรื่องชื่อ จริงๆ แล้วพระเหลือเองก็มีชื่ออย่างเป็นทางการฟังดูไพเราะว่า “พระเสสันตปฏิมากร” ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานตั้งชื่อให้ แต่ชาวบ้านก็ยังนิยมเรียกองค์พระว่าพระเหลืออยู่เช่นเดิม แต่ก็ด้วยชื่อขององค์พระนั่นเองที่ทำให้ผู้คนมักนิยมไปบูชาสักการะขอพรจากท่าน ด้วยเชื่อว่าจะทำให้มีเงินมีทองเหลือใช้เหมือนอย่างชื่อของท่านบ้าง
สำหรับผู้ที่ไปเที่ยวชมวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร นอกจากจะได้มานมัสการพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ พระศรีศาสดา และพระเหลือแล้ว ก็อย่าลืมไปชมพระวิหารพระพุทธเจ้าเข้านิพพาน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางแปลกๆ ที่ไม่มีที่ไหนเหมือน รวมทั้ง พระอัฏฐารส (พระยืน) พระพุทธรูปสูง 18 ศอก ที่อยู่บริเวณเนินพระวิหารเก้าห้อง ก็ล้วนแล้วแต่มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน ท่านใดที่ต้องการจะมาชมรวมทั้งนมัสการพระพุทธรูปเหล่านี้ก็สามารถไปสัมผัสในความงามได้ที่ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร แห่งเมืองสองแคว จ.พิษณุโลก
“พระวิหารพระเหลือ” หรือ “พระวิหารหลวงพ่อเหลือ”
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร หรือวัดใหญ่ อันเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธชินราชและพระเหลือ รวมถึงพระพุทธรูปน่าสนใจอีกมาก เปิดตั้งแต่เวลา 06.30-18.00 น. ตั้งอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำน่าน ริมถนนพุทธบูชา ต.ในเมือง อ.เมือง ตรงข้ามกับศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก ท่านใดที่สนใจรายละเอียดเกี่ยวกับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร หรือวัดใหญ่, หลวงพ่อใหญ่ และพระพุทธรูปอื่นๆ รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดพิษณุโลก สามารถสอบถามได้ที่ ททท. ภาคเหนือ เขต 3 โทรศัพท์ 0-5525-2742-3, 0-5525-9414
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 22 เมษายน 2548 06:17 น.
พระเหลือ หรือ “หลวงพ่อเหลือ” หรือ “พระเสสันตปฏิมากร”
พระประธานในพระวิหารพระเหลือ หรือพระวิหารหลวงพ่อเหลือ
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร อ.เมือง จ.พิษณุโลก
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19715
พระพุทธชินราช พระประธานในพระวิหารใหญ่
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร อ.เมือง จ.พิษณุโลก
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19299
~ พระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=24657 |
|
_________________ -- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง -- |
|