Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
รำลึกถึงอุปลมณี แก้วมณีแห่งเมืองอุบล (เสฐียรพงษ์ วรรณปก)
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ผู้ตั้ง
ข้อความ
สาวิกาน้อย
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 27 มี.ค. 2006
ตอบ: 2065
ตอบเมื่อ: 04 ส.ค. 2006, 5:06 pm
รำลึกถึงอุปลมณี แก้วมณีแห่งเมืองอุบล
โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก
ทุกข์มี เพราะยึด
ทุกข์ยืด เพราะอยาก
ทุกข์มาก เพราะพลอย
ทุกข์น้อย เพราะหยุด
ทุกข์หลุด เพราะปล่อย
ข้อความข้างต้นนั้นเป็นคติพจน์สำคัญบทหนึ่ง ของพระเถระผู้เป็นอาจารย์วิปัสสนาชื่อก้อง เป็นที่เคารพยกย่องขอประชาชนทั่วประเทศ ตลอดถึงนานาประเทศด้วย
พระคุณเจ้าที่ว่านี้คือ พระโพธิญาณเถร
อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองป่าพง อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี หรือที่รู้จักกันในนาม
หลวงพ่อชา สุภัทโท
หลวงพ่อชา ถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2535 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานเพลิงศพท่าน ในวันเสาร์ที่ 16 มกราคม ในปีถัดมา
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ล้นเกล้า ล้นกระหม่อม เหล่าศิษยานุศิษย์ตลอดถึงพุทธศาสนิกชนผู้ศรัทธาเลื่อมใสในปฏิปทาของหลวงพ่อทั้งในและต่างประเทศ ต่างก็หลั่งไหลไปยังจังหวัดอุบลราชธานี จุดหมายปลายทางคือวัดหนองป่าพง เพื่อร่วมงานพระราชทานเพลิงศพของท่าน
ว่ากันว่า รถทัวร์ รถไฟ เครื่องบิน ถูกจองที่นั่งกันเต็มเอี้ยด ผู้คนหลั่งไหลไปมืดฟ้ามัวดิน จนบริเวณวัดหนองป่าพงแทบไม่มีที่ให้ยืน วันนั้นโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 ได้ถ่ายทอดสด ให้ผู้ชมได้ชมบรรยากาศของงานทั่วประเทศ ผมได้รับเกียรติเป็นพิธีกรบรรยายออกอากาศคนหนึ่งร่วมกับพิธีกรของโทรทัศน์ช่อง 11 คือคุณรวงทอง ยศธำรง นับเป็นบุญของผมที่ได้มีโอกาสร่วมงานบุญกุศลครั้งนี้ โดยไม่คาดคิดมาก่อน
และยังจำควันหลงจากงานนี้ดี เมื่อคุณรวงทองถามผมว่า
พระราชทินนามของ หลวงพ่อชา สุภัทโท
อ่านว่าอย่างไร ผมบอกให้เธออ่านว่า
พระ-โพ-ทิ-ยาน-เถน
เธออ่านตามผมบอกมีท่านผู้รู้บางท่านติงว่า อ่านผิด ต้องอ่านว่า เถ-ระ ส่วน เถน นั้นหมายถึง มหาโจร ไม่เชื่อขอให้เปิดพจนานุกรมดูได้
ผมต้องชี้แจงว่า เถน ถ้าเป็นศัพท์เขียนอย่างนี้แปลว่าขโมย นั้นใช่แล้ว แต่
เถน
ที่เป็นคำอ่านของ โพธิญาณเถร ถึงจะอ่านออกเสียงว่า เถน มิได้แปลว่า ขโมย
สมณศักดิ์ที่ลงท้ายด้วยคำว่า
เถน
เป็นสมณศักดิ์ที่พระราชทานแก่พระวิปัสสนาจารย์ เช่น
พระอุดมวิชาญาณเถร, พระวิสุทธิสารเถร, พระพรหมยานเถร
คำอ่านที่ถูกท่านอ่าน
เถน
ทั้งนั้น ถ้าต้องการให้อ่าน เถระ จะต้องประวิสรรชนีย์ว่า เถระ ครับ
ขอนั่งยันนอนยันว่า พระโพธิญาณเถร อ่านว่า พระ-โพ-ทิ-ยาน-เถน ถูกต้องแล้ว
ท่านลุง ประสก ผู้ล่วงลับก็คงได้รับคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้เขียนบทความยืนยันเช่นเดียวกับผมว่า
คำนี้อ่านว่า พระ-โพ-ทิ-ยาน-เถน
แล้วหยอดท้ายด้วยสำนวนเฉพาะตัวว่า อ่านอย่างนี้ ถูกที่สุดในโลก !
ภูมิทางปริยัติของหลวงพ่อจบแค่นักธรรมเอก แต่ท่านคิดว่าพื้นความรู้แค่นี้เพียงพอแล้ว จึงแสวงหาอาจารย์วิปัสสนาผู้จะช่วยแนะนำวิธีปฏิบัติ รู้ว่ามีอาจารย์ดีที่ไหนก็ดั้นดันไปหา เช่น
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
เป็นต้น
น่าสังเกตว่าหลวงปู่มั่นเป็นธรรมยุต หลวงพ่อชาเป็นมหานิกาย กระนั้นหลวงปู่มั่นก็ยินดีถ่ายทอด เทคนิควิธีการปฏิบัติให้ และไม่ชวนให้บวชแปลงเป็นธรรมยุตดังเคยชวนอาจารย์รูปอื่น ท่านกลับเทศน์สอนหลวงพ่อชาว่า ไม่ต้องสงสัยในนิกายทั้งสอง นิกายนั้นนิกายนี้เป็นเพียงเปลือกนอกที่ผู้หนาด้วยกิเลสหลงยึดติด และคนเขลาเท่านั้นหลงบูชา
หลวงพ่อชาตระหนักว่าการปฏิบัติจะไม่ก้าวหน้าถ้าหากรักษาศีลไม่บริสุทธิ์ จึงพยายามรักษาศีลและวัตรอย่างเคร่งครัด ฉันอาหารมื้อเดียว ไม่จับต้องเงินทอง และไม่มีไว้ครอบครองจวบจนอายุขัย ไม่หน้าไหว้หลังหลอก ทำทีเคร่งต่อหน้าคน พอโยมคล้อยหลังก็งัด ปัจจัย ออกมานับ เอาก้านธูปเขี่ยหนึ่งร้อย...สองร้อย...ห้าร้อย...พันหนึ่ง...จนคนเขาแอบตั้งฉายาว่า หลวงเขี่ย
ความเคร่งครัดเอาจริงเอาจังในการปฏิบัติ ทำให้มีผู้ศรัทธามามอบตัวเป็นศิษย์ รับการอบรมจากท่านมากขึ้นตามลำดับ รวมถึง ชาวต่างประเทศจำนวนไม่น้อย ศิษย์เหล่านี้แยกย้ายกันไปตั้งสาขา ขึ้นทั้งในและต่างประเทศจำนวนร้อยกว่าแห่ง
สาขาหนึ่งมีพระฝรั่งล้วนชื่อ วัดป่านานาชาติแห่งหนึ่ง อยู่ประเทศออสเตรเลียแห่งหนึ่ง อยู่ที่ประเทศอิตาลีห่างจากสำนักวาติกันไม่กี่ก้าว อีกสามแห่งอยู่ที่ประเทศอังกฤษ
รอยมือ-รอยเท้าพระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)
ณ เจดีย์วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
น่าอัศจรรย์ก็คือ หลวงพ่อพูดภาษาฝรั่งไม่ได้ ศิษย์พูดไทยไม่ได้ แต่อาจารย์ก็ถ่ายทอดธรรมแก่ศิษย์ได้
นี่กระมั่งที่ท่านว่า
ถ่ายทอดจากใจถึงใจ
สัจธรรมไม่จำเป็นต้องสื่อผ่านภาษา ย่อมเป็นที่รับรู้กันได้กระจ่างยิ่งกว่าใช้ภาษาถ่ายทอดเสียอีก
ท่านเขมธัมโม
ศิษย์เอกรูปหนึ่งเล่าว่า วันหนึ่งมีขอนไม้ขวางทางเดิน หลวงพ่อบอกให้ศิษย์ช่วยกันหามออกโดยหลวงพ่อยกปลายข้างหนึ่ง ศิษย์ยกอีกข้างหนึ่ง ขณะยกหลวงพ่อพูดว่า หนักไหมๆ หลังจากโยนขอนไม้ลงข้างทางแล้ว หลวงพ่อถามว่า เบาไหมๆ ศิษย์ก็ได้แต่ตอบว่า ครับๆ
หลวงพ่อแบมือทั้งสองข้าง พูดดังๆ ว่า เบา สบาย
ต่อมาจึงรู้ว่า หลวงพ่อท่านกำลังสอนธรรมให้
เมื่อไปอังกฤษ หลวงพ่อพาศิษย์ออกบิณฑบาตสร้างความฮือฮาไปทั่ว ร่ำๆ จะถูกตำรวจจับข้อหาว่า ทำผิดกฎหมาย เพราะออกขอทาน (ฝรั่งไม่รู้ว่าบิณฑบาตกับขอทานไม่เหมือนกัน) ร้อนถึงทนายคนหนึ่งช่วยชี้แจงว่านี้เป็นธรรมเนียมของพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา จึงรอดตัวไป
เมื่อศิษย์ถามว่าท้วงว่า
ถึงออกบิณฑบาตก็ไม่มีคนใส่
หลวงพ่อตอบอย่างเฉียบคมว่า
เราบิณฑบาตเอาคน ไม่ได้หวังเอาข้าว
และการ บิณฑบาตเอาคน ของหลวงพ่อก็ได้ผล หลังจากวันนั้น ฝรั่งมายืนรอใส่บาตรกันมาก หน้าหลายตา และหันมาสนใจในพระพุทธศาสนาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และนับวันจะเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ เพราะได้ศิษย์ฝรั่งกลับไปตั้งวัดสอนฝรั่งด้วยกัน ย่อมจะได้ผลกว่าส่งพระไทยไปตั้งวัดสอนฝรั่งเพราะธรรมทูตไท ส่งไปเผยแผ่พระพุทธศาสนายังต่างแดนกี่ชุดๆ ทำได้แค่สนองความต้องการของชาวพุทธไทย ด้านพิธีกรรมเท่านั้นเอง
จำได้ว่า คืนก่อนวันพระราชทานเพลิงศพ รายการทีวียกกองไปถ่ายทอดสดที่วัดหนองป่าพง พิธีกรถามพระลูกศิษย์หลวงพ่อชาว่า
หลวงพ่อชามีดีอะไร พระฝรั่งจึงเคารพนับถือท่านเหลือเกิน
น่าแปลก ที่คำตอบแทนที่จะเป็นเรื่องมหัศจรรย์อื่นๆ กลับเป็นเรื่องธรรมดาๆ พื้นๆ คือ
หลวงพ่อชาเป็นพระมีเมตตา
ศิษย์ฝรั่งอีกรูปหนึ่งอุปมาว่า หลวงพ่อเหมือนกับพระที่มีความสุขนั่งอยู่บนใบบัว ทำให้มองเห็นภาพ ใบหน้ากลมๆ ยิ้มละไมอยู่เสมอ
ใช่แล้ว กบอ้วนนี้ช่างมีความสุขเหลือเกิน !
เมตตากรุณาที่ฉายออกทางใบหน้าท่าทาง เป็นผลสัมฤทธิ์แห่งการปฏิบัติ
คนเรานั้นอาจแสดงเมตตากรุณาผ่านคำพูดคำสอนอันไพเราะเพราะพริ้งได้ แต่คนที่ได้เรียนรู้และปฏิบัติจนได้สัมผัสผลแห่งการปฏิบัตินั้น ทั้งเนื้อทั้งตัวของเขา เป็นเมตตากรุณา
หลวงพ่อชาเป็นพระจัดอยู่ในประเภทหลังนี้ ไม่ว่าพระจีน พระไทย คงได้มีเมตตากรุณาแล้ว ย่อมเป็นที่รักเคารพของคนทั้งหลาย
เมื่อถามถึงเทคนิคการสอนของหลวงพ่อชา ศิษย์ทั้งหลายต่างเห็นพ้องต้องกันว่า หลวงพ่อสอนธรรมใช้ภาษาง่ายๆ แต่ลึกซึ้ง เช่นสอนว่า
สุนัขนอนอยู่บนกองข้าวเปลือก มันหิว มันก็กระโจนออกจากกองข้างเปลือก วิ่งหาเศษอาหารกิน ทั้งๆ ที่มันนอนทับอาหารอยู่ แต่มันไม่รู้จัก อาหารมันมีอยู่แต่มันกินไม่ได้ เหมือนกับคนที่เรียนรู้ปริยัติมากๆ แต่ไม่รู้จักเอาความรู้นั้นมาปฏิบัติให้เกิดผล โง่ไม่ต่างจากสุนัขนอนอยู่บนกองข้าวเปลือกดอก ท่านว่าอย่างนั้น
คำสอนง่ายๆ แต่ยิ่งคิดตามก็ยิ่งลึกล้ำคัมภีร์ภาพเช่นที่ว่านี้ ศิษยานุศิษย์ได้รวบรวมพิมพ์เป็นหนังสือเล่มใหญ่ชื่อ อุปลมณี หนาถึง 584 แจกเป็นบรรณาการในงานพระราชทานเพลิงศพของท่าน ถามว่า จะหาอ่านได้ที่ไหน ผมก็ได้แต่บอกไปว่า ไม่ทราบ ผมก็มีอยู่เล่มเดียว ใครอยากดู ให้ดูได้ แต่ห้ามยืม เพราะผมหวงมากเปิดอ่านอยู่เสมอ
ได้เอ่ยถึงศิษย์รุ่นแรกรูปหนึ่งชื่อ
ท่านเขมธัมโม
ท่านรูปนี้ได้ไปเปิดสำนัก
วัดป่าสันติธรรม
อยู่ที่เมืองวอริค ประเทศอังกฤษ ทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา โดยเฉพาะสอนกรรมฐานแก่นักโทษ ไม่เลือกศาสนาใด ได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ และรัฐบาลเป็นอย่างดี สามารถสร้าง
คุกเปิด
แห่งแรกขึ้นในสหราชอาณาจักร เอานักโทษมาสวดมนต์ฝึกกรรมฐาน จัดตั้ง
องค์การองคุลิมาล
ขึ้นช่วยเหลือนักโทษให้กลับเนื้อกลับตัว งานของท่านได้รับการยอมรับทั่วไป จนสมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษได้พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้น
O.B.E.
นับเป็นพระในพระพุทธศาสนารูปแรกที่ได้รับเกียรตินี้ ทางคณะสงฆ์ไทยได้ขอพระราชทานสมณศักดิ์ชั้นพระราชาคณะที่
พระภาวนาวิเทศ
เมื่อปีที่ พ.ศ. 2547 ให้กับท่าน
ท่านเขมธัมโม ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้น O.B.E.
จากสมเด็จพระราชินีแห่งสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2546
ท่านเขมธัมโม กับ ศ.(พิเศษ) เสฐียรพงษ์ วรรณปก
ท่านเขมธัมโม ขณะบวชให้กับกุลบุตรชาวต่างชาติ
หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน หน้า 6
คอลัมน์ รื่นร่ม รมเยศ โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก
วันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 29 ฉบับที่ 10179
แมวขาวมณี
บัวบาน
เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2006
ตอบ: 307
ตอบเมื่อ: 04 ส.ค. 2006, 7:57 pm
สา....ธุ
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th