Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
ธรรมะก่อนนอน 15 นาที
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ผู้ตั้ง
ข้อความ
amai
บัวบาน
เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435
ตอบเมื่อ: 07 มิ.ย.2004, 11:22 am
ธรรมะก่อนนอน 15 นาที
กลางคืนเป็นควัน
นี้ หมายความว่า ธรรมชาติของควันที่มันเกิดจากไฟที่สุมขอน ฤดูนี้เป็นฤดูที่ชาวนา กำลังเผานากัน บางทีก็เผาป่า เราจะพบว่า ขอนไม้ที่ชาวนาโค่นลงมาแล้วก็ ถูกเผานากัน บางทีก็ เผาป่า เราจะพบว่า ขอนไม้ที่ชาวนาโค่นลงมาแล้วก็ถูกไฟเผานั้น ตอนกลางคืนมันจะคุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา ที่ใดมีควันปรากฏเกิดขึ้น ก็แสดงให้เห็นว่า ที่นั่นจะต้องมีไฟ
คำว่า กลางคืนเป็นควันนี้ ท่านไม่ใช่ หมายถึงไฟมาลุกขึ้น ไม่ใช่ หมายถึง ไฟภายนอกที่ไหม้ไม้หรอก แต่ท่าน หมายถึง ไฟ คือ กิเลส มันเผารนจิตใจของเราให้เร่าร้อนอยู่ตลอดเวลา คือ ตอนนอนนี้ ก็ อดที่จะคิดคุกรุ่นถึงเรื่องต่างๆ สาระพัดอย่างไม่ได้
เช่น อาจจะคิดว่า เมื่อเช้านี้เราทำอะไรไปบ้างอะไรต่างๆ สารพัดอาจจะคิดว่า เมื่อเช้านี้เราทำอะไรไปบ้างอะไรต่างๆ สาระพัดอาจจะ คิดถึงเรื่องราวต่างๆ ตั้งแต่ในอดีต แล้วก็คิดถึงเรื่องอนาคต ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ว่าเราจะต้องไปทำอะไรมีกิจมีหน้าที่ๆ เราจะต้องปฏิบัติอย่างไร เอามาคิดตอนที่ก่อนเราจะนอนได้อย่างไร บางคนคิดเกือบสว่างก็มี
ลักษณะของจิตที่คิดอย่างนี้ เป็นลักษณะของจิตที่เป็นอกุศลเป็นเหตุทำให้จิตเกิดความเร่าร้อนขึ้น คุกรุ่นอยู่ในในเสมอ เหมือนกับไฟที่ทำให้เกิดควันแต่ว่าต่างกันตรงที่ไฟที่เผารนจิตใจของเราอยู่นี่น่ะ เป็นกิเลสอาจจะเป็นความโลภ อาจจะเป็นความโกรธ อาจจะเป็นความหลง หรือความริษยาพยาบาทอะไรต่างๆ ก็ ได้ แต่ว่า เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ทำให้จิตใจที่หมกมุ่นครุ่นคิดอยู่ เหมือนกับควันที่มันคุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา
ที่ว่า
กลางวันเป็นไฟ
นั้น คือกลางวัน พอรุ่งขึ้นเช้า ชีวิตของคนเราก็ต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนกันไม่สิ้นสุดเราอยู่นิ่งไม่ได้แล้ว จะต้องดิ้นรนในการทำมาหากิน ประกอบกิจการงานต่างๆ สารพัดอย่างที่เราจะต้องกระทำ ระหว่างที่เราดิ้นรนขวนขวายกันอยู่นี้ เหมือนกับมีไฟมันมาเผาเราอยู่ ถ้าหากว่าเราจะนั่งเก้าอี้ ก็เหมือนกับมีไฟมาเผารนเก้าอี้ ที่เรานั่งให้เกิดความเร่าร้อนนั่งไม่ติดที่ จะต้องลุกพลุกพล่านไปมาวิ่งไปมาทางโน้นวิ่งมาทางนี้ อย่างนี้เรียกว่า กลางวันเป็นไฟ เหมือนกับไฟมาเผารนเรา มิให้เรานี้นั่งอย่างสงบหรือว่าเกิดความเยือกเย็นขึ้น
ชีวิตปุถุชนธรรมดา ที่เป็นอยู่ในโลกปัจจุบันมักจะเป็นอย่างนี้แหล่ะ อยู่ในฐานะที่กลางคืนเป็นควันกลางวันเป็นไฟ เกิดความดิ้นรนขวนขวายกันอยู่ไม่สิ้นสุด ถ้าหากว่าเราไม่รู้จักปรับปรุงชีวิตของเราให้เข้าจังหวะ หรือการจักควรและไม่ควรแล้ว บางทีตลอดชีวิตนี่ก็หาความสุขไม่ได้เหมือนกัน
ธรรมดาก่อนนอนนี้ แม้ว่าจิตนี้จะต้องนึกถึงสิ่งใดก็ตาม เราควรจะนึกถึงสิ่งที่เป็นกุศลนั้น เป็นเหตุทำให้จิตใจของเรานี้เกิดความเยือกเย็นลง ไม่เร่าร้อนดังที่ได้กล่าวมา ถ้าหากว่าเราไม่คิดถึงเรื่องกุศลแล้ว จิตใจก้อาจจะเกิดความเร่าร้อน เกิดความเศร้าหมองขึ้นก็ได้
เพราะฉะนั้น ก่อนนอนคืนนี้ แม้ความรู้สึกนึกคิด จะประดังเข้ามาสู่ความนึกคิด ของเรามากมาย สักเพียงใดก็ตาม เราต้องกำจัดออกไปว่าเวลานี้ เป็นเวลาที่เราจะต้องทำใจของเราให้เป็นสุข เราจะหลับอย่างคนที่มีสติ เพื่อตื่นขึ้นอย่างคนทีมีสติต่อไป
การที่หลับอย่างมีสติก็คือ ใช้สติระลึกนึกถึงคุณงามความดีบุญกุศลที่เราท่านทั้งหลาย ได้ประกอบมาวันนี้ ถ้าเป็นจาคานุสติ นึกถึงทานที่พวกเราบริจาค นึกถึงคุณงามความดีที่พวกเราได้ทำ แม้แต่นิดหนึ่งซึ่งอาจจะเป็นความดีในครอบครัวในเพื่อนบ้าน ในหน้าที่การงาน ที่พวกเราได้กระทำอยู่หรือในศาสนา ในประเทศชาติ พวกเราก็นึกถึงความดีที่เราทำไว้ ให้เราหลับเป็นสุขโดยทั่วกัน อันนี้เป็นสิ่งที่ควรนึกควรคิดแล้ว พวกเราจะมีความรู้สึกว่าแม้เราจะหลับแม้แต่เราจะตื่น พวกเราก็จะเยือกเย็นใจได้ มีความสุขใจได้แม้ชั่วขณะหนึ่ง
>>>>> จบ >>>>>
DEV
บัวเริ่มพ้นน้ำ
เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 155
ตอบเมื่อ: 07 มิ.ย.2004, 12:51 pm
ซ๊าทุๆๆๆๆๆ ค๊าบบบบบบบ อิอิ
เดฟ...หมอกหรือควัน
ปุ๋ย
บัวเงิน
เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275
ตอบเมื่อ: 07 มิ.ย.2004, 3:55 pm
สาธุค่ะ.....ทุกคืนเมื่อได้เข้านอน ก็มีความรู้สึกว่าเหมือนได้สิ้นใจอย่างสงบทุกวัน จนบางครั้งคิดว่าเราได้จากโลกนี้ไปแล้ว แต่ก็กลับตื่นขึ้นมาในเช้าของวันที่สดใสอีกครั้ง.....
สายลม
บัวเงิน
เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245
ตอบเมื่อ: 08 มิ.ย.2004, 2:22 pm
สาธุ ครับอมัย และทุกๆ คน
.....
คุณปุ๋ย ทำจิตใจให้อยู่แต่ปัจจุบันธรรมเท่านี้ก็พอครับ
new
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 23 พ.ค. 2004
ตอบ: 532
ตอบเมื่อ: 08 มิ.ย.2004, 3:51 pm
สาธุ สาธุ สาธุ ครับ อมัย
^^o^^
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 29 พ.ค.2007, 8:04 pm
จ๋า
บัวใต้ดิน
เข้าร่วม: 09 พ.ค. 2007
ตอบ: 18
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ
ตอบเมื่อ: 31 พ.ค.2007, 12:15 pm
สาธุ จ้า
ดีใจมากที่ได้เจอเวบนี้ (เมื่อเดือนก่อน) รู้สึกมีเพื่อนเพิ่มขึ้น
_________________
รู้ ตื่น เบิกบาน
เศษพุทธทาส
บัวใต้น้ำ
เข้าร่วม: 08 เม.ย. 2007
ตอบ: 121
ตอบเมื่อ: 31 พ.ค.2007, 6:00 pm
อาการนึกยังมิใช่อาการของการมีสติที่แท้ แต่การมีสติที่แท้คือการไม่นึก และก็ไม่คิด
การไม่นึกและก็ไม่คิดนั้นคือ ไม่คิดถึงอดีตและอนาคต การไม่คิดถึงอดีตและอนาคต กลายเป็นปัจจุบันขณะไป คือไม่รุ่มร้อน นั้นคือสติที่แท้
การไม่นึกแล้วก็ไม่คิดนั้นเป็นไปไม่ได้ แต่เรารู้ทันมันได้ ไม่ต้องไปคิดไปนึกต่อ
ความคิดอาการนึกมีอยู่สองรูปแบบคือ เหมือนลมที่พัดผ่านโดยที่เราบังคับควบคุมมันไม่ได้ ทำได้แค่รู้ว่ามันผ่านมาปะทะเรา แล้วปล่อยให้มันผ่านไปเฉยๆ แบบที่สองคือเหมือนลมที่เกิดจากความจงใจโบกพัดของเรา เราสมัครใจหรือติดใจที่จะคิดต่ออย่างนั้น
การที่เราไปคิดถึงสิ่งที่เป็นความดี นั้นมิใช่สติที่แท้ เพราะเราจงใจคิดและติดใจคิด จึงกลายเป็นมโนกรรมขึ้นมา แม้จะเป็นฝ่ายกุศลก็ตาม แต่มันไม่ใช่สติที่แท้นั้นเอง เพราะฉะนั้นเวลาก่อนนอน ถ้าอยากมีสติที่แท้ก็ต้องฝึกด้วยการอยู่กับตัวเองนั้นคืออยู่กับปัจจุบัน
นั่งกำหนดอาการต่างตามที่มันจะเกิดก็ให้มันเกิด แล้วเราเข้าไปรู้ ไปดู ไปเห็นอย่างสงบเย็นที่สุดเท่านั้นเป็นพอ ไม่ต้องไปควบคุมจัดการใดๆ ทั้งสิ้นเลย
May the Dhamma be with you. ขอธรรมจงสถิตอยู่กับท่าน
_________________
ทำวันนี้ให้ดีและต้องรู้ไว้ว่า ทำดีเพื่อดี ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ อุปสรรคไม่มี บารมีไม่เกิด
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th