ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
ลูกโป่ง
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
07 ก.ค.2006, 4:51 pm |
  |
การเจริญวิปัสสนากรรมฐาน
ถ้าพูดตามสมัยใหม่เขานิยมเรียกว่า มาพัฒนาจิต
มาพัฒนาคุณธรรม ข้อเท็จจริงเป็นเรื่องเก่า
เป็นเรื่องตั้งแต่พระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่โน้น
ทรงชี้แจงต่อพุทธศาสนิก ให้บำเพ็ญจิตภาวนา
พัฒนาจิตให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ชีวิต
โดยใช้สติปัญญาเป็นอาภรณ์ประดับจิตนั่นเอง
วิธีปฏิบัติในสติปัฏฐานสี่
ที่เรียกว่า ทางสายเอกของพระพุทธเจ้านั้นเอง
เรียกว่าการเจริญวิปัสสนา
เป็นธุระหน้าที่ที่เราจะต้องดำเนินวิถีชีวิต
โดยใช้สติปัญญาเป็นอาวุธ
เพื่อไม่ให้พลาดผิดในการทำงานทุกอย่าง
เพราะหน้าที่และการงานเป็นผลงานของชีวิต
ที่เราต้องทำโดยใช้สติปัญญาตลอดเวลา
แต่การทำงานที่ประกอบไปด้วยปัญญานั้น
ถ้าเราไม่ฝึก เราไม่อบรม
ด้วยความอดทนอย่างยิ่งแล้ว
เราจะไม่พบความจริงดังที่กล่าวแล้ว…
ขอให้นักปฏิบัติเดินให้มาก ๆ
ถ้าท่านผู้ใดเดินไม่ได้เพราะขาไม่ดี
ปวดแข้งปวดขา เดินไม่ได้เลยก็ไม่เป็นไรนะ
เราก็นั่ง เราก็นอนได้ ทุกวิถีทางอิริยาบถ ๔
ทำได้ทุกอิริยาบถ แต่ถ้าเราอินทรีย์พร้อมมูลบริบูรณ์ดี
ก็ยืนเดินนั่งนอนได้ ก็ทำให้เราทำได้ไว
ทำให้ติดต่อกัน ไปได้ไวมากโดยไม่ขาดสาย
แต่พระพุทธเจ้าทรงชี้แจงแสดงไว้ว่า
การปฏิบัตินี้จะยืนก็ได้ จะเดินก็ได้
จะนั่งก็ได้ จะนอนก็ได้ ในอิริยาบถ ๔
ด้วยกาย เวทนา จิต ธรรม
ในภาคกาย ในภาคเวทนาต้องครบ
เพราะทุกคนต้องมีเวทนาด้วยกันไม่พลาดแน่
ไม่ใช่นั่งสบาย ไม่มีเวทนาเลย
นี่แหละ อริยสัจ ๔ ก็ครบในอิริยาบถ
นี่เหมือนกันโดยกาย เวทนา จิต ธรรม
มันก็อยู่ตรงนี้ทั้งนั้น
ต้องมีภาคกาย ภาคเวทนา
ปวดเมื่อยทุกข์กาย ทุกข์ใจ
สุขกาย สุขใจ
และก็เป็นแบบเรียนเป็นบทเรียนให้เรา
ที่เราจะต้องใช้เป็นตำราอยู่ในเวทนาครบ
สติก็ดีขึ้นในเวทนา
ด้วยวิธีฝึกกำหนดเวทนาเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป
แล้วอนิจจังไม่เที่ยงเป็นทุกข์
ก็แก้ไขได้โดยอนิจจังคือความไม่เที่ยง
มันเป็นทุกข์อย่างนี้แหละหนอ
แล้วอนัตตาก็แสดงให้เราเห็น
เป็นพระไตรลักษณ์เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป
สูญไปไม่มีอะไรติดตัว
เดี๋ยวก็วนมาอีกเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป
ก็เรียกว่าอนัตตา
มันเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติของมันเองโดยเฉพาะ
เรียกตามศัพท์ภาษาธรรมะก็เรียกว่าพระไตรลักษณ์
เกิดขึ้นแก่เราในขณะนั้น
ปัญญาถึงจะเกิดต่อภายหลัง
จึงเรียกว่า วิปัสสนาตอนนั้น ตอนต้นก็เรียกว่าอุปาทาน
ยังมีขันธ์ในอุปาทาน ยังยึดขันธ์อยู่
เช่นรูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์
สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์
มันมีขันธ์ทั้ง ๕ อยู่ที่เราครบ
ปรารภกำหนดก็มีอยู่ ๒ ประการ มีรูปกับนามเท่านั้น
อย่างอื่นหาได้มีไม่ เลยก็ไม่มีตัวไม่มีตน
ไม่มีเราไม่มีเขา แล้วจะมีทิฐิมานะต่อกันอย่างไรเล่า
อันนี้ภาวะมันจะบอกเองโดยเฉพาะอีกประการหนึ่ง
 |
|
|
|
   |
 |
สาวิกาน้อย
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 27 มี.ค. 2006
ตอบ: 2065
|
ตอบเมื่อ:
11 ก.ค.2006, 10:51 am |
  |
ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ คุณลูกโป่ง |
|
|
|
    |
 |
|