ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
I am
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972
|
ตอบเมื่อ:
06 มิ.ย.2007, 8:40 am |
  |
พระพุทธภาษิตบทหนึ่งกล่าวว่า “บัณฑิตย่อมไม่เพ่งโทษผู้อื่น”
อัญเชิญพระพุทธภาษิตนี้มาช่วยประเทศชาติของเราเถิด ถึงเวลาแล้วอย่าปล่อยให้สายเกินไป รู้อยู่แก่ใจ ว่าบ้านเมืองกำลังวุ่น กำลังร้อน อย่าไปมัวเพ่งโทษคนนั้นคนนี้ว่าไม่ดีอย่างนั้น ไม่ดีอย่างนี้ ควรทำอย่างนั้น ควรทำอย่างนี้
โดยมิได้นึกถึงตนเองเลยว่าต้องทำอย่างนั้น ต้องทำอย่างนี้ ที่เป็นบุญกุศล ไม่เป็นบาปไม่เป็นอกุศล แล้วทำตามที่คิดในทันที การมัวไปเพ่งโทษคนอื่นว่าทำผิดอย่างนั้น ทำไม่ดีอย่างนี้ นอกจากไม่ให้คุณแก่ใครแล้ว ไม่ช่วยประเทศชาติให้ร่มเย็นเป็นสุข
มีพระพุทธภาษิตเตือนไว้ว่า “บัณฑิตย่อมไม่เพ่งโทษผู้อื่น” เพราะไม่มีคุณสมบัติ มีแต่โทษสถานเดียว
ทุกคนน่าจะพยายามอยากเป็นบัณฑิตตามพระพุทธพจน์ พร้อมกับไม่ลืมนึกไปพร้อมกันด้วยว่า “บัณฑิตย่อมไม่เพ่งโทษผู้อื่น” และขณะนี้กำลังอ่านหนังสืออบรมจิตใจ เรียกว่าหนังสือธัมมะก็ไม่ผิด
เมื่อกล่าวถึงบัณฑิตจึงเป็นบัณฑิตทางธรรมด้วย คือเป็นคนดีมีปัญญา ไม่มีการศึกษาระดับปริญญาเอกโท ตรี เลยก็เป็นบัณฑิตในพระพุทธศาสนาได้ แม้เป็นคนดีมีปัญญา แต่แม้มีปริญญาเอก โท ตรี แต่ไม่มีความดีไม่มีปัญญา คือไม่ใช่คนดีมีปัญญา ก็ไม่ใช่บัณฑิตในทางธรรมในพระพุทธศาสนา
เมื่อนึกเช่นนี้ขึ้นมา ก็ทำให้นึกเลยไปจนได้ความคิดมาฝากให้เป็นประโยชน์แก่พวกเราทั้งหลาย นั่นก็คือเกิดความคิดเพ่งโทษผู้อื่นเมื่อใด ให้มีสติรับรู้ความจริง และบอกความจริงนั้นแก่ตนว่า ตนไม่ใช่บัณฑิต เพราะถ้าตนเป็นบัณฑิตก็คงไม่ไปเพ่งโทษคนนั้นคนนี้ ต้องเพ่งโทษตัวเองเท่านั้น
ก็ขอฝากไว้ให้พยายามมีสติระลึกรู้ความจริงนี้ไว้เสมอ ว่าตนเป็นบัณฑิตหรือไม่ใช่บัณฑิต อายตัวเองหรือไม่อาย เมื่อรู้แก่ใจว่าตนไม่ใช่คนดีมีปัญญา มีบุญได้เกิดเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนา ยังไม่ปฏิบัติตามที่สมเด็จพระบรมครูทรงสอน
: แสงส่องใจ อาสาฬหบูชา ๒๕๔๗
: สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
 |
|
_________________ ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก |
|
     |
 |
ลูกโป่ง
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
07 มิ.ย.2007, 9:36 am |
  |
สาธุ สาธุ สาธุจ้า...คุณ I am
สวัสดีตอนสายค่ะ...ทุกท่าน
ธรรมะสวัสดีค่ะ
 |
|
|
|
   |
 |
|