Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 เส้าหลิน ยุคเงินเป็นใหญ่ กังฟูเป็นรอง ส่วนธรรมะถูกลืม อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
webmaster
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 04 มิ.ย. 2004
ตอบ: 769

ตอบตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2005, 4:14 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน





เส้าหลิน ยุคเงินเป็นใหญ่ กังฟูเป็นรอง ส่วนธรรมะถูกลืม

.............

โดย วริษฐ์ ลิ้มทองกุล 7 สิงหาคม 2548 13:26 น.







"วัดเส้าหลินในวันนี้ทำให้ผมรู้สึกว่ากลิ่นอายในเชิงพาณิชย์นั้นเต็มไปหมด แม้แต่พระก็ยังมีพระปลอม ภาพดั้งเดิมอันบริสุทธิ์ในวันวานของวัดเส้าหลินนั้นผ่านเลยไปไม่หวนคืนกลับแล้วจริงๆ" ซุนเจี้ยนขุย หนึ่งในนักแสดงนำจากภาพยนตร์เรื่อง เสี้ยวลิ้มยี่





รถบัสที่เดินทางออกจากเมืองลั่วหยางตั้งแต่เช้าตรู่และมีจุดหมายที่เติงเฟิง เมืองที่อยู่กึ่งกลางระหว่างลั่วหยางและเจิ้งโจว แล่นผ่านหน้าวัดเส้าหลินที่มีรูปปั้นปรมาจารย์บู๊ยืนสง่าเป็นสัญลักษณ์เห็นได้เด่นชัด ผมรีบตะโกนบอกให้คนขับจอดแวะ ก่อนรีบแบกเป้ใบโตกระโดดลงจากรถ



สายวันนี้วัดเส้าหลินดูจะคึกคักเสียเหลือเกิน ผมยังสงสัยอยู่ว่าวันนี้มีการนัดประลองยุทธ์ระหว่างคนยุทธจักรหรือกระไร ......



เสี้ยวลิ้มยี่ หรือ วัดเส้าหลิน (เส้าหลินซื่อ:) ตั้งอยู่ภายใน ซงซาน ภูกลาง อันเป็นหนึ่งใน 5 ยอดเขาแห่งแผ่นดินจีนหรือที่เรียกกันว่า อู่เยว่ โดยอีก 4 เขาที่เหลือนั้นประกอบไปด้วย เหิงซาน ภูเหนือในมณฑลซานซี เหิงซาน ภูใต้ในมณฑลหูหนาน ไท่ซาน ภูตะวันออกในมณฑลซานตง และหัวซาน ภูตะวันตกในมณฑลส่านซี



วัดเส้าหลินแอบตัวอยู่กลางหุบเขาและลำเนาไพรของซงซาน ที่ประกอบไปด้วยเขา 72 ยอด โดยแบ่งย่อยเป็นสองกลุ่ม คือในกลุ่มของเขาไท่ซื่อ 36 ยอด และเขาเส้าซื่อ 36 ยอด อย่างไรก็ตามความงดงามของธรรมชาติแห่งซงซานนั้นดูจะถูกบดบังไปสิ้นด้วยรัศมีแห่งวัดเส้าหลิน วัดนิกายฌาน (เซน) อันดับหนึ่งในใต้หล้า ที่ตั้งอยู่ในภายในหุบเขา 36 ยอดของภูเขาเส้าซื่อ







วัดเส้าหลินสร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ.495 ในราชวงศ์เว่ย รัชสมัยของพระเจ้าเสี้ยวเหวินตี้ โดยแรกเริ่มเดิมทีมีจุดประสงค์ก็เพื่อให้พระภิกษุจากอินเดีย นาม ป๋าถัว มาจำวัดและเผยแพร่ศาสนาพุทธนิกายเถรวาท โดยว่ากันว่าในขณะนั้นพระอาจารย์ป๋าถัวมีลูกศิษย์ลูกหานับร้อยๆ คนเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามหลังจากพระอาจารย์ป๋าถัวมรณภาพ ชื่อเสียงของวัดเส้าหลินก็ค่อยๆ เสื่อมถอยลง



ล่วงมาถึง ค.ศ.527 เมื่อพระภิกษุจากอินเดียอีกรูปหนึ่งนาม ต๋าม๋อ หรือพระโพธิธรรม หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในนาม "ตั๊กม้อ" เดินทางมาถึงวัดเส้าหลินเพื่อเผยแพร่นิกายเซน



ตามตำนานร่ำลือกันว่าภิกษุตั๊กม้อใช้เวลาถึง 3 ปีเดินทางจากประเทศอินเดียกว่าจะมาถึงวัดเส้าหลิน โดยเมื่อมาถึงท่านกลับไม่ได้เข้าวัด แต่เดินเลยขึ้นถึงถ้ำแห่งหนึ่งใกล้ๆ กับวัด ในถ้ำภิกษุตั๊กม้อหันหน้าเข้าผนังแล้วจึงนั่งลงขัดสมาธิ ท่านนั่งทำสมาธิและใช้ชีวิตอยู่ในถ้ำแห่งนั้นเป็นเวลายาวนานถึง 9 ปี ก่อนที่จะลงจากถ้ำเพื่อมาถ่ายทอดพระธรรมและวิทยายุทธ์ให้กับสานุศิษย์ เมื่อถ่ายทอดแก่เหล่าศิษย์สำเร็จท่านจึงเดินทางออกจากวัดเส้าหลินและไปมรณภาพที่อี่ว์เหมิน พื้นที่แห่งหนึ่งซึ่งปัจจุบันอยู่ในมณฑลเหอหนาน



ว่ากันว่าจากการที่ปรมาจารย์ตั๊กม้อนั่งหันหน้าเข้าผนังทำสมาธิอยู่ในถ้ำถึง 9 ปีนั้นทำให้บนผนังเกิดอภินิหารเป็นรอยเงาของท่านติดตรึงอยู่เลยทีเดียว โดยปัจจุบันถ้ำแห่งนี้นั้นอยู่ในบริเวณเที่ยวชมของวัดเส้าหลิน โดยเรียกกันว่า ถ้ำตั๊กม้อ **



 

_________________
ธรรมจักรดอทเน็ต
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
webmaster
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 04 มิ.ย. 2004
ตอบ: 769

ตอบตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2005, 4:23 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



95679567.jpg




รูปปั้นปรมาจารย์ตั๊กม้อ (ขวาสุด) ในวิหารตั๊กม้อ หรือ วิหารเจ้าอาวาส



ในส่วนวิทยายุทธ์ที่ปรมาจารย์ตั๊กม้อคิดค้นขึ้นนั้นก็มีจุดเริ่มต้นมาจากการที่ท่านเห็นว่าวัดเส้าหลินนี้ตั้งอยู่ ณ หุบเขาซงซาน ซึ่งเป็นป่าทึบที่ชุกชุมไปด้วยสัตว์เดรัจฉานน้อยใหญ่ การที่บรรดาหลวงจีนต้องนั่งสมาธินานๆ โดยไม่ได้ออกกำลังกายจะทำให้สุขภาพร่างกายเสื่อมทรุดได้ ดังนั้นท่านจึงพินิจการเคลื่อนไหวตามธรรมชาติของสัตว์ชนิดต่างๆ และดัดแปลงนำมากำหนดเป็นท่าร่างเพื่อการออกกำลังกายและใช้ป้องกันตัว



ต่อมาด้วยวิทยายุทธ์อันล้ำลึกเหล่านี้เองที่ผลักให้ พระแห่งวัดเส้าหลินกลับกลายต้องเข้ามามีเกี่ยวพันเอากับเรื่องโลกของปุถุชนภายนอก โดยหนึ่งในเรื่องที่โด่งดังก็เช่น เมื่อต้นศตวรรษที่ 7 ในยุคสุย-ถัง พระวัดเส้าหลินได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ หลี่ซื่อหมิน เพื่อต่อสู้กับ หวังซื่อชง โดยต่อมาเมื่อหลี่ซื่อหมินได้รับการสถาปนาเป็นองค์ฮ่องเต้ถังไท่จงแห่งราชวงศ์ถัง นอกจากพระสงฆ์ 13 รูปที่ได้การแต่งตั้งจากฮ่องเต้ให้ได้ดำรงตำแหน่งในทางโลกแล้ว วัดเส้าหลินยังได้อานิสงส์จากการอุปถัมป์ขององค์ฮ่องเต้ไปด้วยอย่างมากมาย





กังฟูพิสดารแห่งวัดเส้าหลิน

คลิกชมภาพใหญ่ -http://pics.manager.co.th/Images/548000012922005.JPEG



ขณะที่เมื่อราชวงศ์ถังเข้าสู่ยุคของพระนางบูเช็กเทียน (อู่เจ๋อเทียน:) เนื่องจากในยุคพระนางบูเช็กเทียนนี้มีการสนับสนุนการเผยแผ่ศาสนาพุทธเป็นอย่างมาก ด้านวัดเส้าหลินก็กลายเป็นวัดอันดับหนึ่งในใต้หล้า ไปโดยปริยาย



เมื่อวันคืนผันผ่าน เวลาล่วงเลยมาพันกว่าปี พอประเทศจีนเข้าสู่ยุคสาธารณรัฐ วัดเส้าหลินก็ถึงยุคตกต่ำ เข้าขั้นหายนะ เมื่อปี ค.ศ.1927 ในช่วงที่จีนกำลังวุ่นวายกับการต่อสู้แย่งชิงอำนาจของเหล่าขุนศึก วัดเส้าหลินก็ถูกเผาทำลายครั้งใหญ่โดยเพลิงได้ลุกโชนอยู่นานถึง 45 วัน สิ่งก่อสร้างในวัดเส้าหลินเกือบทั้งหมดต้องวายวอดสิ้น วิหาร ศาลา ตึกหลักๆ นั้นถูกเผาเรียบวุธ ส่วนตำราไม้แกะสลัก "ประวัติวัดเส้าหลิน" กับ "กังฟูมวยเส้าหลิน" รวมถึงตำราและสมบัติล้ำค่าของวัดมากมาย ต่างก็สูญหายไปในเพลิงอัคคีครั้งนั้น***





การแสดงกังฟูที่มีผู้ชมรายล้อมคอยชมนับพันคน

คลิกชมภาพใหญ่ -http://pics.manager.co.th/Images/548000012922008.JPEG



ในปี ค.ศ.1949 เมื่อประเทศจีนเปลี่ยนแปลงการปกครองเข้าสู่ระบอบสังคมนิยม วัดเส้าหลินก็มิพ้นต้องรกร้าง จะมีก็เพียงวิชากังฟูเส้าหลินที่ยังคงถูกถ่ายทอดกันต่อๆ มา และเป็นที่เลื่องลือ โดยเฉพาะในนิยายกำลังภายในเล่มแล้วเล่มเล่า มิพ้นต้องกล่าวถึงแขนงวิทยายุทธ์ที่ล้ำลึกจากวัดเส้าหลิน



จนกระทั่งเมื่อจีนเริ่มเปิดประเทศ และความสนใจเกี่ยวกับกังฟูวัดเส้าหลินจากภายนอกเริ่มร้อนแรง ทางนักลงทุนจากเกาะฮ่องกงก็สนใจจะผลิตภาพยนตร์จอเงินเกี่ยวกับกังฟูของวัดเส้าหลิน โดยยกทีมงานเข้ามาหานักแสดงถึงจีนแผ่นดินใหญ่ และถ่ายทำ ณ สถานที่จริงและอย่างเช่นที่ทราบ ในช่วงต้นทศวรรษที่ 80 หรือ 25 ปีก่อนเมื่อออกฉาย ภาพยนตร์ "เสี้ยวลิ้มยี่ " ก็โด่งดังเป็นพลุแตก พร้อมๆ กับการถือกำเนิดของดารานักบู๊คนใหม่ หลี่เหลียนเจี๋ย หรือที่ฝรั่งรู้จักกันในนามเจ็ทลี (Jet Li)



หลังจาก "เสี้ยวลิ้มยี่" หนังกังฟูเกี่ยวกับวัดเส้าหลินก็ถูกสร้างขึ้นมาอีกเป็นชุดทั้งหนังใหญ่และหนังจอแก้ว และส่งอิทธิพลกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาเยี่ยมชมวัดเส้าหลินอย่างไม่ขาดสาย





ภาพยนตร์เรื่อง เสี้ยวลิ้มยี่ หรือ วัดเส้าหลิน กับ หลี่เหลียนเจี๋ย ดารานำผู้เริ่มประกายแสงความเป็นพระเอกยอดนักบู๊จากภาพยนตร์เรื่องนี้

คลิกชมภาพใหญ่ -http://pics.manager.co.th/Images/548000012922007.JPEG



ด้านทางฝั่งรัฐบาลจีนเองก็ได้โอกาสผลักดันวัดเส้าหลินให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักของมณฑลเหอหนานเสียเลย โดยเน้นชูประวัติความเก่าแก่ของวัด 1,500 ปี กับกังฟูแห่งวัดเส้าหลิน (ที่ปัจจุบันมีโรงเรียนเปิดสอนกังฟูเส้าหลินแทบจะทั่วมณฑลเหอหนานอยู่แล้ว) นอกจากนี้ยังเตรียมที่จะยื่นต่อยูเนสโกขอบรรจุ วัดเส้าหลิน ในรายชื่อมรดกโลกอีกด้วย

...............................







 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
webmaster
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 04 มิ.ย. 2004
ตอบ: 769

ตอบตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2005, 4:31 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



คลิกชมภาพใหญ่ -http://pics.manager.co.th/Images/548000012922006.JPEG



ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องดีหรือไม่ ที่ปัจจุบันชื่อเสียงหลักของวัดเส้าหลินกลับขจรกระจายมาจาก วิทยายุทธ์ ที่ปรมาจารย์ตั๊กม้อคิดค้นขึ้น มิใช่ สัจธรรม ที่ท่านค้นพบขณะนั่งหันหน้าเข้าผนังถ้ำอยู่ 9 ปี



บางทีอาจเป็นธรรมชาติของมนุษย์ กิเลสหนาที่ยังว่ายวนหลงติดอยู่กับการแสดงอำนาจและการเอาชนะกันทางภายนอก มากกว่าที่จะแสวงหาชัยชนะอันแท้จริงที่อยู่ภายใน



เมื่อเดินผ่านลานใหญ่ด้านหน้าวัดที่สร้างขึ้นไว้ขายสินค้าที่ระลึก และจัดการแสดงเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว ผมเห็นภาพ บรู๊ซ ลี ตัวน้อยกำลังตีลังกา ปล่อยหมัด ออกท่าร่างสวยงามที่ผมเคยเห็นแต่ในโทรทัศน์ อ้อมไปด้านหลังเวที เงาของเฉินหลงกำลังเร่งทำความสะอาด ดาบ พลอง กระบอง และหอก ที่ใช้ในการแสดง เมื่อเดินต่อเข้าไปยังบริเวณโรงเรียนกังฟู ศิษย์น้องของหลี่เหลียนเจี๋ยกลุ่มใหญ่ก็กำลังขะมักเขม้นอยู่กับการฝึกวิทยายุทธ์





คลิกชมภาพใหญ่ -http://pics.manager.co.th/Images/548000012922009.JPEG





การฝึกซ้อมในโรงเรียนกังฟูเส้าหลิน

คลิกชมภาพใหญ่ -http://pics.manager.co.th/Images/548000012922010.JPEG



เด็กเหล่านี้กับผู้ปกครองที่ส่งลูกหลานมาเรียน มาอยู่ มากิน มานอน ที่วัดเส้าหลิน คงมีจุดหมายสูงสุดไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก ในเมื่อปัจจุบันโลกยุทธจักรกลายเป็นเพียงแค่เรื่องราวสมมติในหนังสือ นิยายและภาพยนตร์ สิ่งที่เด็กๆ เหล่านี้พอจะไขว่คว้าได้ก็คือ การเป็นจอมยุทธ์ในโลกมายา ดารานักบู๊ในจอแก้ว-จอเงิน ที่ดูๆ ไปแล้วคงจะอิ่มท้องมากกว่าการเป็นจอมยุทธ์ผู้โดดเดี่ยวในยุทธภพแห่งความเป็นจริง ......



กระนั้นหากไปไม่ถึงฝั่งฝัน อย่างเลวๆ เด็กเหล่านี้ก็คงเติบโตเป็น รปภ.ที่มีวิทยายุทธ์ติดตัว เอาไว้ประมือกับขโมยขโจรที่ในยุคนี้ต่างก็พกอาวุธ-พกมีด-พกปืน ติดตัวกันหมดแล้ว





ป่าเจดีย์ ที่เก็บอัฐิพระภิกษุรูปสำคัญๆ ของวัดเส้าหลิน

คลิกชมภาพใหญ่ -http://pics.manager.co.th/Images/548000012922011.JPEG





Tips สำหรับการเดินทาง:

- วัดเส้าหลิน (少林寺) ค่าผ่านประตู 40 หยวน (บัตรนักเรียน-นักศึกษา ลดครึ่งราคา; ราคาค่าผ่านประตูแหล่งท่องเที่ยวในมณฑลเหอหนานอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นราคาอีกในปี 2548 โดยมีข่าวว่าราคาค่าผ่านประตูของวัดเส้าหลินจะขึ้นเป็น 100 หยวน) วัดเส้าหลินอยู่ใกล้ๆ กับตัวเมืองเติงเฟิง การเดินทางมาจากลั่วหยางและเจิ้งโจวนั้นสะดวกสบายมาก โดยเฉพาะการเดินทางมาทางรถประจำทางใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงจากทั้งสองเมือง

- แนะนำให้หลีกเลี่ยงการเดินทางมาเที่ยววัดเส้าหลินในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวของชาวจีน โดยเฉพาะเทศกาลวันแรงงานจีนต้นเดือนพฤษภาคม และเทศกาลวันชาติจีนช่วงต้นเดือนตุลาคม เนื่องจากจะแออัดมากถึงมากที่สุด เพราะบริเวณตัววัดเส้าหลินเองนั้นก็ค่อนข้างคับแคบ

- สำหรับผู้ที่วาดฝันว่าต้องการมาชมวัดเส้าหลินแบบดั้งเดิมก็คงต้องผิดหวัง เพราะตัววัดเส้าหลินในปัจจุบัน วิหารและอารามต่างๆ นั้นถูกสร้างใหม่แทบทั้งหมดดังเช่นที่กล่าวไปแล้ว ปัจจุบันของดั้งเดิมที่เหลืออยู่ก็มีแต่เพียงป้ายหิน และวัตถุโบราณเก่าแก่จำนวนเล็กน้อย กับป่าเจดีย์ (塔林) เจดีย์หินจำนวน 232 องค์ที่เก็บอัฐิพระภิกษุสำคัญของวัดเส้าหลินเท่านั้น



อ่านเพิ่มเติม :

- "วัดเส้าหลิน" ถิ่นยอดกังฟูแดนมังกร โดย กระบี่พลิ้ว จาก ผู้จัดการท่องเที่ยว
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9480000055130

- ปรมาจารย์ตักม้อ จากเว็บไซต์http://www.thaikids.com/kimhlp/00000057.htm



อ้างอิงจาก :

*หนังสือพิมพ์ซินจิงเป้า ฉบับวันที่ 6 เมษายน ค.ศ.2005 หน้า C10-C11

**หนังสือ โดยฉินเจี่ยน : สำนักพิมพ์ 南方日报出版社, ฉบับ ค.ศ.2004

***หนังสือท่องเที่ยวเหอหนาน-เหอเป่ย ฉบับท่องเที่ยวด้วยตัวเอง (臧羚羊自助游) : สำนักพิมพ์ 中国大百科全书出版社, ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2004 และ หนังสือ 名山地图





...........
http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9480000105771



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
พระราวี สุภาจาโร
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 23 ต.ค. 2005
ตอบ: 1

ตอบตอบเมื่อ: 24 ต.ค.2005, 8:48 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เหมือนกันเลยคราบวัดในไทยก็เป็นอย่างนี้ทั้งนั้นแหละโยมเอ่ยพุทธศาสนาไทยกำลังเปลี่ยนไปเพราะเงินเป็นใหญ่ตัวเดี่ยว
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง