Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 เย็นกาย สงบใจ ใน “วัดป่าเชิงเลน” อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
สาวิกาน้อย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 27 มี.ค. 2006
ตอบ: 2065

ตอบตอบเมื่อ: 16 ส.ค. 2006, 7:20 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

เย็นกาย สงบใจ ใน “วัดป่าเชิงเลน”

แม้ว่าจะเป็นเพลาเพลกว่าๆ ของวันธรรมดาที่แสนจะธรรมดา แต่ที่หน้าปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 37 ที่มีห้างค้าปลีกต่างชาติตั้งตระหง่าน รังสีแห่งความวุ่นวายเริ่มฉายแววออกมา

รถยนต์จำนวนมากวิ่งเข้า-ออก ทำให้ถนนแถวนันเริ่มมีรถติดเล็กน้อยถึงปานกลาง ร้านค้าทั้ง แผงลอย แผงถาวร แผงบูธ เริ่มทยอยตั้งร้านรอเวลาทองช่วงหัวค่ำ นักเรียน นักศึกษา ประมาณ ม.ต้นยันมหาวิทยาลัย เริ่มออกมาเดินนวยนาดเข้าห้างกันพอประมาณ

“พี่ๆ พวกนั้นเขาไม่เรียนกันหรือ หนูว่ามันยังไม่เลิกเรียนเลยนะ” เพื่อนรุ่นน้องยิงคำถามใส่ “ผู้จัดการท่องเที่ยว” ก่อนที่เธอจะยิงคำถามต่อโดยที่ไม่สนใจฟังในคำตอบแรก

“หน้าปากซอยเป็นห้างและดูวุ่นวาย อย่างนี้เนี่ยนะจะมีวัดป่าอยู่ข้างใน ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้”


Image
[แม้ปากซอยจะเต็มไปด้วยความเจริญทางวัตถุ
แต่ที่ท้ายซอยกลับมีวัดป่าที่สงบร่มเย็นซ่อนเร้นอยู่]




........................................................

ติดตามตอนต่อไป >>
 

_________________
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว

แก้ไขล่าสุดโดย สาวิกาน้อย เมื่อ 16 ส.ค. 2006, 7:33 pm, ทั้งหมด 3 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
สาวิกาน้อย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 27 มี.ค. 2006
ตอบ: 2065

ตอบตอบเมื่อ: 16 ส.ค. 2006, 7:26 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image
[ทางเดินเข้าสู่วัด เขียวชอุ่มด้วยกอผักตบชวา]


1...


บนเส้นทางในซอยจรัญสนิทวงศ์ 37 เลี้ยวแล้วเลี้ยวเล่า รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง 2 คัน พาเรา 2 คนมาหยุดยังจุดจอดรถสุดซอย ที่เป็นสวนร่มรื่น (รถไม่สามารถเข้าถึงได้ ต้องใช้ 2 เท้าก้าวเดินสถานเดียว เข้าไปอีกประมาณ 800 เมตร จะว่าไปก็เปรียบได้กับการละกิเลสทิ้งไว้ แล้วมุ่งหน้าเข้าหาพระธรรมที่วัด) มีสระบัวหลวงอยู่ฝั่งตรงข้ามทางเดินเท้าเข้าวัดที่ร่มครึ้มและสุดแสนจะมีเสน่ห์

ช่วงแรกทางเดินเป็นทางปูนเล็กๆ ริมคลองชักพระ ที่เมื่อเดินเข้าวัดก็จะผ่านต้นไม้ใหญ่น้อย ที่เด่นๆ ก็มี ต้นไทรที่รากห้อยย้อยระย้า และต้นจิกน้ำที่ออกดอกสีขาวอมชมพูดูเป็นสาย

ส่วนช่วงก่อนเข้าสู่วัดก็สุดแสนคลาสสิค เพราะทางเดินนี่เป็นสะพานไม้เล็กๆ สร้างผ่านบึงที่ด้านหนึ่งมีผักตบขึ้นเขียวพรึ่ดดูเขียวชอุ่มไปทั้งบึง กลมกลืนไปกับทางเดินไม้กระดานที่ทอดยาวสู่ประตูวัดเชิงเลน อีกด้านเป็นกอหญ้าดงกก มีต้นมะพร้าวขึ้นรอบๆ บึงและขึ้นแซมในระหว่างทางเดิน ที่บางช่วงมีสายลมบางๆ พัดพลิ้วผ่าน

“พี่ นี่ถ้าไม่บอกไม่รู้จริงๆ นะเนี่ยว่าเดินอยู่ในกรุงเทพฯ บรรยากาศเหมือนหนูกลับบ้านนอกเลย”

เราเห็นด้วยทุกประการกับที่เพื่อนรุ่นน้องบอก ระหว่างที่เดินมาถึงยังปากทางเข้าวัด ซึ่งเป็นป้ายเขียนแบบง่ายๆ บนก้อนหินจำลองก้อนใหญ่สีเทาว่า “วัดป่าเชิงเลน”


Image
[โบสถ์ที่อย่างเรียบง่ายท่ามกลางแมกไม้ร่มครึ้ม]



........................................................

ติดตามตอนต่อไป >>
 

_________________
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว

แก้ไขล่าสุดโดย สาวิกาน้อย เมื่อ 16 ส.ค. 2006, 7:38 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
สาวิกาน้อย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 27 มี.ค. 2006
ตอบ: 2065

ตอบตอบเมื่อ: 16 ส.ค. 2006, 7:38 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image
[ใบเสมาเก่าแก่ 1 ใน 4 ที่ค้นพบเมื่อแรกสร้างวัด]


2...


...ที่นี่ไม่มีการบอกใบ้ ให้เลขหวยเบอร์ ปริศนาธรรม ความฝัน ผู้ที่มาต้องการสิ่งเหล่านี้ เชิญกลับได้ !...

เรียบง่าย แต่คมคาย กับข้อความบนแผ่นไม้เล็กๆ ที่ติดอยู่บนหัวเสาด้านหน้าของศาลา ซึ่งบ่งบอกถึงแนวทางอันชัดเจนของวัดป่าแห่งนี้ ที่มองผ่านๆ อาจจะดูเป็นวัดใหม่อายุไม่กี่ปี แต่ว่าจริงแล้วๆ วัดป่าเชิงเลนนับเป็นวัดเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา

“เดิมวัดนี้เป็นวัดร้าง จมอยู่ในดินเลน มีต้นไม้ปกคลุมทั่วไปหมด ซึ่งจากการตรวจสอบอิฐและวิธีการก่อสร้างพบว่าเป็นวัดรูปแบบเดียวกับวัดที่สร้างในสมัยอยุธยา จึงสันนิษฐานว่าวัดนี้คงมีอายุไม่ต่ำกว่า 200 ปี แต่ด้วยความที่สถานที่ตั้งวัดนั้นล้อมรอบไปด้วยคลอง ในหน้าน้ำก็จะมีน้ำท่วมขังอยู่บ่อยครั้ง ในอดีตวัดแห่งนี้จึงชำรุดทรุดโทรมกลายเป็นวัดร้างหลายครั้ง และถูกปล่อยทิ้งให้รกร้างมาเป็นร้อยปี


Image
พระอาจารย์อุทัย (ติ๊ก) ฌานุตฺตโม


จนในปี พ.ศ. 2532 พระอาจารย์อุทัย (ติ๊ก) ฌานุตฺตโม พระป่าปฏิบัติกัมมัฏฐานสายอีสานศิษย์ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี แห่งวัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย ได้ธุดงค์มาพบบริเวณวัดร้างนี้โดยบังเอิญ โดยเห็นเป็นบึงกว้างใหญ่ กลางบึงเป็นต้นอ้อขึ้นสูงกว่าที่อื่น ใต้พงอ้อเป็นกองอิฐปะปนอยู่ ซึ่งเป็นซากโบสถ์นั่นเอง ท่านจึงสอบถามชาวบ้านพร้อมกับคุยกับเจ้าของที่ว่า น่าจะสร้างเป็นวัดป่าเนื่องจากเป็นวัดที่มีความร่มรื่นมาก เหมาะกับการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน และฝึกสมาธิ ท่านจึงได้บูรณะวัดนี้ขึ้นใหม่จนแล้วเสร็จสมบูรณ์ ในปี พ.ศ. 2533”

หลวงพี่นิรนามที่เรา 2 คน เจอะเจอท่านอ่านหนังสือพระธรรมอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ได้เล่าถึงความเป็นมาของวัดนี้ (ที่เรียกท่านว่า “หลวงพี่นิรนาม” ก็เพราะว่าเมื่อ “ผู้จัดการท่องเที่ยว” ไถ่ถามฉายาของท่าน ท่านได้บอกว่า “ฉายาไม่ใช่สิ่งสำคัญ ที่สำคัญก็คือธรรมะในจิตใจต่างหาก”) “คุณโยมเจ้าของที่ไม่ขัดศรัทธายกที่ให้วัด หลังจากนั้น 6 เดือนก็สร้างกุฏิ บูรณะโบสถ์ใหม่โดยสร้างแบบเรียบง่ายเปิดโล่ง ซึ่งอิฐเก่ายังคงมีซากให้เห็นอยู่”

“ตอนเริ่มสร้างที่นี่ เจอของเก่าแก่เป็นใบเสมาเก่า 4 ใบ พระพุทธรูปเศียรขาด 3 องค์ ซึ่งตอนหลังก็ได้คืน เพราะมีคนนำเศียรพระมาทิ้งไว้ใต้ต้นไม้ เมื่อให้ช่างนำไปสวมก็ปรากฏว่าเข้ากันพอดีทั้ง 3 องค์ แต่ว่าตอนนี้พระพุทธรูปของแท้ประดิษฐานอยู่เพียงองค์เดียว เนื่องจากอีก 3 องค์ ชำรุดอย่างมาก”

หลวงพี่นิรนามพูดถึงวัตถุเก่าแก่ของวัด ก่อนที่จะเล่าเพิ่มเติมว่าในขณะที่พาเรา 2 คนไปเดินชมว่า เดิมวัดนี้ก็ร่มรื่นอยู่แล้ว แต่ยิ่งนานวันก็มีญาติโยมนำไม้ดอก ไม้ใบ และกล้วยไม้มาถวายมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ยิ่งทำให้วัดนี้ร่มรื่นมากขึ้นไปอีก

ซึ่งก็เห็นจะเป็นดังที่หลวงพี่นิรนามท่านกล่าว เพราะเท่าที่เราเดินชมบรรยากาศภายในวัด ที่แบ่งเป็นพื้นที่ของฆราวาส และพื้นที่ของบรรพชิต ก็สัมผัสได้ถึงความเรียบง่าย ความร่มรื่น และความสงบที่เกิดจากการอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ


Image
[ใบเสมาเก่าแก่ 1 ใน 4 ที่ค้นพบเมื่อแรกสร้างวัด]



........................................................

ติดตามตอนต่อไป >>
 

_________________
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
สาวิกาน้อย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 27 มี.ค. 2006
ตอบ: 2065

ตอบตอบเมื่อ: 16 ส.ค. 2006, 7:42 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image
[ดอกไม้กล้วยไม้ที่สวยงามมีพบได้ทั่วไปในวัดป่าเชิงเลน]


3...


“ที่วัดป่าเชิงเลนไม่มีเลขเบอร์ ไม่มีเครื่องรางของขลัง ไม่มีความเจริญทางด้านวัตถุ แต่ที่วัดนี้จะสอนให้คนมีความสงบทั้งทางกายและทางใจ”

หลวงพี่นิรนามรูปเดิมบอก “ผู้จัดการท่องเที่ยว” และเพื่อนรุ่นน้อง พร้อมกับขยายความต่อ

“ความสงบทางกายที่ได้จากการมาที่วัดนี้ก็อย่างที่คุณโยมเห็น คือเมื่อกายได้มาสัมผัสกับความร่มเย็นของธรรมชาติ ต้นไม้ที่เขียวครึ้ม สายน้ำที่ไหลเย็น รวมถึง ดอกไม้กล้วยไม้ที่ออกดอกให้สีสันสวยงาม กายก็จะเกิดความเย็นสบายแล้วก็กลายเป็นความสงบขึ้นมา”

“แต่ว่าความสงบทางกายก็ถือเป็นความฉาบฉวยนะคุณโยม เพราะความสงบที่แท้จริงมันต้องเป็นความสงบในจิตใจ ใครที่มาที่นี่หากมาสนทนาธรรมกับพวกอาตมา พวกอาตมาก็จะสอนให้รักษาศีล สอนการกำหนดสมาธิ รวมถึงวิธีการทำจิตให้สงบ เพราะถ้าจิตสงบมันก็จะไม่เกิดกิเลส”

แม้ว่ายังไม่ทันจะได้สนทนาธรรมกับท่านหลวงพี่นิรนามเลย แต่จากข้อความเพียงไม่กี่ประโยคที่ท่านได้กล่าวมา เรา 2 คนก็รู้สึกว่าคำพูดเหล่านั้น ช่างเป็นประโยคที่ทรงคุณค่าเสียนี่กระไร

ด้วยเจตนาที่จะให้วัดนี้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม และละกิเลสในเชิงวัตถุทั้งปวง วัดแห่งนี้จึงไม่มีการก่อสร้างอาคารอะไรใหญ่โต สิ่งปลูกสร้างต่างๆ แทรกตัวอยู่ท่ามกลางร่มไม้ ซึ่งเมื่อได้เข้าเขตวัดแล้วสิ่งแรกที่รู้สึกเลยก็คือ ความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่น้อยเต็มทั่วทั้งวัด ซึ่งต้นไม้เหล่านี้นอกจากของเดิมที่มีอยู่แล้ว ท่านเจ้าอาวาสก็ได้หามาปลูกเพิ่มเติม อีกทั้งญาติโยมก็ได้นำไม้ดอกไม้ใบและกล้วยไม้ต่างๆ มาถวายที่วัด ทำให้มองไปทางไหนก็เห็นแต่สีเขียวของต้นไม้สบายตายิ่งนัก

นอกจากนั้นแล้ว สิ่งก่อสร้างต่างๆ ภายในวัด ซึ่งมีเพียงอุโบสถหลังเล็ก ศาลาการเปรียญ ศาลากลางน้ำ และศาลาร่วมใจซึ่งประดิษฐานพระพุทธรูปก็ยิ่งทำให้ความสงบเรียบง่ายนั้นเด่นชัดขึ้นมาอีก ส่วนกุฏิของพระสงฆ์ก็แยกส่วนกันอย่างชัดเจนเป็นระเบียบ


Image
[ศาลากลางน้ำร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่]



........................................................

ติดตามตอนต่อไป >>
 

_________________
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
สาวิกาน้อย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 27 มี.ค. 2006
ตอบ: 2065

ตอบตอบเมื่อ: 16 ส.ค. 2006, 7:49 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image
[พระประธานในอุโบสถวัดป่าเชิงเลน]


4...


ด้วยความที่วัดเงียบสงบอย่างนี้ จึงถามพระท่านว่า ในวัดนี้มีพระอยู่กี่รูปกัน ก็ได้คำตอบมาว่า มีพระเพียง 4 รูป และเณรอีก 2 รูป เท่านั้นที่คอยดูแลวัดแห่งนี้ โดยกิจวัตรประจำวันจะเริ่มตั้งแต่ ตี 3 ของทุกวัน ฉันมื้อเดียว และจะต้องทำวัตรเย็นนั่งสมาธิเป็นประจำทุกวัน และผู้ที่มาที่วัดแห่งนี้ส่วนใหญ่ก็มักจะมานั่งสมาธิฝึกจิตใจกันที่นี่ด้วย ซึ่งในเมื่อเป็นวัดป่าที่เคร่งในเรื่องของการปฏิบัติธรรมเช่นนี้ หลวงพี่รูปนั้นจึงบอกว่าวัดนี้คงไม่สร้างจตุคามแน่นอน

กราบลาหลวงพี่มาแล้ว จึงเข้าไปไหว้พระบน ศาลาร่วมใจ ศาลาลอยน้ำซึ่งมี พระพุทธสิริสัตตราช เป็นพระประธานอยู่ด้านบน และข้างๆ กันนั้นยังมีรูปหล่อของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตและหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ซึ่งเป็นพระป่าของทางภาคอีสานที่มีชื่อเสียงเป็นที่เคารพนับถือ นอกจากนั้นก็ยังมีพระบรมธาตุ และอัฐิธาตุของพระเกจิเหล่านั้นด้วย

ไม่ไกลกันนัก เป็นที่ตั้งของอุโบสถขนาดค่อนข้างเล็ก ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใบไม้ ผนังทั้งสี่ด้านของโบสถ์เปิดโล่งรับลมเย็นๆ ที่พัดผ่านคลองด้านหลังวัด รอบๆ อุโบสถนี้ยังมีเสมาเก่าแก่ของวัดที่ขุดพบ และทางวัดก็ยังคงเหลือแนวอิฐเก่าที่เป็นฐานรากของโบสถ์หลังเก่าสมัยอยุธยา รวมทั้ง รูปถ่ายของโบสถ์เก่าก่อนที่จะบูรณะไว้ให้เห็นด้วย

ภายในอุโบสถนี้มีพระประธานซึ่งเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่คู่วัด ก่อนนี้มีพระพุทธรูปสามองค์ด้วยกัน แต่ถูกตัดเศียรไป แต่ในขณะที่บูรณะวัดก็พบว่ามีคนนำเศียรพระห่อผ้าขาวมาวางทิ้งไว้ เมื่อลองประกอบดูก็พบว่าพอดีกับองค์พระที่มีอยู่ จึงได้บูรณะขึ้นใหม่ แต่ปัจจุบันเหลืออยู่เพียงองค์เดียวเท่านั้น เพราะอีกสององค์ที่เหลือชำรุดทรุดโทรมมากแล้ว

หลังจากกราบพระภายในอุโบสถแล้ว ก็นั่งพักชมบรรยากาศภายในวัดอยู่สักครู่หนึ่ง และรู้สึกประทับใจกับความเงียบสงบของวัดแห่งนี้เป็นอย่างยิ่ง จนอยากจะแนะนำให้ผู้ที่ต้องการหาวัดเล็กๆ ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน ไม่มีสิ่งฟุ่มเฟือยเกินฐานะของความเป็นวัด อีกทั้งยังมีความสงบร่มรื่นเหมาะแก่การนั่งคิดอะไรเงียบๆ มาที่วัดป่าเชิงเลนแห่งนี้


Image
[พระพุทธรูปในศาลาร่วมใจ]



........................................................

ติดตามตอนต่อไป >>
 

_________________
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
สาวิกาน้อย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 27 มี.ค. 2006
ตอบ: 2065

ตอบตอบเมื่อ: 16 ส.ค. 2006, 7:57 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

5...


ณ ปากซอยจรัญฯ 37 เวลาเลิกงาน หน้าห้างค้าปลีกต่างชาติที่รถราติดระยับ น้องๆ นักศึกษาเดินกันเป็นกลุ่มผ่าน “ผู้จัดการท่องเที่ยว” และเพื่อนรุ่นน้องไป บางคนคุยกันเรื่องมือถือรุ่นใหม่ บ้างก็คุยเรื่องของหนังที่เข้าใหม่ ฯลฯ เพื่อนรุ่นน้องเลยถามลอยๆ ออกมาว่า

“พี่...พี่ว่า...น้องพวกนั้นเขาจะรู้มั๊ยว่า ในสุดซอยนี้จะมีวัดป่าที่สงบร่มเย็นอยู่ ???”


........................................................

วัดป่าเชิงเลน เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวมุมมองใหม่ในบางกอก ตั้งอยู่สุดซอยจรัญสนิทวงศ์ 37 (ซอยวัดเพลง มีห้างแม็คโครอยู่ปากซอย) แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร สำหรับเส้นทางจากปากซอยสู่วัดป่าเชิงเลน แม้ว่าจะมีป้ายบอกตลอดทาง แต่ว่าก็ผ่านหลายโค้งมากทางที่ดีควรให้มอเตอร์ไซค์รับจ้างนำทาง ซึ่งเมื่อไปสิ้นสุดทางรถจะเป็นสวนริมน้ำร่มรื่น ต่อจากนั้นเดินเท้าผ่านสวนไปอีกประมาณ 800 เมตร ก็จะถึงเขตวัดป่าเชิงเลน สอบถามรายละเอียด โทรศัพท์ 02-865-5645 ถึง 6

สำหรับวัดป่าเชิงเลนจะแบ่งพื้นที่เป็นเขตบรรพชิตและเขตฆราวาสอย่างชัดเจน โดยมีพื้นที่รองรับคนทั่วไปแบบวัดยังคงความสงบไม่น่าเกิน 100 คน ซึ่งคนที่ไปควรสำรวมในกาย วาจา ใจ ส่วนใครที่จะติดต่อไปเป็นหมู่คณะ ลองให้ติดต่อผ่านกองการท่องเที่ยว กทม. เพื่อช่วยให้ประสานงานให้ โทรศัพท์ 0-2225-7612-4

........................................................

ข้อมูลจากผู้จัดการออนไลน์
http://www.manager.co.th/dhamma/

เว็บไซต์วัดป่าเชิงเลน
http://www.luangpumun.org/watpakrangkrung/
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง