Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 สัมมาคารวะ โดย เจ้าคุณพิพิธฯ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
admin
บัวทอง
บัวทอง


เข้าร่วม: 15 ธ.ค. 2004
ตอบ: 1886

ตอบตอบเมื่อ: 18 เม.ย.2006, 10:39 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



เด็กน้อย 15.jpg


สัมมาคารวะ
โดย พระราชวิจิตรปฏิภาณ (เจ้าคุณพิพิธฯ)


สัมมาคารวะ เป็นคำสอนที่คนโบราณสอนให้คนมีความเคารพซึ่งกันและกัน เพราะความมีสัมมาคารวะย่อมเป็นการให้เกียรติแก่ผู้อื่น และทำให้ได้รับความนิยมชมชื่น

สัมมาคารวะ เป็นการเตือนให้ดูบุคคล โอกาส เวลา อายุ องค์ประกอบอื่นๆ ว่าสิ่งใดควรหรือไม่ควร เป็นวิจารณญาณที่พึงหัดและพึงปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ

สัมมาคารวะ เป็นการสอนให้ผู้น้อยพึงแสดงออกต่อผู้ใหญ่ ทั้งทางกาย วาจา ใจ อันผู้น้อยจะได้รับความนิยมชมชื่นจากผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นการนำพาผู้น้อยไปสู่ความเจริญ

สัมมาคารวะ มีผลคือไม่ก่อให้เกิดการวิวาทบาดหมาง ตำหนิติเตียนจากคนรอบด้าน ผู้ที่มีสัมมาคารวะย่อมเป็นผู้มีเสน่ห์ในตัว

สัมมาคารวะ เป็นวิชาทูตที่ต้องฝึกหัด โดยมีพื้นฐานจากการสวดมนต์ไหว้พระในศาสนาของตน ผู้ใดที่ฝึกหัดบุตรธิดาให้ไหว้พระสวดมนต์ โดยยึดธรรมเนียม ทำนอง อย่างมั่นคง นั่นเป็นการวางรากฐานแห่งสัมมาคารวะให้บุตรธิดา ถ้าบุตรธิดายึดมั่นแล้ว ไปสู่แห่งหนตำบลใด พบปะกับบุคคลผู้ใด ย่อมได้รับความรักความเมตตาเสมอ

สัมมาคารวะ เมื่อผู้ใดกระทำเป็นนิจจนติดเป็นอุปนิสัย ไม่มีอะไรที่ปรารถนาแล้วไม่ได้ ขอให้เชื่อเถิดว่า... "คนไหว้ได้ทั้งหมด คนไม่ไหว้อดทั้งชาติ"

ที่พูดมาทั้งหมดซึ่งยังไม่หมดความหมายของคำว่า "สัมมาคารวะ" ก็เพราะเหตุว่า ในระยะเวลาปีเศษๆ ที่ผ่านมานี้ รู้สึกว่าคนเรากำลัง ขาดสัมมาคารวะอย่างแรง โดยไม่รู้ตัว ทั้งยังถลำลึกจนอาจเป็นภัยที่ร้ายแรง คลาดจากผลประโยชน์อันจะพึงมีพึงได้

แล้วอะไรเล่าที่กล่าวว่า ขาดสัมมาคารวะ

เมื่อกลางปีที่ผ่านมา มีนักศึกษาหญิงคนหนึ่งกำลังคิดจะผูกคอตายใต้ต้นไม้ภายในวัดสุทัศนฯ ก็คือวัดที่อาตมาจำพรรษาอยู่นี้ พอดีพระรูปหนึ่งไปพบเข้า จึงแนะนำให้มาพบอาตมา เมื่อถามแล้วได้ความว่า เธอไม่มีค่าใช้จ่ายประจำภาคการศึกษา (ค่าเทอม) พ่อแม่ยากจน อยู่ต่างจังหวัด ถ้าไม่จ่ายเงินก็ไม่มีสิทธิสอบ เงินที่ต้องจ่ายจำนวนเจ็ดพันบาท อาตมาได้ขอหมายเลขโทรศัพท์มือถือของเธอ แล้วสอบถามไปยังสถาบันที่เธอเรียน ก็ได้รับทราบว่า เป็นจริง จึงโทรศัพท์ไปหาเธอผู้นี้ แต่ทันทีที่สัญญาณโทรศัพท์ติด เสียงสัญญาณเป็นเพลงนักร้องชื่อดังคนหนึ่ง ความรู้สึกสงสารพลันดับวูบลงทันที เพราะนี่เป็นการ ไม่มีสัมมาคารวะที่ร้ายแรง แต่ก็ได้ช่วยเหลือไปตามที่ตั้งใจไว้

เดี๋ยวนี้ชักจะเปิดกันใหญ่ เด็กเล็ก เด็กหนุ่มสาวใช้สัญญาณเพลงแทนสัญญาณรับสากล ยามผู้ใหญ่โทรศัพท์ไป ย่อมไม่ได้รับความนิยมเพราะขาดสัมมาคารวะ ผู้ใหญ่บางคนถึงกับคำรามว่า...กูไม่ได้โทรมาขอเพลง โทรมาใช้งานมึง...แล้วอะไรจะเกิดขึ้น ?

ผู้ใหญ่บางคนก็ดันเอากับเด็กด้วย เดี๋ยวนี้ไม่เว้นกระทั่งพระเณรบางรูปทะลึ่งไปกับเขาด้วย ถ้าเป็นคนเรียกว่า "ไม่ดูสารรูป" ถ้าเป็นพระเรียกว่า "ขาดสมณสารูป"

พูดง่ายๆ ก็คือ...ทุเรศ


ที่มา : นสพ. คมชัดลึก
วันที่ 29 เมษายน 2548
 

_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง