Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ปกติเป็นคนคิดมากครับ !!! อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
คนคิดมาก
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 29 มิ.ย.2004, 7:15 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน





ปกติเป็นคนคิดมากครับ !!!





เราจะใช้ "ความเป็นคนคิดมาก"......... มาสร้างประโยชน์แก่การปฏิบัติธรรมได้อย่างไรครับ





ช่วยให้ความกระจ่างด้วยครับ..... ขอบคุณมากครับ





 
DM
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2004
ตอบ: 27

ตอบตอบเมื่อ: 30 มิ.ย.2004, 1:06 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คิดมากแบบไหนอะครับ คิดฟุ่งซ่านปะ แต่ถ้าอ่านธรรมะ รู้สึกจะเน้นให้ไม่คิดนะครับ ทำจิตใจให้สงบ แบบว่าทำจิตให้ว่างอะ แล้วจะเกิดปัญญาหรือเปล่าไม่แน่ใจ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
amai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435

ตอบตอบเมื่อ: 30 มิ.ย.2004, 1:49 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ลองใช้ โยนิโสมณสิการ ซิค่ะ

การคิดพิจารณาโดยแยบคาย



ถ้าหลักพุทธศาสนา ไม่ถึงกะไม่ให้คิดหรอกค่ะ

แต่คิดก็ให้รู้ตัวว่ากำลังคิดอยู่



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
maibok
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 30 มิ.ย.2004, 6:55 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

จะลองเปรียบเทียบตามที่เข้าใจให้อ่านดูนะ

ฝ่ามือของคนเรามีสองหน้า คือ หลังมือ กับ หน้ามือ

เมื่อคว่ำมือลง ก็จะมีแต่หลังมือให้เห็น

เมื่อหงายมือขึ้น ก็จะมีแต่หน้ามือให้เห็น

เปรียบกับการคิด กับ การรู้

เมื่อคิดในเรื่องที่เกียวกับงาน หรือ อะไรก็ตาม "รู้" ก็ไม่สามารถเกิดได้

และเมื่อ "รู้" ในเรื่องอะไรก็ตาม "คิด" ก็ไม่สามารถเกิดได้เช่นกัน

เพราะฉะนั้น เมื่อต้องคิดเรื่องงาน ก็คิดไปเถิด อย่าห่วงเรื่อง "รู้ เลย

และเมื่อไม่ต้องใช้คิดเรื่องานละก้อ ก็จง "รู้" ว่าตัวเองกำลังคิดอยู่ "โดยที่เรามีหน้าที่เพียงแต่ "รู้" เฉยๆ" ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ไม่ต้องเข้าไปร่วมในความคิดนั้น ไม่ต้องพิจารณาอะไรทั้งนั้น จักสังเกตุได้ว่า ความคิดนั้นเมื่อไม่มี "เรา" เข้าไปร่วมด้วยแล้ว ความคิดจะอยู่ได้นานสักเพียงไหน

หากเห็นว่า เมื่อไม่มีอะไรเราเข้าไปร่วมด้วยกับความคิด (น่าจะเรียกได้ว่าความฟุ้ง) นั้นแล้ว ปัจจัยในสภาวะแห่งความคิดนั้นจะอ่อนแรงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งดับไปในที่สุด ตรงนี้คงจะเรียกได้ว่า เห็นไตรลักษณ์แล้วกระมัง
 
satima
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 10 มิ.ย. 2004
ตอบ: 120

ตอบตอบเมื่อ: 30 มิ.ย.2004, 10:07 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุค่ะ คุณไม่บอก ที่ได้บอกสิ่งที่น่าฟังจริงๆ



ครูบาอาจารย์ท่านเคยบอกว่า คนเมืองนั้นช่างคิด เหมาะกับการเจริญสติปัฏฐานในหมวดจิตตานุปัสสนา และธรรมานุปัสสนา



แต่การจะเจริญสติปัฎฐานได้นั้น จิตความยอมรับไตรลักษณ์เสียก่อน

การที่จิตจะเห็นไตรลักษณ์ได้ ก็ตามที่คุณไม่บอก ได้บอกไว้นั่นเอง

การเห็นไตรลักษณ์ ก็ไม่ใช่การคิดโน้มน้าวให้เห็นว่า นั่นเป็นอนิจจัง

ทุกขัง อนัตตาหรอก แต่จะต้องให้จิตเรียนรู้ กับสภาวะต่างๆ จนจิตยอมรับ

ในไตรลักษณ์เอง



เมื่อจิตเข้าใจในไตรลักษณ์ จิตก็จะเป็นกลาง สามารถที่จะเจริญสติปัฏฐาน

ต่อไปได้ ซึ่งเป็นหนทางเอก หนทางเดียว นำไปสู่มรรคผล

(ตามที่ครูบาอาจารย์ท่านเมตตาสอนไว้ค่ะ)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
satima
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 10 มิ.ย. 2004
ตอบ: 120

ตอบตอบเมื่อ: 01 ก.ค.2004, 8:19 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

มาคุยเพิ่มเติมค่ะ





ปกติตัวเองก็เป็นคนคิดมากเหมือนกันค่ะ ไวมากเรื่องความคิดนี่ เห็นอะไรแล้วแป๊บเดียวไปได้รอบโลก



แต่เมื่อปฏิบัติมาเรื่อยๆ จะเห็นว่าความคิดนี่มีหลายอย่างมากๆ (ตามดูตามรู้ไปเรือ่ยๆ จะเห็นมันชัดขึ้นค่ะ) คือความคิดนี่ บางทีก็มีการคิดที่เป็นเรื่องเป็นราว คิดการคิดงาน คิดฟุ้งซ่าน และนอกจากนั้น ขณะที่เราไม่ได้ตั้งใจจะคิด เราก็คิดอยู่ เป็นกระแสบางๆ ที่ก่อตัวขึ้นเสมอๆ ฉะนั้นจะเห็นว่าเราเหม่อลอยอยู่ก็มี เราเพ่งคิดอยู่ก็มี สองสภาวะนี้ เป็นตัวที่ทำให้เรา ไม่สามารถอยู่กับปัจจุบันได้เลยค่ะ



การไม่สามารถอยู่กับปัจจุบันได้ คือการไม่มีสติสัมปะชัญญะนั่นเอง เพราะเราหลงอยู่ในโลกของโมหะล้วนๆ เลยค่ะตอนนั้น อย่างที่ว่าถ้าตายไปขณะนั้น เราก็ตกไปสู่อบายภูมิได้เลยทีเดียวค่ะ



แต่เมื่อเราเจริญสติสัมปะชัญญะได้ถูกต้อง เราจะเห็นว่าความคิดเหล่านี้เริ่มจางลงไป เหมือนว่าคิดน้อยลงไปมากๆ จิตจะตั้งมั่นได้มากขึ้น และมีความผ่องใสมากค่ะ ไม่เหมือนขณะที่มันมีความคิดอยู่ตลอดเวลา สติสัมปะชัญญะจึงถือเป็นธรรมที่มีอุปการะมาก



ตรงนี้เองที่ครูบาอาจารย์ท่านสอนว่า ยิ่งคิดยิ่งไม่รู้ หยุดคิดเมื่อไรจึงรู้ แต่ต้องอาศัยคิด ก็เพราะว่า เริ่มที่เดียวก่อนปฏิบัติเราก็ต้องใช้ปัญญาชนิดจินตามยปัญญาที่จะเข้าใจในการกระทำ(การปฎิบัติ) ว่าเราทำไปเพื่ออะไร เมือ่เข้าใจได้พอสมควรและเริ่มปฏิบัติ ด้วยการตามดูตามรู้ (อนุปัสสนา) ก็จะเห็นการหยุดและรู้ค่ะ ลองสังเกตง่ายๆ อย่างนึงก็คือ แม้ในทางโลก ขณะที่เราคิด เราก็จะคิดไปเรือ่ยๆ แตกแขนงไปเรือ่ยๆ (ฟุ้งซ่าน) แต่ในทางโลก ก็จะเป็นประโยชน์อย่างโลกๆ แต่ในทางธรรมแล้ว ตรงกันข้ามเลยค่ะ เพราะการคิดนั้นทำให้เราตกลงไปในโลกของความคิดค่ะ เมื่อปฏิบัติถูกทาง และตรงแล้ว ความคิดแบบนี้จะน้อยลง แต่ไม่ได้หมายถึงว่าจะโง่ลง ไม่คิดอะไรแล้ว (ซึ่งจริงๆ ไม่สามารถหยุดหรือห้ามได้หรอกค่ะความคิดต่างๆ ) แต่เพราะเหมือนว่าจิตเลือกจะคิดแบบมีคุณภาพ คิดแล้วหยุดพอ และได้คำตอบชนิดที่ว่าถูกต้องมากกว่าการคิดแบบฟุ้งซ่านค่ะ



อันนี้เล่าประสบการณ์ของตัวเองที่พบนะคะ ถือว่าแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่าถือว่าเป็นจริงเป็นจังอะไรมากนัก เพราะการปฏิบัตินั้นต้องหาด้วยตนเองค่ะและก็ต้องให้ครูบาอาจารย์ท่านเป็นผู้ชี้แนะให้ค่ะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
spider
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 01 ก.ค.2004, 2:07 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมเป็นแบบนี้ครับ คือ บางขณะ เห็น ความคิด แวบไป แวบมา วนเวียนเต็มไปหมดเลย แต่ผมก็ไม่ได้สนใจมัน ช่างมันอ่ะ รู้ว่าจิต จะไปบังคับไปฝืนมัน มากก็ไม่ได้ เลยปล่อยๆ ไปตามธรรมชาติของมัน จะคิดอะไรคิดไป รู้ แต่ไม่ไปปรุงแต่งต่อ รู้ว่าความคิดอะไรเกิดขึ้น แล้ว หายไป แล้วคิดอะไรอีก แล้วหายไป แล้วคิด แล้วหาย เป็นอย่างเงี้ยครับ ไม่รู้ สไปเดอร์ ทำถูก หรือเปล่าเนี่ย
 
satima
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 10 มิ.ย. 2004
ตอบ: 120

ตอบตอบเมื่อ: 01 ก.ค.2004, 4:49 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถูกแล้วค่ะ มนุษย์แมงมุมขยุ้มหลัง

รู้อะไรก็ได้ รู้ให้ต่อเนื่องได้มากที่สุด ก็จะเห็นผลเองค่ะ



สู้ต่อไปนะไอ้มด...เอ้ย..แมงมุม
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
น้ำใส
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ค.2004, 8:58 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน





ผมก็คิดมากเป็นบางครั้ง บางคืนถึงกับนอนไม่หลับตั้งค่อนคืน

ก็เลยลองใช้วิธีนี้คือ ถ้าคิดมาก ก็ให้คิดถึง ความตาย

คิดว่าทุกคนต้องตาย แล้วถ้าเราตายไปเลยตอนนี้ เราพร้อมหรือยัง

เราเตรียมตัวตายล่วงหน้าหรือยัง ทานเรา ศีลเรา ภาวนาเรา พอจะพาเรารอดไปสู่สุคติหรือยัง .....ทำนองนี้ ไม่นาน จิตก็สงบครับ
 
spider
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 01 ก.ค. 2004
ตอบ: 16

ตอบตอบเมื่อ: 05 ก.ค.2004, 1:29 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุครับ พี่น้ำใส



นึกถึงความตายสบายนัก มันหักรักหักหลงในสงสาร
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
TU
บัวทอง
บัวทอง


เข้าร่วม: 23 พ.ค. 2004
ตอบ: 1589

ตอบตอบเมื่อ: 05 ก.ค.2004, 4:47 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



หางาน (ที่เป็นกุศล) ให้จิตทำ/ให้จิตเกาะเกี่ยว อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ นะค่ะ





........ กับเจ้าของกระทู้ นะค่ะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวYahoo Messenger
admin
บัวทอง
บัวทอง


เข้าร่วม: 15 ธ.ค. 2004
ตอบ: 1886

ตอบตอบเมื่อ: 11 ก.พ.2006, 8:34 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขุดกระทู้เก่ามาให้อ่านกัน ยิ้มเห็นฟัน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง