จิตใจที่ดีต้องเกิด
ห้าอย่างนี้เป็นประจำ
เพราะฉะนั้น
จึงมีหลักที่แสดงพัฒนาการของจิตใจว่า จิตใจของชาวพุทธ
หรือจิตใจที่ดี ต้องมีคุณสมบัติ ๕ อย่าง คือ
๑.
มีปราโมทย์ ความร่าเริงเบิกบานใจ
๒.
มีปีติ ความอิ่มใจ
๓.
มีปัสสัทธิ ความสงบเย็นผ่อนคลาย สบายใจ
๔.
มีสุข ความคล่องใจ โปร่งใจ ไม่มีอะไรมาบีบคั้นหรือระคายเคือง
๕.
มีสมาธิ ความมีใจแน่วแน่ สงบ มั่นคง ไม่หวั่นไหว ไม่ถูกอารมณ์ต่างๆ
มารบกวน
ถ้าทำใจให้มีคุณสมบัติ
๕ อย่างนี้ได้ ก็จะเป็นจิตใจที่เจริญงอกงามในธรรม สภาวะจิต
๕ ประการนี้โปรดจำไว้เลยว่าให้มีเป็นประจำ พระพุทธเจ้าตรัสบ่อยๆ
ว่า เมื่อปฏิบัติธรรมถูกต้องแล้ว พิสูจน์ได้อย่างหนึ่งคือเกิดสภาวะจิต
๕ ประการนี้ ถ้าใครไม่เกิดแสดงว่าการปฏิบัติยังไม่ก้าวหน้า
คือ ต้องมี ๑. ปราโมทย์ ๒. ปีติ ๓. ปัสสัทธิ ๔. สุข ๕.
สมาธิ พอห้าตัวนี้มาแล้ว ปัญญาก็จะผ่องใส แล้วคิดจะทำอะไรก็จะเดินหน้าไป
ตลอดจนการปฏิบัติธรรมก็ก้าวไปสู่โพธิญาณได้ด้วยดี เพราะฉะนั้นในวันเกิดก็ขอให้ได้อย่างน้อย
๒ ประการนี้ คือ เริ่มต้นดี และให้เกิดสิ่งที่ดี ก็คุ้มเลย
ชีวิตจะเจริญงอกงามมีความสุขแน่นอน
เกิดคือเชื่อมต่อที่กำเนิด
กับความงอกงามต่อไป
เรื่องวันเกิดนี้พูดได้หลายอย่าง
หลายแง่ เพราะมีความหมายมากมาย ความหมายอีกอย่างหนึ่งของการเกิด
ก็คือเป็นจุดเชื่อมต่อไม่ใช่ว่าเกิดมานี้คือการเริ่มต้นใหม่โดยไม่มีอะไรมาก่อน
แต่การเกิดนี่เป็นจุดเชื่อมต่อ และถ้าใช้เป็น จุดเชื่อมก็ทำให้เราได้ประโยชน์มากมายเชื่อมต่ออะไร
เชื่อมเรา
กับคุณพ่อ-คุณแม่
(๑.)
การเกิดเป็นตัวเชื่อมต่อตัวเราผู้เกิด กับท่านผู้ให้กำเนิด
เพราะฉะนั้น ทันทีที่ใครคนใดคนหนึ่งนั้น อีกคนหนึ่งก็เกิดด้วย
คือพอลูกเกิดก็เกิดพ่อแม่ด้วย คนที่ยังไม่ได้เป็นพ่อแม่
พอมีลูกเกิดขึ้นตนเอก็เกิดเป็นพ่อเป็นแม่ทันที เพราะฉะนั้นวันเกิดของเราจึงเป็นวันที่คุณพ่อคุณแม่เกิดขึ้นด้วย
ด้วยเหตุนั้น วันเกิดนี้ในแง่หนึ่งจึงเป็นวันระลึกถึงบิดามารดา
และจะเป็นตัวเชื่อมให้เรามีความผูกพันกับท่านผู้ให้กำเนิด
แล้วก็จะมีความสุขร่วมกัน อย่างเช่นลูกเมื่อถึงวันเกิด
ก็นึกถึงคุณพ่อ-คุณแม่ และทำอะไรๆ ที่จะทำให้ระลึกถึงกัน
และมีความสุขร่วมกัน จากคุณพ่อ-คุณแม่ก็โยงไปหาคนอื่นอีก
เข่นพี่น้อง ปู่ย่าตายาย คนที่เกี่ยวข้องซึ่งสัมพันธ์กันไปหมด
นี่คือการเกิดเป็นตัวต่อและเชื่อม
เชื่อมฐานวัฒนธรรมไทย
กับความเจริญที่ก้าวหน้าต่อไป
(๒.)
การเกิดนี้เชื่อมไปถึงพื้นฐานของเรา เช่น เมื่อเราเกิดเป็นคนไทย
ชีวิตของเราที่เป็นพื้นเดิม ก็มีรากฐานคือวัฒนธรรมไทย
เราเกิดมาท่ามกลางสิ่งแวดล้อมนี้ วัฒนธรรมไทยก็หล่อหลอมชีวิตของเรา
เราจะต้องรู้จักเอาประโยชน์จากวัฒนธรรมไทย ต่อจากพื้นฐานนี้เราก็ก้าวไปข้างหน้า
และพบวัฒนธรรมภายนอก ตลอดจนพบความเจริญอะไรต่าง ๆ ถ้าเราใช้เป็นก็จะได้ประโยชน์ทั้งสองด้าน
คือ
ก.
เราจะมีพื้นฐานของเราที่มั่นคง ให้การเกิดเป็นตัวยึดพื้นฐานของเราไว้ด้วย
รากฐานทางวัฒนธรรมที่เรามีเราก็ไม่ละทิ้ง แต่เราเอาส่วนที่ดีมาสร้างตัวให้เป็นพื้นฐานที่มั่นคง
ข.
สิ่งใหม่ๆ เราก็ก้าวไปรับ ไปทำ ก้าวไปสร้างสรรค์ถ้าเราได้ทั้งสองด้านนี้
เราจะมีความเจริญงอกงาม คือ ทั้งมีพื้นฐานดี และสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
หมายความว่า ไม่ให้ขาดทั้งสองด้าน ทั้งพื้นฐานเดิม ที่เป็นรากฐานเก่า
และทั้งด้านใหม่ที่ก้าวไปข้างหน้า คนที่เจริญงอกงามต้องได้ทั้งสองด้านนี้
จึงจะมีการพัฒนาที่สมบูรณ์
นึกถึงวันเกิด
ช่วยให้ไม่หลงเตลิดออกจากธรรมชาติ เชื่อมบุคคลในสังคม
กับชีวิตในธรรมชาติ
(๓.)
การเกิดเป็นตัวเชื่อมต่อคนและสังคม กับธรรมชาติ คนเราที่เกิดมานี่ตัวแท้ๆ
ยังไม่มีอะไรก็เป็นชีวิตเท่านั้น ชีวิตอยู่เป็นธรรมชาติ
ชีวิตนี้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เกิดจากธรรมชาติ เป็นไปตามธรรมชาติ
เนื้อตัวชีวิตของเรานี้เป็นธรรมชาติ เมื่อเกิดมาแล้วเราจึงเริ่มมีฐานะใหม่
คือสถานะในทางสังคม คือเป็นบุคคล
เราจะเป็นบุคคลในสังคม
เป็นลูกของคุณพ่อคุณแม่ เป็นพี่ของคนนั้น เป็นน้องของคนนี้
แล้วก็ก้าวเข้าไปในสังคมโดยมีฐานะต่างๆ บางทีเราก้าวเข้าไปในฐานะที่สอง
คือเป็นบุคคลในสังคม จนลืมฐานะที่หนึ่งคือ ความเป็นชีวิตที่อยู่ในธรรมชาติ
เรานึกถึงแต่ความเป็นบุคคลที่ไปเที่ยวทีบทบาทนั้นนี้ๆ
จนลืมตัวเอง ทางพระท่านเตือนเสมอว่า อย่าลืมสถานะเดิมแท้ที่เป็นพื้นฐานของเราว่าชีวิตเป็นธรรมชาติ
คนใดที่ได้ทั้งสองด้าน คนนั้นจึงจะมีชีวิตที่เจริญงอกงามสมบูรณ์
แต่คนเรานี้ส่วนมากมักจะลืมด้านชีวิต
และได้แค่ด้านบุคคล นึกถึงแต่การอยู่ร่วมสังคม นึกถึงการที่จะมีฐานะอย่างนั้น
อย่างนี้ จนลืมชีวิตที่เป็นพื้นฐาน แม้แต่การกินอาหาร
ถ้าเราลืมพื้นฐานด้านชีวิตเสียแล้วเราก็จะพลาด ถ้าเรามัวนึกถึงในแง่การเป็นบุคคลในสังคม
เวลารับประทานอาหารก็นึกถึงในแง่การเป็นบุคคลในสังคม เวลารับประทานอาหารเราก็นึกไปในแง่ว่า
เรามีฐานะอะไร ควรกินอะไรให้สมฐานะดีไม่ดีก็ไปตามค่านิยมให้โก้ให้เก๋
เป็นต้น
แต่ถ้าเรานึกในแง่ของชีวิต
ก็คิดเพียงว่า การกินอาหารนั้น เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง
ให้ชีวิตดำเนินไปได้ ต้องกินให้สุขภาพดีนะ อย่ากินให้เป็นโทษต่อร่างกาย
อาหารแค่ไหนพอดีแก่ความต้องการของร่างกาย อาหารประเภทใดมีคุณภาพ
เป็นประโยชน์ต่อชีวิต เราก็กินอย่างนั้นแค่นั้น ถ้าเราไม่ลืมพื้นฐานของชีวิตในด้านธรรมชาติ
เราจะรักษาตัวแท้ของชีวิตไว้ได้ ส่วนที่เหลือในด้านความเป็นบุคคล
ก็เป็นเพียงส่วนประกอบ
แต่ปัจจุบันนี้เรามักจะเอาความเป็นบุคคลเป็นหลัก
จนกระทั่งลืมความเป็นชีวิตไป ทำให้ด้านธรรมชาติสูญเสีย
เพราะฉะนั้นจึงทำให้เรามีชีวิตที่ไม่สมบูรณ์ วันเกิดนี้จึงเป็นเครื่องเตือนใจ
โดยเป็นตัวเชื่อมว่า โดยเนื้อแท้นั้น ฐานของเราเป็นธรรมชาตินะ
อย่าลืมส่วนที่เป็นธรรมชาติด้านนี้ ส่วนที่เป็นด้านบุคคลเราก็ทำให้ดี
ให้ได้ผล ให้สองด้านมาผสานกลมกลืนกัน ทั้งด้านชีวิตที่เป็นธรรมชาติ
และด้านเป็นบุคคลที่อยู่ในสังคม ถ้าอย่างนี้แล้วชีวิตก็จะสมบูรณ์
มีชีวิตอยู่ไปนานเท่าไรๆ ก็อย่าลืมหลักการข้อนี้ |