แสวงหาธรรม
รอบรั่วธรรม ในสวนธรรม ละความโกรธ กรรม การทำบุญให้ทาน ภารกิจของหิ่งห้อย
 
*-* หน้าแรก *-*
 กำลังอ่านอยู่ : 6 คน

หน้าที่ของกรรม
 

              กรรมก็เหมือนคน ต้องมีหน้าที่การงานเหมือนกัน หน้าที่ของกรรม ก็คือจัดการกับเจ้าของกรรมนั่นแล กรรมใครกรรมมันแต่กรรมมีหลายตัว ถ้าเรามองเห็นได้เหมือนในการ์ตูน จะเห็นมันห้อยโหนอยู่ตามหัวหู หรือนั่งไขว่ห้างอยู่บนหัวไหล่ของเรา มันก็ดีดนิ้ว เปรี๊ย เปรี๊ย แล้วเวลาเราทำอะไร มันก็คอยจดไว้ ที่แย่เอามาก ๆ เลยก็คือ มันไม่เคยลืมจด และจดแล้วก็ไม่เคยลืมที่จดอีกต่างหาก

              ตัวที่ 1 ท่านเรียกว่า ชนกกรรม ชนกที่แปลว่าพ่อนั่นแหละ แปลสลวยก็คือผู้ให้กำเนิด ตัวนี้เองที่เป็นผู้คอยจัดแจงเรามาตั้งแต่ก่อนเกิด เลือกแม่ให้เรา ว่าให้เรามาเกิดเป็นลูกใคร ยากดีมีจนแค่ไหน จัดแจงให้เราฉลาดหรือโง่หรือปัญญาอ่อนหรือเปล่าสวยไหม หล่อไม่เสร็จ หรือว่า หล่อยังไม่เสร็จ เป็นหน้าที่ของท่านชนกกรรมนี้ทั้งนั้น เขาคือใคร เขาก็คือสิ่งที่เราทำไว้ในชาติก่อน ๆ น่ะเอง เช่น ถ้าชาติก่อนทำบุญมากชาตินี้ก็ได้เกิดมามีกะตังค์หน่อย ทำนองนั้น ถ้าชาติก่อนถือศีล สวดมนต์ สงบจิตใจ ก็ได้เกิดมาสวย และถ้าชาติก่อนเรียนธรรมะมีปัญญามา ก็เกิดมาฉลาด

              ตัวที่ 2 ท่านเรียกว่า อุปถัมภกกรรม คือกรรมที่คอยอุปถัมภ์ ฝรั่งเรียกนางฟ้าแม่ทูลหัว คอยช่วยเหลือการให้ผลของกรรมอื่นที่ยังไม่มีโอกาสส่งผล ให้ส่งผลได้ หรือถ้ากรรมอื่นกำลังส่บผลอยู่ก็ให้ส่งผลได้มากขึ้น เช่น

              เช้าวันนี้ ฤดีมาศดำรง ออกไปใส่บาตรด้วยจิตใจอันสงบ อย่างยิ่งจนอุปถัมภกกรรมชื่อฤดีน้อยยิ้มแก้มปริอยู่ข้าง ๆ ตุ้มหู

              มันเป็นวันที่เธอจะได้ขึ้นเงินเดือน เพราะกรรมดีที่เคยทำมาจะให้ผล และเมื่อไปถึงสำนักงาน เธอได้พบว่านอกจากจะได้ขึ้นเงินเดือนแล้ว ยังได้เลื่อนตำแหน่งอีกด้วย ซึ่งอันหลังนี้เป็นผลงานของฤดีน้อย

              ตัวที่ 3 ท่านเรียกว่า อุปปีฬิกกรรม ( อ่านยากหน่อยนะคะ ) ชื่อเล่นว่ากรรมเบียดเบียน ถ้าเรามีกรรมดี มันจะคอยกันไม่ให้กรรมชั่วส่งผล ถ้าเรามีกรรมชั่ว มันก็คอยกันไม่ให้กรรมดีส่งผล

              ว่ากันจริง ๆ แล้ว ตัวที่ 2 กับ ตัวที่ 3 ก็อาจจะเป็นตัวเดียวกันได้ คือ เมื่อ นาย ก จะไปตี นาย ข กรรมไปกั้นกลางอยู่คือกันนาย ก จะไปตี นาย ข. กรรมไปกั้นกลางอยู่คือนาย ก. ไว้ไม่ให้ตี ( กรรมเบียดเบียนไว้ ) และช่วยนาย ข ไม่ให้ถูกตี ( คอยอุปถัมภ์ไว้ )

              ท่านชายพจน์เดินอารมณ์ดีออกจากบ้านแต่เช้าเพื่อไปทำงาน พอพ้นรั้วมา เจ้าดิ๊กกี้หมาในหมู่บ้านก็กระดิกหางดิ๊ก ๆ อารมณ์ดีเดินมาเหมือนกัน ท่านชายพจน์เลยทักทายด้วยการเตะมันเล่นไปเหน็บไว้บนรั้ว แล้วไม่เอามันลงมา

              พอพ้นปากซอย กรรม ( เก่าชาติก่อน ) มาสะกิดไหล่ให้มอเตอร์ไซด์วิ่งมาเฉี่ยว ความจริงก็กรรมนิดเดียว แค่ขาเคล็ด

              แต่ความที่ท่านชายพจน์เหน็บเจ้าดิ๊กกี้ไว้ที่รั้ว เลยทำให้แทนที่จะขาเคล็ด กลายเป็นขาหัก

              เอาใหม่ ฉายหนังถอยหลังไปตั้งต้นใหม่

              ท่านชายพจน์ตื่นแต่เช้าออกมาตักบาตรหน้าบ้านแล้ว เดิน

              อารมณ์ดีออกจากบ้านแต่เช้าเพื่อไปทำงาน พอพ้นรั้วมาเจอเจ้าดิ๊กกี้ก็ลูบหัวมันด้วยมือแทนตีน เอ๊ย เท้า

              พอพ้นปากซอย มอเตอร์ไซค์วิ่งมาเฉี่ยว ความจริง ( กรรมเก่า ) หนักถึงต้องขาหัก แต่อุปปีฬิกกรรมเบียดเบียน ( กางกั้น ) กรรมเก่านี้ไว้ ท่านชายพจน์เลยแค่ขาเคล็ด

              ตัวที่ 4 อุปฆาตกรรม มีหน้าที่ไปตัดรอนกรรมอื่นให้ไม่ให้ผล เช่นสั่งสมความดีมากขึ้น ๆ ตัดรอนผลแห่งกรรมชั่วจนหมดไป และในทางชั่วก็เหมือนกัน

              ดังนั้น ท่านจึงสอนว่า ให้เราพยายามทำดีอยู่เสมอ เพื่อสะสมบุญไว้ หากมีกรรมเก่าใดตามมาสะกิด จะได้มีบุญไว้คุ้มตัวหรือผ่อนหนักเป็นเบา

              ส่วนเกิดมาแล้วเป็นอย่างไร ก็ไม่ใช่จะแก้ไขไม่ได้ เช่น เกิดมาจน ก็อุตสาหะเข้า อาจจะมีฐานะดีขึ้นได้ ไม่ใช่งอมืองอเท้ายอมรับกรรมอย่างเดียว เพราะคนเราพัฒนาได้

              กรรมบางอย่าง เราทำโดยไม่เจตนาก็จริง แต่ไปก่อผลสุขทุกข์ให้คนอื่นเข้า เราคนทำก็จะได้ผลตอบแทนมาในทำนองเดียวกัน คือได้รับสุขทุกข์จากคนอื่นโดยที่เขาไม่เจตนา

              เช่น เราโมโหเหวี่ยงรองเท้าไปโดยไม่ได้ดู ไปโดนหัวหมาสลบเหมือด หลายวันต่อมาคนข้างบ้านทะเลาะกับเมีย เหวี่ยงตะหลิวออกจากหน้าต่างครัวข้ามรั้วมาโดนหัวเราสลบโดยไม่ได้ตั้งใจ

              ในศาสนาพราหมณ์ ถือว่าชีวิตเราที่เกิดมา เกิดจากพรหมลิขิต ทุกอย่างพรหมกำหนดไว้ให้แล้ว

              มีนิทานเล่าว่า ตายายยากจน ชีวิตลำบาก มีความก็เขาเก แกก่นด่าพระพรหมทุกวัน บอกว่าไม่ยุติธรรมที่ลิขิตมาให้แกลำบากอย่างนี้ วันหนึ่ง พระพรหมทนไม่ไหว เหาะลงมาหาพาตายายไปที่ต้นสายของชีวิตของทุกคน แล้วให้ตายายเลือกเอาเองเลยว่า จะเลือกเส้นชีวิตเส้นไหนตามใจชอบ

              ตายายก็เลือกเส้นชีวิตที่ดีที่สุด พอใจที่สุด แล้วก็ไล่เรียงมาทุกเส้น ๆ เรื่อยมา

              ในที่สุด ตายายก็มาตื่นขึ้นในกระท่อมหลังเดิม มีควายก็ตัวเดิม คือมันดีที่สุดแล้วสำหรับตากับยาย

              ในศาสนาพุทธ ไม่มีพรหมลิขิต แต่เป็นกรรมลิขิต กรรมคือสิ่งที่เราทำ ดังนั้น เราจึงเป็นคนกำหนดชีวิตเราเอง ที่เราทำดีได้ไปเกิดที่ดี เราเลือกทำมาเอง ที่เราทำชั่วได้รับผลกรรมชั่ว เราเลือกที่จะทำกรรมชั่วเอง บางคนอาจจะเถียงว่า ใครจะอยากทำชั่วแต่มันจำเป็น แต่ในความจริงที่บางทีเราก็ไม่รู้นั้น เป็นเพราะความไม่รู้ทั่ว ไม่อยากขัดใจตัวเอง ไม่อยากถูกต้องแต่อยากถูกใจ หรืออะไรอีกมากมายที่เราสรรหามาเพื่ออ้างเข้าข้างตัวเอง แต่ถ้าเป็นคนมีศีลธรรมแล้วในความจำเป็นนั้น มีทางออกด้วยกรรมดีเสมอ

              ในการเอาความรู้เรื่องกรรมมาใช้ในชีวิตประจำวันก็คือ ถ้าเราประสบทุกข์ ก็ให้นึกว่าใช้หนี้ไป หนี้ของเราจะได้เบาบางลง ถ้าเราประสบสุข ก็ให้นึกว่า เขาใช้หนี้เรา แต่ก็ต้องระมัดระวังมันจะหมดไปถ้าเราไม่ทำดีเพิ่มขึ้น เราควรจะหมั่นทำบุญ เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูต่อบุญ ที่มาเกื้อกูลให้เรามีความสุข พระพุทธเจ้าสอนว่า “ เมื่อใดที่บุญสิ้นไป ทุกอย่างก็จะพินาศหมด “


<< กลับหน้าที่ผ่านมา
หน้าถัดไป >>
แสวงหาธรรม
รอบรั่วธรรม ในสวนธรรม ละความโกรธ กรรม การทำบุญให้ทาน ภารกิจของหิ่งห้อย

หน้าแรกธรรมจักร l กลับเรือนธรรม