Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ผู้นำกลางทะเลทราย (ธรรมสภา) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
amai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435

ตอบตอบเมื่อ: 30 พ.ย.2004, 7:07 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



ผู้นำกลางทะเลทราย.JPG


ผู้นำกลางทะเลทราย

นิทานธรรม ฉบับพิเศษ
จัดพิมพ์โดย ธรรมสภา



ในเมืองพาราณสี แคว้นกาสี มีพระราชาชื่อพรหมทัต พระองค์ทรงส่งเสริมการค้าขายต่างแดน ครั้งนั้น พระพุทธเจ้าของเราเกิดในตระกูลพ่อค้า ได้นำกองเกวียน 500 เล่ม บรรทุกสินค้าไปขายต่างเมืองเป็นประจำทุกปี

ปีหนึ่ง พ่อค้าหนุ่มคิดจะนำสินค้าไปขายยังแดนไกล ซึ่งที่ที่จะไปนั้นต้องเดินทางผ่านทะเลทรายที่กว้างยาวถึง 60 โยชน์ (960 กิโลเมตร) (1 โยชน์เท่ากับ 16 กิโลเมตร)

ในทะเลทรายนั้นมีทรายละเอียดเต็มไปหมด ทรายดังกล่าวละเอียดมากถึงขั้นที่ว่า เมื่อกอบขึ้นมาแล้วก็จะไหลลงหมดไม่ค้างอยู่ในเมือ สภาพบรรยากาศทั่วไปตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจะร้อนและร้อนมากขึ้นตามลำดับ จนกระทั่งไม่สามารถเดินทางข้ามไปได้ คนหรือกองเกวียนจะเดินทางผ่านทะเลทรายนั้นจะไปได้เฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น

พอรุ่งเช้าก็ต้องหยุดเดินทาง นำเกวียนมาล้อมเป็นวงแล้วทำปะรำขึ้นบังกองเกวียน จากนั้นก็จะรีบปรุงอาหารบริโภค เสร็จแล้วก็จะนั่งรอให้หมดวันอยู่ใต้ปะรำ ครั้นเวลาเย็นพอพระอาทิตย์ตกดิน ทะเลทรายเริ่มเย็นก็จะรีบปรุงอาหารบริโภค และเมื่อทรายเย็นดีแล้วก็จะเริ่มขับเกวียนออกเดินทาง การเดินทางในทะเลทรายก็เหมือนกับการเดินทางทางทะเล คือ ต้องการผู้นำทาง และผู้นำทางทางทะเลทรายนั้นจะอาศัยดวงดาวเป็นตัวกำหนดนำในการเดินทาง

พ่อค้าหนุ่มคิดถึงปัญหาดังกล่าว จึงหาผู้ที่มีความรู้เรื่องการเดินทางในทะเลทรายมาเป็นผู้นำทาง ทั้งพ่อค้าหนุ่มและผู้นำทางต่างปรึกษากันอยู่ตลอดระยะเวลาการเดินทาง และเมื่อมาถึงทะเลทรายก็ออกเดินทางตามแผนที่กำหนดไว้คือ ออกเดินทางในเวลากลางคืน และหยุดพักในเวลากลางวัน พ่อค้าหนุ่มและผู้นำทางพากองเกวียน 500 เล่มเดินทางไปได้ไกลถึง 59 โยชน์แล้ว และเหลืออีกเพียง 1 โยชน์ก็จะพ้นทะเลทราย

“ระยะทางเหลืออีก 1 โยชน์ เราจะใช้เวลาเดินทางนานเท่าไร” พ่อค้าหนุ่มถาม

“คืนนี้คืนเดียวก็คงจะพ้นแล้ว” ผู้นำทางตอบ

“ไม่ต้องรีบร้อนหรอก พวกเราเหนื่อยกันมามากแล้ว คืนนี้ขอให้เดินทางกันแบบสบายๆ”

เมื่อตกลงกันได้ดังนั้น ครั้นถึงเวลาเย็น หลังจากปรุงอาหารเย็นบริโภคแล้ว พ่อค้าหนุ่มก็สั่งให้ทิ้งสัมภาระที่พอจะทิ้งได้ ซึ่งไม่มีความจำเป็นจะต้องใช้อีกต่อไป เช่นน้ำและฟืนเพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะพ้นจากทะเลทรายแล้ว พวกบริวารพากันดีใจทิ้งฟืนและน้ำตามคำสั่ง เนื่องจากจะทำให้เกวียนเบาและเดินทางได้เร็วขึ้น

ผู้นำทางซึ่งจะประจำอยู่ที่เกวียนเล่มหน้า รู้สึกสบายใจที่อีกไม่นานเกวียนก็จะพ้นจากทะเลทรายแล้ว ตนก็จะได้พ้นจากภาระหนักคือการนั่งดูดวงดาวแล้วกำหนดเส้นทาง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น คนขับเกวียนเล่มหลังๆ ยังหลับได้บ้าง แต่ผู้นำทางหลับไม่ได้เลย เขาต้องคอยดูดวงดาวและบังคับเกวียนให้เดินทางไปตามทาง เพราะหากผิดเส้นทางแล้ว เกวียนก็จะวนกลับมาที่เก่า หรือไม่ก็วนเวียนอยู่ในทะเลทรายนั่นเอง

ด้วยความสบายใจที่จะพ้นภาระหนัก ผู้นำทางจึงขับเกวียนนำไปอย่างไม่รีบร้อน เขานั่งได้สักพักหนึ่ง รู้สึกเมื่อยจึงล้มตัวลงนอนมองดูดวงดาว พลางร้องบอกให้เกวียนเล่มหลังๆ ขับตามมา เขาเหนื่อยอ่อนมากหลายคืน ดังนั้นเมื่อล้มตัวลงนอน จึงหลับไปโดยไม่รู้ตัว

“เอ๊ะ..... ทำไมเสียงเงียบหายไป”

คนขับเกวียนเล่มหลังๆ สงสัย แต่ก็ไม่มีใครคิดอะไรมาก คงขับเกวียนไปตามเกวียมเล่มแรก วัวลากเกวียนไปเรื่อยๆ แต่ไม่ได้ไปตามทางที่ผู้นำทางกำหนด แต่กลับลากเกวียนออกนอกเส้นทางวกกลับหลังไปตามทางที่เพิ่งผ่านมา

“เอ๊ะ..... ทำไมมันนานนักเล่า” คนขับเกวียนเล่มหลังๆ ชักสงสัย เพราะใกล้สว่างแล้ว แต่ยังไม่เห็นจุดหมายปลายทางนอกจากทะเลทรายที่เวิ้งวาง

“หรือมาผิดทาง” พ่อค้าหนุ่มก็สงสัยเช่นเดียวกัน

วัวยังลากเกวียนไปเรื่อยๆ ผู้นำทางหลังจากหลับเต็มที่แล้วมาสะดุ้งตื่นเอาเวลาเช้า แสงเงินแสงทองเริ่มจับขอบฟ้า เขาแหงนดูดวงดาวก็รู้ได้ทันทีว่ามาผิดทาง

“กลับเกวียน..... กลับเกวียน” เขาลุกขึ้นยืนร้องบอกเสียงดังพร้อมทั้งโบกมือให้สัญญาณกลับเกวียน

ฝ่ายพ่อค้าหนุ่มและคนขับเกวียนต่างก็ลุกขึ้นร้องบอก และโบกมือให้สัญญาณเกวียนเล่มหลังๆ เช่นเดียวกัน ขบวนเกวียนย้อนกลับหลังอีก แต่ก็ไปไม่พ้นทะเลทรายเสียแล้ว เพราะพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าเสียก่อน

ทะเลทรายเริ่มร้อน พ่อค้าหนุ่มจึงสั่งให้หยุดเกวียนแล้วนำมาล้อมเป็นวงเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ หลังจากทำปะรำบังแสงแดดแล้ว ทุกคนก็หลบเข้ามานั่งพักผ่อนอยู่ใต้ท้องเกวียนโดยมิได้กินอาหารเช้า เนื่องจากทิ้งน้ำและฟืนไปหมดแล้วไม่มีอะไรใช้ปรุงอาหาร

“ตายแน่พวกเราคราวนี้” ทุกคนคร่ำครวญอย่างท้อแท้

พ่อค้าหนุ่มเห็นบริวารคร่ำครวญแล้วให้รู้สึกสงสาร แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะเกรงว่าจะไปกระทบผู้นำทางเข้า จึงได้แต่คิดหาวิธีช่วยเหลือ

“ทุกคนท้อแท้กันหมดแล้ว หากเราท้อแท้อีกคนหนึ่ง ก็จะพากันตายหมด”

เช้านั้นเอง ขณะที่แดดยังไม่ร้อนจัด พ่อค้าหนุ่มก็ออกเดินทางหาแหล่งน้ำ จนกระทั่งไปพบกอหญ้าคากอใหญ่กองหนึ่งจึงคิดได้ว่า

“ในทะเลทรายที่แห้งแล้งเช่นนี้ มีหญ้างอกขึ้นได้ แสดงว่าข้างใต้หญ้าคาลงไปจะต้องมีน้ำหล่อเลี้ยง”

ครั้นแล้วเขาจึงสั่งให้คนเอาจอบมาขุดที่ตรงนั้นลึกลงไปได้ 60 ศอก ขณะที่ขุดลึกลงไปได้ขนาดนั้นผลปรากฏว่าจอบกระทบถูกหินข้างใต้ ทุกคนเริ่มท้อถอยเพราะแผ่นหินแข็งมากจนในที่สุดก็ถึงกับทิ้งจอบยืนมองหน้ากัน

“เวรกรรมแท้ๆ” มีเสียงบ่นดังขึ้น

พ่อค้าหนุ่มกลับไม่ท้อแท้เหมือนคนอื่นๆ เขาเชื่อมั่นว่าใต้หินแผ่นนี้จะต้องมีน้ำ จึงค่อยๆ ไต่ลงไปยืนอยู่บนหินแล้วคุกเข่าแนบหูลงฟังเสียง ผลปรากฏว่าเขาได้ยินเสียงน้ำไหลอยู่ข้างใต้ ด้วยความดีใจจึงรีบขึ้นมาบอกคนใช้ให้เอาฆ้อนเหล็กไปทุบแผ่นหิน

“จะได้ผลหรือนาย” คนใช้ถามด้วยความไม่เชื่อมั่น

“เอาเถอะ..... ทำไปก่อน” พ่อค้าหนุ่มตัดบท

“เห็นไหมทุกคนท้อถอยกันหมดแล้ว หากเจ้าท้อถอยอีกคนหนึ่ง พวกเราก็จะพากันตายหมด เชื่อข้าเถอะข้างใต้แผ่นหินมีน้ำ เมื่อทำลายแผ่นหินได้เราก็จะได้น้ำกินน้ำใช้”

“ตกลงนาย” คนใช้ตอบตกลง พลางถือฆ้อนเหล็กลงไปในหลุม

เขาทุบอยู่ 2-3 ครั้ง แผ่นหินแตกกลาง ทันใดนั้นเองสายน้ำใหญ่เท่าลำตาลก็พุ่งขึ้น ทุกคนดีใจรีบมาดื่มมาอาบกันอย่างสดชื่น จากนั้นก็ปรุงอาหารบริโภคกันอย่างมีความสุข รวมทั้งวัวก็อิ่มหมีพีมันไปด้วย ครั้นถึงเวลาพระอาทิตย์ตกดินบรรยากาศทั่วไปเริ่มเยือกเย็น พื้นทรายไม่ร้อน พ่อค้าหนุ่มก็นำกองเกวียนออกเดินทางไปตามทางที่ผู้นำทางกำหนด

ผู้นำทางไม่ยอมเผลอหลับอีก ในที่สุดกองเวียนทั้ง 500 เล่ม ก็ข้ามพ้นทะเลทรายและไปถึงที่ขายสินค้าตามที่พ่อค้าหนุ่มกำหนดไว้เป็นจุดหมายปลายทาง

พ่อค้าหนุ่มเดินทางไปค้าขายครั้งนี้ประสบผลสำเร็จเกินคาด ขายสินค้าได้กำไรถึง 3—4 เท่า ซึ่งนับว่าเป็นรางวัลที่คุ้มค่าความเหนื่อยยาก จากนั้นก็นำกองเกวียนกลับบ้านเกิดโดยเดินทางผ่านทะเลทรายอีกครั้งหนึ่ง

นิทานธรรมเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความท้อแท้เป็นภัยใหญ่สำหรับผู้ที่ต้องการความสำเร็จ เมื่อไม่ท้อแท้ความสำเร็จย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ ดังเช่นพ่อค้าหนุ่ม



........................ เอวัง ........................
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
สาวิกาน้อย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 27 มี.ค. 2006
ตอบ: 2065

ตอบตอบเมื่อ: 25 ก.ค.2006, 2:46 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ สาธุ สา...........ธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
kanalove
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 07 เม.ย. 2007
ตอบ: 35
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 13 พ.ค.2007, 5:47 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เป็นเรื่องที่ดีคะ * * ใช้ปัญญาแก้ปัญหา
 

_________________
kanalovero@hotmail.com
ธรรมะสวัสดีคะ แอดเมล์ได้นะคะ
เรามักจะออนเอ็มเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์นะ

เรามีชีวิตอยู่เพื่อตาย จงตายจริงก่อนที่เราจะตายลวง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailตำแหน่ง AIMYahoo MessengerMSN Messenger
suvitjak
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen

ตอบตอบเมื่อ: 03 มิ.ย.2008, 4:04 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ยิ้ม ข้อคิดดีๆครับ แลบลิ้น
 

_________________
ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง