ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
ไหนๆก็ผ่านมาแล้ว
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
12 ก.ค.2005, 4:20 pm |
  |
ใคร่ขอถามรายละเอียดเกี่ยวกับศีลข้อสามดังต่อไปนี้
1. การที่ผู้ชายยังโสดอยู่ไปเที่ยวหญิงบริการ ถือว่าผิดศีลข้อสามไหม
2. การแอบลักลอบได้เสียกันโดยเป็นการยินยอมกันทั้งสองฝ่ายของวัยรุ่นหรือนักเรียนนักศึกษาอย่างนี้ถือได้ว่าผิดศีลข้อสามไหม
ขอถามสองข้อครับ เพราะสังคมทุกวันนี้เห็นเรื่องเหล่านนี้เป็นเรื่องปกติ |
|
|
|
|
 |
สายลม
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245
|
ตอบเมื่อ:
12 ก.ค.2005, 8:43 pm |
  |
ตอบสั้นๆ
1. ไม่ผิด ถ้ามีครอบครัวแล้ว ผิดครับ
2. แม้จะยินยอมทั้งสองฝ่าย แต่ถือว่ายังอยู่ภายใต้การปกครองของพ่อแม่ หรือผู้ปกครอง ตรงนี้ผิด |
|
|
|
    |
 |
สมศักดิ์
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
13 ก.ค.2005, 12:14 am |
  |
กาเมสุมิจฉาจาร ให้เว้นจากการละเมิดความรัก (ในทางกาย) คือในสามีและภรรยาและลูกของบุคคลอื่น ยินดีเฉพาะสามีและภรรยาของตนเอง
ผิดทั้งสองกรณีน่ะแหละครับ เพราะทั้งสองกรณีนั้นเป็นการละเมิดความรัก (ในทางกาย) กับลูกผู้อื่นและมิใช่เมียเรา |
|
|
|
|
 |
ปุ๋ย
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275
|
ตอบเมื่อ:
13 ก.ค.2005, 1:56 am |
  |
กราบสวัสดีครูบาอาจารย์ทุกท่านด้วยความเคารพ ขออนุญาตแสดงความคิดเห็น
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสแสดงไว้ซึ่งมีหลักฐานอยู่ในอังคุตตรนิกาย อัฎฐกนิบาต ซึ่งแสดงเหตุแห่งความเสื่อมของบุคคลที่ไมรู้จักบริโภคสมบัติไว้ 4 ประการด้วยกัน
ประการที่ 1 เป็นนักเลงสตรีหรือเป็นนักเลงผู้หญิง โดยทั่วไปก็คือเป็นคนเจ้าชู้ ถ้าหากว่าบุคคลใดก็ตาม เป็นนักเลงผู้หญิง นักเลงเจ้าชู้ละก็ ผู้นั้นแหละที่จะทำให้วงศ์ตระกูลนั้นเสื่อม
ประการที่ 2 เป็นนักเลงสุรา ดื่มเช้าดื่มเย็น เมาเช้าเมาเย็น ก็เป็นเหตุทำให้ตระกูลนั้นเสื่อมทรามลงได้อีกเหมือนกัน
ประการที่ 3 เป็นนักเลงการพนัน ไม่คิดทำมาหากิน เล่นการพนันเลี้ยงชีพ
ประการที่ 4 คบแต่คนชั่วเป็นมิตร
ถ้าหากว่าบุคคลใดบริโภคสมบัติในลักษณะดังกล่าวทั้ง 4 ประเภทนี้ ก็เป็นทางแห่งความเสื่อมของวงศ์ตระกูล ไม่ว่าจะเป็นสตรีหรือบุรุษผู้ทุศีลให้เป็นแม่เรือนหรือพ่อเรือน ก็เป็นเหตุเสื่อมเหมือนกัน คำว่าศีลก็เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปแล้วว่า หมายถึง ศีล 5 ศีล 8 ที่เป็นจรรยาของโลกซึ่งคฤหัสถ์จะต้องประพฤติปฏิบัติกัน คนทุศีลก็คือคนที่ไม่มีศีล คนที่ไม่มีศีลก็คือคนที่ประพฤติชั่วด้วยกาย วาจา ใจ ก็เป็นเหตุให้วงศ์ตระกูลเสื่อมทรามลงดังกล่าว
ธรรมะสวัสดี
มณี ปัทมะ ตารา  |
|
|
|
   |
 |
เจ้าของกระทู้
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
13 ก.ค.2005, 9:07 am |
  |
แล้วอย่างกรณี สวิงกิ้งละครับคือ คู่ตนและคุ่อื่น ต่างคนต่างยอมทั้งกันหมดทั้งสี่คนอย่างนี้จะผิดไหมครับ สังคมทุกวันนี้มีกรณีนี้มากขึ้น |
|
|
|
|
 |
ปุ๋ย
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275
|
ตอบเมื่อ:
13 ก.ค.2005, 11:13 am |
  |
กราบสวัสดีท่านเจ้าของกระทู้
คุณคิดว่ากรณีดังกล่าว ถึงแม้ในสังคมทุกวันนี้มีกรณีนี้มากขึ้น และคุณถือได้ว่าเป็นผู้สนใจธรรมะ เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว คุณจะไม่เข้ามาตั้งคำถามในบอร์ดสนทนาธรรมะเป็นอันขาด คุณพิจารณาดูซิว่า กรณีดังกล่าว มันเป็นสิ่งที่น่าละอายหรือไม่ ถ้าไม่รู้จักประมาณตนเอง ไม่รู้จักเหนี่ยวรั้งจิตใจของตนเองมิให้กระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งซึ่งเป็นความผิดความชั่วลงไป
เปรียบเหมือนบุคคลที่จะก้าวขึ้นบันไดก็ต้องก้าวทีละขั้น จะลงบันไดก็ลงทีละขั้น จะก้าวขึ้นถึงบันไดขั้นสูงหรือก้าวลงถึงสุดบันไดก็หามิได้ ก้าวไปทีละขั้นทั้งนั้น ฉันใดฉันนั้น การทำความชั่วก็เหมือนกัน ครั้งแรกเล็กน้อยก่อน ผลสุดท้ายกลายเป็นความชั่วที่ใหญ่โตกว้างขวางออกไป เพราะขาดหิริโอตตัปปะ
หิริโอตตัปปะ ต้องมีอยู่ในใจ และก็ไม่ทำบาปทั้งที่ลับและที่แจ้ง ทีนี้มันก็อยู่ที่การปลูกฝังนั่นแหละ ต้องเคารพตัวเองในทางที่ดี ไม่ใช่เคารพตนในทางที่ผิดหรือในทางที่ชั่ว มันเนื่องกัน เคารพตัวเองไม่พอ ต้องเคารพคนอื่นด้วย ถ้าละอายแล้ว มันก็เกรงกลัวต่อบาป เพราะมันเป็นธรรมชาติ ที่กลัวว่าจะต้องประสบต่อความทุกข์หรือประสบต่อวิบากกรรมที่แสนสาหัสอย่างใดอย่างหนึ่ง...ก็เท่านั้น...ทีนี้จะหายสงสัยหรือไม่ ละอายหรือไม่ เกรงกลัวหรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับการถูกปลูกฝังมาอย่างไรเท่านั้น
ธรรมะสวัสดี
มณี ปัทมะ ตารา  |
|
|
|
   |
 |
phitis
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 12 ก.ค. 2005
ตอบ: 2
|
ตอบเมื่อ:
13 ก.ค.2005, 3:25 pm |
  |
ปล่อยวางครับ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม |
|
|
|
   |
 |
สุรพงษ์
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
13 ก.ค.2005, 5:00 pm |
  |
ขอเสริมคุณปุ๋ยความคิดเห็นที่3 ทางแห่งความเสื่อมของปุถุชน หรืออบายมุข
ควรเพิ่ม เกียจคร้านในการทำงาน และ เที่ยวดูการละเล่นหรือเที่ยวกลางคืนเป็นประจำ |
|
|
|
|
 |
เจ้าของกระทู้
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
15 ก.ค.2005, 9:14 am |
  |
คือที่ผมสงสัยนั้นคือคำว่าผิดนั้นมันมีขอบเขตหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่นในเรื่องของการขโมยหากมีจิตคิดจะขโมยแต่มือยังไม่ได้เอื้อมไปจับก็ไม่ถือว่าผิดแม้มือเอื้อมไปจับแล้วยังไม่ทำให้ฐานเคลื่อนก็ยังไม่ผิดจนกว่าจะฐานจะเคลื่อนด้วยจิตมีเจตนาขโมยไม่ใช้เคลื่อนย้าย นั้นแหละถึงจะได้ชื่อว่าผิดศีลข้อ สอง
ผมใคร่ขอถามความชัดเจนอีกสองข้อ
1. อย่างในกรณีศีลข้อสาม แค่ไหนจึงได้ชื่อว่าผิด ได้ชื่อว่าขาด เช่น
แตะเนื้อต้องตัว สัมผัส หรือ
KISS หรือ
หรือต้องถึงกับมีการล่วงองค์กำเนิดจึงจะขาดในศีลข้อสาม ต่อคู่กรณีที่ไม่ถูกครรลองครองธรรมไม่ว่าประเภทใดก็ตาม
2. แล้วอย่างในกรณีที่มีข่าวมีชายผู้หนึ่งถูกจับข้อหา กรทำอนาจารต่อศพที่ตนเคยปฎิพัทธ์ยินดีสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ การกระทำต่อศพอันคือสิ่งที่ไม่มีแล้วซึ่งชีวิติจิตวิญญาณ เหมือนได้ชื่อว่ากระทำการกับวัตถุสิ่งของ นั้นอย่างในเคสนี้จะได้ชื่อว่าผิดและขาดจากศีลข้อสามไหม |
|
|
|
|
 |
เกียรติ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
15 ก.ค.2005, 5:40 pm |
  |
1. คำถามที่ 1 ถ้าให้ตอบตามตำรานะครับ การที่ศีลจะขาดอย่างสมบูรณ์ คือ ยังอวัยวะที่ใช้เสพกามนั้น ให้จรดกัน แค่จรดกันก็ขาดแล้วกัน ยังไม่ต้องเสพกามแบบสมบูรณ์ ส่วนการแตะเนื้อต้องตัว สัมผัส กอดจูบ ต่างๆ ทำให้ศีลด่างพร้อย จนถึงทะลุแล้ว แต่ยังไม่ขาด
2. การกระทำต่อศพเช่นนั้น ศีลย่อมไม่ขาด แต่ ศีลด่างพร้อยมากๆ แล้วครับ พิจารณาจากองค์ประกอบดังนี้นะครับ
1. ชายหรือหญิงต้องห้าม (มีชีวิตอยู่)
2. มีจิตใจจะเสพกาม
3. ลงมือเสพกาม
4. ยังอวัยวะที่ใช้เสพกามให้จรดกัน
|
|
|
|
|
 |
|