ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
กก
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
08 ก.ค.2006, 11:01 pm |
  |
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕
สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
มัจฉริสูตรที่ ๙
[๑๔๘] เทวดาทูลถามว่า คนเหล่าใดในโลกนี้ เป็นคนตระหนี่ เหนียวแน่น ดีแต่ว่าเขาทำการกีดขวางคนเหล่าอื่นผู้ให้อยู่ ฯวิบากของคนพวกนั้นจะเป็นเช่นไร และสัมปรายภพของเขาจะเป็นเช่นไร ฯ ข้าพระองค์มาเพื่อทูลถามพระผู้มีพระภาค ไฉนข้าพระองค์จึงจะรู้ความข้อนั้น ฯ
[๑๔๙] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า คนเหล่าใดในโลกนี้ เป็นคนตระหนี่ เหนียวแน่น ดีแต่ว่าเขาทำการกีดขวางคนเหล่าอื่นผู้ให้อยู่ ฯ คนเหล่านั้นย่อมเข้าถึงนรก กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน หรือยมโลก ถ้าหากถึงความเป็นมนุษย์ ก็เกิดในสกุลคนยากจน ซึ่งจะหาท่อนผ้า อาหาร ความร่าเริงและความสนุกสนานได้โดยยาก ฯ คนพาลเหล่านั้นต้องประสงค์สิ่งใดแต่ผู้อื่น เขาย่อมไม่ได้สิ่งนั้น สมความปรารถนา นั่นเป็นผลในภพนี้ และภพหน้าก็ยังเป็นทุคติอีกด้วย ฯ
[๑๕๐] เทวดาทูลถามว่า ก็ข้อนี้ข้าพระองค์เข้าใจชัดอย่างนี้ (แต่) จะทูลถามข้ออื่นกะพระโคดมอีก ชนเหล่าใดในโลกนี้ได้ความเป็นมนุษย์แล้วรู้ถ้อยคำ ปราศจากความตระหนี่ เลื่อมใสในพระพุทธเจ้าพระธรรมและพระสงฆ์ เป็นผู้มีความเคารพแรงกล้า วิบากของชนเหล่านั้นจะเป็นเช่นไร และสัมปรายภพของเขาจะเป็นเช่นไร ข้าพระองค์มาเพื่อทูลถามพระผู้มีพระภาค ไฉนข้าพระองค์จึงจะรู้ความข้อนั้น ฯ
[๑๕๑] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ชนเหล่าใดในโลกนี้ได้ความเป็นมนุษย์แล้ว รู้ถ้อยคำปราศจากความตระหนี่ เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์ เป็นผู้มีความเคารพแรงกล้า ชนเหล่านี้ย่อมปรากฏในสวรรค์อันเป็นที่อุบัติ หากถึงความเป็นมนุษย์ ย่อมเกิดในสกุลที่มั่งคั่ง ได้ผ้าอาหารความร่าเริงและความสนุกสนานโดยไม่ยาก มีอำนาจแผ่ไปในโภคทรัพย์ที่ผู้อื่นหาสะสมไว้ บันเทิงใจอยู่ นั่นเป็นวิบากในภพนี้ ทั้งภพหน้าก็เป็นสุคติ ฯ
ชราวรรคที่ ๖
ชราสูตรที่ ๑
[๑๕๘] เทวดาทูลถามว่า อะไรหนอยังประโยชน์ให้สำเร็จ จนกระทั่งชรา อะไรหนอ
ตั้งมั่นแล้วยังประโยชน์ให้สำเร็จ อะไรหนอเป็นรัตนะของคนทั้งหลาย อะไรหนอโจรลักไปได้ยาก ฯ
[๑๕๙] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ศีลยังประโยชน์ให้สำเร็จจนกระทั่งชรา ศรัทธาตั้งมั่นแล้วยัง
ประโยชน์ให้สำเร็จ ปัญญาเป็นรัตนะของคนทั้งหลาย บุญอันโจรลักไปได้ยาก ฯ
อุปปถสูตรที่ ๘
[๑๗๒] เทวดาทูลถามว่า
อะไรหนอบัณฑิตกล่าวว่าเป็นทางผิด
อะไรหนอสิ้นไปตามคืนและวัน
อะไรหนอเป็นมลทินของพรหมจรรย์
อะไรหนอมิใช่น้ำแต่เป็นเครื่องชำระล้าง ฯ
[๑๗๓] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ราคะบัณฑิตกล่าวว่าเป็นทางผิด
วัยสิ้นไปตามคืนและวัน
หญิงเป็นมลทินของพรหมจรรย์
หมู่สัตว์นี้ย่อมติดอยู่ในหญิงนี้
ตบะและพรหมจรรย์นั้น มิใช่น้ำแต่เป็นเครื่องชำระล้าง ฯ
ทุติยสูตรที่ ๙
[๑๗๔] เทวดาทูลถามว่า
อะไรหนอเป็นเพื่อนของคน
อะไรหนอย่อมปกครองคนนั้น
และสัตว์ยินดีในอะไรจึงพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ ฯ
[๑๗๕] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ศรัทธาเป็นเพื่อนของคน
ปัญญาย่อมปกครองคนนั้น
สัตว์ยินดีในพระนิพพานจึงพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ ฯ
ตัณหาสูตรที่ ๓
[๑๘๒] เทวดาทูลถามว่า
โลกอันอะไรหนอย่อมนำไป
อันอะไรหนอย่อมเสือกไสไป
โลกทั้งหมดเป็นไปตามอำนาจของธรรมอันหนึ่งคืออะไร ฯ
[๑๘๓] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
โลกอันตัณหาย่อมนำไป
อันตัณหาย่อมเสือกไสไป
โลกทั้งหมดเป็นไปตามอำนาจของธรรมอันหนึ่งคือตัณหา ฯ
อิจฉาสูตรที่ ๙
[๑๙๔] เทวดาทูลถามว่าโลกอันอะไรผูกไว้
เพราะกำจัดอะไรเสียจึงจะหลุดพ้น
เพราะละอะไรได้ขาด จึงตัดเครื่องผูกได้ทุกอย่าง ฯ
[๑๙๕] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
โลกอันความอยากผูกไว้
เพราะกำจัดความอยากเสียได้จึงหลุดพ้น
เพราะละความอยากได้ขาด จึงตัดเครื่องผูกได้ทั้งหมด ฯ
ฆัตวาสูตรที่ ๑
[๑๙๘] เทวดานั้น ยืน ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า
ฆ่าอะไรหนอจึงอยู่เป็นสุข
ฆ่าอะไรหนอจึงไม่เศร้าโศก
ข้าแต่พระโคดม พระองค์ชอบฆ่าอะไรซึ่งเป็นธรรมอันเดียว ฯ
[๑๙๙] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ฆ่าความโกรธเสียได้จึงอยู่เป็นสุข
ฆ่าความโกรธเสียจึงไม่เศร้าโศก
แน่ะ เทวดา พระอริยเจ้าทั้งหลาย สรรเสริญการฆ่าความโกรธ
ซึ่งมีรากเป็นพิษ มียอดหวาน เพราะฆ่าความโกรธนั้นเสียแล้วย่อมไม่เศร้าโศก ฯ
ที่มา : พันทิพ ดอทคอม |
|
|
|
|
 |
สาวิกาน้อย
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 27 มี.ค. 2006
ตอบ: 2065
|
ตอบเมื่อ:
11 ก.ค.2006, 10:57 am |
  |
ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ คุณกก |
|
|
|
    |
 |
|
|
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่ คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ คุณไม่สามารถลงคะแนน คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้ คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
|
|