ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
ปาล
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 27 เม.ย. 2007
ตอบ: 2
ที่อยู่ (จังหวัด): rayong
|
ตอบเมื่อ:
27 เม.ย.2007, 2:43 pm |
  |
นรกสววรค์มีจริงหรือ ? ไม่ใช่กำหนดขึ้นมาเพื่อให้คนเราเกรงกลัว แล้วจะได้ทำดีๆ กัน และไม่ทำความชั่ว เพราะว่าไม่เห็นปรากฏเป็นรูปธรรม เห็นมีแต่นามธรรมเท่านั้น จำต้องก็ยาก แล้วใครจะเชื่อว่ามีจริงแค่ไหน อย่างไร ? ผู้รู้ช่วยให้ความกระจ่างชัดเจนด้วย ไม่อยากให้อ้างแต่คำภีร์อย่างเดียว  |
|
|
|
  |
 |
นายก้องเกียรติ คืนดี
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 27 เม.ย. 2007
ตอบ: 7
ที่อยู่ (จังหวัด): Ubon
|
ตอบเมื่อ:
27 เม.ย.2007, 2:49 pm |
  |
เมื่อคุณไม่แน่ใจเกี่ยวกับคำอุปมาอุปมัย ก็สามารถเห็นเป็นรูปธรรมได้นะครับด้วยการฝึกสมาธิครับ ขอบคุณ |
|
_________________ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน |
|
   |
 |
ปุ๋ย
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275
|
ตอบเมื่อ:
27 เม.ย.2007, 3:37 pm |
  |
กราบสวัสดี คุณปาล
อือม...นั่นซิ เคยตอบกระทู้ทำนองนี้มาแล้ว ที่จริงเป็นวิธีสาธิตธรรมะในแง่ของหลักธรรมทางศาสนาเกี่ยวกับเรื่องหิริ-โอตตัปปะ ว่างๆ จากไปซิ่งถ้าวันไหนนอนไม่ดึกตื่นแต่เช้าลองไปตามวัดต่างๆ ลองพิจารณาดูซิว่าทำไมคนโบราณจึงได้วาดภาพต่างๆ ทั้งรูปเทวดา ทั้งรูปสัตว์นรกไว้ตามฝาผนังตามวัดวาอาราม ผนังโบสถ์ ผนังวิหาร ผนังศาลาการเปรียญอะไรต่างๆ
ภาพที่เกี่ยวกับมาลัยสูตรที่มีปรากฏอยู่ในคัมภีร์เก่าๆ เราจะพบบ่อยๆ ที่แสดงถึงเรื่องนรกแต่ละขุมๆ เอาไว้ โบราณท่านก็ถ่ายทอดออกมาด้วยจินตนาการ คนวาดก็ไม่ใช่เป็นคนที่เห็นนรก ไม่ใช่เป็นคนที่เคยเห็นสวรรค์ แต่อาศัยมโนภาพที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้แสดงไว้ปรากฏเป็นอักษรสมัย และเมื่อเรารู้เราเข้าใจเราก็วาดมโนภาพขึ้น และบรรจงการขีดเส้นลงไปให้เป็นรูปร่างลักษณะต่างๆ ด้วยความวิจิตรพิสดาร ซึ่งเกิดมาจากการศึกษาค้นคว้าให้เข้าใจในหลักธรรมทางศาสนาแล้วจึงกระทำเช่นนั้นได้
โบราณจึงนิยมสร้างภาพต่างๆ ที่น่ากลัวที่สุดไว้ตามที่สาธารณะทางศาสนา บางทีก็พิมพ์เป็นอักษรสมัยเป็นตำรับตำรา ภาพเหล่านี้แม้ว่าจะเป็นภาพที่สร้างสรรค์ขึ้นด้วยจิตนาการแต่คนเห็น คนอ่านก็รู้สึกกลัวถึงผลจากการทำความชั่ว เขาจึงต้องประสบต่อผลของกรรมชั่วอย่างนี้ อย่างน้อยที่สุดก็ยังมีส่วนที่จะเหนี่ยวรั้งจิตใจได้มากที่สุด เมื่อเกรงกลัวแล้วก็เป็นเหตุทำให้ไม่กล้าทำบาป ไม่กล้ากระทำความผิดอย่างใดอย่างหนึ่งลงไป
ถามว่าจะเข้าใจเรื่องนรก-สวรรค์ตามความเป็นจริงได้อย่างไร โลกมิติทางจิตวิญญาณได้รับความทุกข์ทรมานหรือสุขเหลือเกินในสวรรค์นั้นเป็นจริงอย่างไร ก็ต้องลงมือปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง แต่ไม่ใช่เที่ยวไปนั่งบัวดูนรก ดูสวรรค์อย่างที่เข้าใจกัน ดูกันลงที่กาย ดูกันลงที่จิตนี่แหละ ดูซิว่านรกที่จินตนาการกันออกมานั้นมันก็เกิดจากน้ำมือมนุษย์ด้วยกันนี่แหละ มันก็เกิดจากการกระทำชั่วจะเจตนาหรือไม่เจตนาของแต่ละบุคคลนั่นแหละ หนักหน่อยก็ข้ามภพข้ามชาติ ตามชดใช้กันก็มี พิจารณาดูซิว่าจิตที่ได้รับการพัฒนาระดับจิตวิญญาณให้สูงขึ้นประกอบด้วย ทาน ศีล ภาวนานั้น สุขเหมือนอยู่ในสวรรค์อย่างไร คิดสิ่งใดได้สมปรารถนาเหมือนเป็นเทวดาซะเองอย่างไร มีสัจจะ พูดสิ่งใดก็เป็นสิ่งนั้น วาจาศักดิ์สิทธิ์หยั่งกับเป็นพระอินทร์อย่างไร การปฏิบัติเข้าสู่สภาวะความเป็นเทพ ความเป็นเทวดาคงไม่เกินความสามารถของมนุษย์ที่ตั้งมั่นอยู่ในความเพียร คิดดี ทำดี พูดดี
เจริญในธรรม
มณี ปัทมะ ตารา
อ่านต่อตามลิ้งค์ด้านล่าง.....มีผู้แสดงความคิดเห็นไว้แล้ว
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=3321 |
|
|
|
   |
 |
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
27 เม.ย.2007, 4:32 pm |
  |
สาธุ  |
|
|
|
|
 |
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
27 เม.ย.2007, 4:45 pm |
  |
ความจริงแล้วนะครับ
จะบอกว่า สวรรค์ นรก ไม่ปรากฏเป็นรูปธรรมไม่ได้ ไม่ใช่นะครับ
สวรรค์ นรก มีเป็นรูปธรรม มีตัวมีตนจริง !!!
แต่ ว่า
การจะรู้ การจะเห็นได้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และไม่เหลือวิสัยคนเราที่จะเห็นได้ ต้องปฏิบัติ
มีวิธีเหมือนกัน
สวรรค์ นรก ไม่ปรากฏให้เห็นเหมือนคน เหมือนสัตว์ดิรัจฉาน บนโลกนี้ เพราะว่าเป็นโลกสำหรับคนที่แตกกายทำลายขันธ์ไปแล้ว [โลกทิพย์]
มนุษย์ สัตว์ที่ตายไป ก็ต้องไปยังโลกของเขาเอง เป็นภพเป็นภูมิ
ก่อนตรัสรู้พระพุทธเจ้า พระองค์ท่านก็ทรงปฏิบัติเหมือนกัน เจริญภาวนาสมาธิ กำจัดกิเลสนิวรณ์ด้วยองค์แห่งณาน จนเกิดอภิญญา ความสามารถพิเศษละครับ ล่วงจักษุมนุษย์ ที่เรียกว่า วิชชา ๓ ไงละครับ
มี ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ
พระองค์ทรงรู้ ทรงเห็นตลอดหมด
นี่ละครับที่ว่า "ตรัสรู้ชอบโดยพระองค์เอง" รู้เอง เห็นเอง ได้จากการปฏิบัติทั้งนั้น
เพราะอวิชชาตัวเดียว ปิดบัง นรก สวรรค์ ไม่ให้สัตว์โลกรู้ เห็น |
|
|
|
|
 |
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
27 เม.ย.2007, 4:52 pm |
  |
ใช่ครับ นรก สวรรค์มีเป็นรูปธรรม
ถ้าอยากจะเห็นต้องปฏิบัติธรรม [เจริญภาวนาเพื่อให้เกิดอภิญญา มีแต่ในพระพุทธศาสนาเท่านั้น] ให้รู้ให้เห็นสัจจธรรมและสภาวธรรมตามความเป็นจริงได้
ถ้าไม่ปฏิบัติไม่เห็นแน่นอน ถ้ามนุษย์เห็นนรก-สวรรค์ ก็ปฏิบัติธรรมไปนิพพานกันหมดซิครับ
พระเปิด สวรรค์ นรก นิพพาน มารปิด สวรรค์ นรก นิพพาน |
|
|
|
|
 |
๛ Nirvana ๛
บัวบาน


เข้าร่วม: 09 เม.ย. 2006
ตอบ: 403
|
ตอบเมื่อ:
27 เม.ย.2007, 10:02 pm |
  |
กัมมัง สัตเต วนัง สัตว์ทั้งหลาย มีกรรม เป็นของ ของตน
มีนรก ก็ย่อมมี สวรรค์ มีทุคติก็ย่อมมีสุคติ ทุกสิ่ง ย่อมเปนของคู่ หรือเรียกว่าส่วนสุดสองส่วน
หากบุคคลใด ไม่อยากเวียนว่ายในทุคติ ก็ต้องละความพอใจ ในสุคติ ด้วย
เป็นไปไม่ได้เลย ที่บุคคลจะต้องการแต่สุคติโดยไม่ก้าวล้ำไปทุคติ หากไม่ละทั้งสองคติเสีย
อิธ นนฺทติ เปจฺจ นนฺทติ กตปุญโญฺ อุภยตฺถ นนฺทติ
ปุญฺญํ เม กตนุติ นนฺทติ ภิยฺโย นนฺทุติ สุคตึ คโต
ผู้ทำบุญแล้วย่อมยินดีในโลกนี้
ตายแล้วย่อมยินดีชื่อว่ายินดีในโลกทั้งสอง
เขาย่อมยินดีว่าเราทำบุญไว้แล้ว ไปสู่สุคติย่อมยินดียิ่งขึ้น |
|
_________________ ขอความสวัสดีจงมีแด่ท่าน |
|
     |
 |
สมพร
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
28 เม.ย.2007, 9:16 am |
  |
มีแน่นอนครับแล้วก็ไปสัมผัสได้ด้วยครับ การดูนรกต้องใช้สมาธิและความสอาดของจิตให้ถึงระดับหนึ่งก็ดูได้แล้วครับ สนใจสอบถามมาที่ aeiouaaa@hotmail.com จะบอกวิธีให้ครับ |
|
|
|
|
 |
ตาตะวัน
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 22 เม.ย. 2007
ตอบ: 9
|
ตอบเมื่อ:
28 เม.ย.2007, 11:34 am |
  |
http://www.praruttanatri.com/listen.php
06-บุคคลตัวอย่างผู้ฝึกมโนมยิทธิ (ลุงบุญมี)
ฟัง 01.บุคคลตัวอย่างผู้ฝึกมโนมยิทธิ (ลุงบุญมี)-เที่ยวนิพพาน
ฟัง 02.บุคคลตัวอย่างผู้ฝึกมโนมยิทธิ (ลุงบุญมี)-เที่ยวนิพพาน, พรหมชั้นที่ 16-12
ฟัง 03.บุคคลตัวอย่างผู้ฝึกมโนมยิทธิ (ลุงบุญมี)-เที่ยวพรหมชั้นที่ 11-1, อรูปพรหม
ฟัง 04.บุคคลตัวอย่างผู้ฝึกมโนมยิทธิ (ลุงบุญมี)-เที่ยวสวรรค์, ภูมิเทวดา, รุกขเทวดา
ฟัง 05.บุคคลตัวอย่างผู้ฝึกมโนมยิทธิ (ลุงบุญมี)-เที่ยวโลกันตนรก, มหานรกขุม 1-4
ฟัง 06.บุคคลตัวอย่างผู้ฝึกมโนมยิทธิ (ลุงบุญมี)-เที่ยวมหานรกขุม 5-8, นรกบริวาร, ยมโลกียนรกขุมที่ 1-4
ฟัง 07.บุคคลตัวอย่างผู้ฝึกมโนมยิทธิ (ลุงบุญมี)-เที่ยวยมโลกียนรกขุมที่ 4-10, เปรต, อสุรกาย
ฟัง 08.บุคคลตัวอย่างผู้ฝึกมโนมยิทธิ (ลุงบุญมี)-ฝึกญาณ 8 |
|
|
|
  |
 |
...
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
28 เม.ย.2007, 3:19 pm |
  |
ตามความเห็นของผม ถ้าปรโลกไม่มี ผลแห่งบุญบาปไม่มีแล้ว ความต่างของสัตว์ทั้งหลายก็มีไม่ได้
เช่น ทำไมหมามันถึงเกิดเป็นหมา ไม่เกิดมาเป็นลูกคน สบายกว่ากันเยอะ บางคนบอกเราเลือกเกิดไม่ได้
งั้นก็แปลว่าทุกอย่างขึ้นกับดวง สัตว์บางชนิดดวงซวยหน่อยเกิดมาทนทุกข์แล้วหายไปเลยแค่นั้นหรือ
ผมเป็นคนหนึ่งที่เชื่อว่าปรโลกมีอยู่ ทางไปสวรรค์ก็มี ทางไปนรกก็ม ีทางที่เป็นอมตะอันไม่ไปเกิดที่ใด
อีกก็มีอยู่ แม้ไม่เชื่อสิ่งเหล่านี้การทำความดี ก็ไม่ทำให้เดือดร้อนมีแต่จะทำให้อุ่นใจและมีความสุข |
|
|
|
|
 |
เพื่อนนิพพาน
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
29 เม.ย.2007, 10:03 pm |
  |
นรกสวรรค์มีหรือไม่ ถ้าเราเชื่อ ก็ จะตอบว่า มีถ้าไม่เชื่อก็คิดว่าไม่มี
ความเชื่อของเรา เป็นของเรา ความเชื่อของคนอื่นก็เปนของคนอื่น เราเชื่อในสัมมา
ผลก็ออกมาเป็นสัมมา ถ้าเชื่อในมิจฉาผลก็เปนมิจฉา ความเชื่อเปนสมบัติของเรา
มันก็เท่านั้นเอง |
|
|
|
|
 |
ผู้ยากทางธรรม
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
01 พ.ค.2007, 8:15 pm |
  |
ไม่รู้เหมือนกันครับ
แต่ที่แน่ๆ ผมกำลังพยายามอยู่ ไว้ได้ผลเมื่อวันไหนจะแจ้งให้ แซ่บเด้อครับ
แต่ที่แน่ๆ เป้าหมายสูงสุด คือ อธิฐานจิตทุกครั้งหลังจากปฏิบัติขอให้บารมีให้เต็ม
ก่อนจะถึงพุทธันดรหน้า....ถ้าจะให้ดีขอให้ได้ภายในชีวิตนี้เลยอ่ะครับ...
ขอให้เจริญในธรรมทุกท่านนะครับ
สาธุ สาธุ สาธุ  |
|
|
|
|
 |
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
06 พ.ค.2007, 2:09 pm |
  |
ยังไปไม่ทั่ว จักรวาล เลย แล้วจะให้ฟันธงได้อย่างไรว่า นรก สวรรค์ มีอยู่ หรือ ไม่มีอยู่
เมื่อได้เห็นเอง เห็นกันพร้อมสายตาคนหมื่นแสน สัมผัสด้วยตนเอง พิจารณาด้วยตนเองมาแล้ว ถึงจะเชื่อ ครับ |
|
|
|
|
 |
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
07 พ.ค.2007, 10:58 pm |
  |
นรกสวรรค์ที่เป็นรูปธรรมนั้นเป็นของละเอียดอ่อนผู้รู้หลายท่านได้รับรองเอาไว้
แต่ผู้ไม่รู้ควรเชื่อในเรื่องของนรกสวรรค์ทางอายตนะ คือ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ การทำจิตของเราให้บริสุทธิ์ ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา เป็นสิ่งสำคัญกว่าเหมือนดึงศรที่มันอกเราอยู่ ผมเชื่อในเรื่องเหล่านี้มากกว่า การกำจัดต้นเหตุของความทุกข์ได้นั้นเป็นพุทธประสงค์ของพระพุทธองค์โดยแท้ golf.ff@hotmail.com |
|
|
|
|
 |
อากง
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 18 มี.ค. 2007
ตอบ: 41
ที่อยู่ (จังหวัด): สตูล
|
ตอบเมื่อ:
10 พ.ค.2007, 12:44 am |
  |
ปาล พิมพ์ว่า: |
นรกสววรค์มีจริงหรือ ? ไม่ใช่กำหนดขึ้นมาเพื่อให้คนเราเกรงกลัว แล้วจะได้ทำดีๆ กัน และไม่ทำความชั่ว เพราะว่าไม่เห็นปรากฏเป็นรูปธรรม เห็นมีแต่นามธรรมเท่านั้น จำต้องก็ยาก แล้วใครจะเชื่อว่ามีจริงแค่ไหน อย่างไร ? ผู้รู้ช่วยให้ความกระจ่างชัดเจนด้วย ไม่อยากให้อ้างแต่คำภีร์อย่างเดียว  |
ในเมื่อเรายังไม่รู้ว่า นรกมีจริงหรือไม่จริง เราก็ไม่ประมาทไว้ก่อน คือ ตามหลักพุทธศาสนาท่านก็กล่าวไว้แล้วว่าหากเราทำความดี ผลแห่งกรรมดีนั้น ย่อมจะประจักษ์แก่ใจของเราในชีวิตนี้เอง คือมีความสุข ปีติ โสมนัส รื่นเริงบันเทิงใจ และ ทีนี้ในวันข้างหน้าหากเมือ่ใดที่เราจะต้องตายไป เราก็มั่นใจได้เลยว่าหากมี นรก สวรรค์ขึ้นจริงละก้อ เราปลอดภัยแน่ๆ เพราะเราทำความดีไว้มากมาย ทีนี้ถ้าหากว่าเราตายไปแล้ว เกิดนรกสวรรค์มีไม่จริง ก็ยังถือว่าชีวิตของเราเท่าที่ได้ดำเนินมาก็ได้รับ ความสุขจากการทำความดี เป็นผลกำไรอย่างคุ้มค่าเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องเสียเวลาอะไร คิดได้อย่างนี้ก็สบายใจ หายกังวล มีความมั่นใจในชีวิตมากขึ้น
ตรงกันข้ามกับคนประมาท ที่คิดว่านรกสวรรค์ฉันไม่เชื่อหรอก ชาตินี้เกิดมา ขอกอบโกยทุกรูปแบบเอาไว้ก่อน ทีนี้ความชั่วที่เขาทำไว้เยอะแยะ ที่จริงมันก็ก่อให้ เกิดผลร้ายแก่ใจจิตของเขาทารุณมากพอแล้ว ต่อมาในยามเมื่อเขาตายไป ถ้ามันไม่มีนรก จริงๆ อย่างที่เขาว่าก็แล้วกันไป แต่ถ้าทีนี้มันเกิดมีนรกจริงๆ ขึ้นมา แล้วเขาจะทำอย่างไร จะกลับมาแก้ตัวใหม่ก็ไม่ได้อีกแล้ว และ ความทุกข์ที่ได้รับในนรกก็แสนจะทารุณ มันไม่คุ้มค่า เลยกับความสุขทางวัตถุเล็กๆ น้อยๆ ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่ตัวเองได้รับในยามเมื่อมีชิวิตอยู่เลย |
|
_________________ ทำทาน รักษาศีล เจริญสมาธิ สติ ปัญญา |
|
  |
 |
|