Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 @ก็จะเหลือ แต่ธรรม ที่ไม่ตาย@....นิพพานธาตุ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773

ตอบตอบเมื่อ: 08 ธ.ค.2006, 10:42 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

นิพพานธาตุของพระอรหันต์


เพราะไม่แจ้ง ว่า“ไม่- ใช่ตัวตน”
จึงพาวน ปรุงแต่ง แห่งสังขาร
นำให้เกิด ตัณหา อุปาทาน
อหังการ มมังการ อยู่ร่ำไป

เมื่อใจแจ้ง ว่า“ไม่- ใช่ตัวตน”
สิ้นบุคคล สุญญๆสิ่ง ทิ้งมั่นหมาย
ก็จะเหลือ แต่ธรรม ที่ไม่ตาย
ไม่วุ่นวาย ดับเย็น เห็นนิพพาน

สอุปา ทิเสสะ นิพพานธาตุ
ธรรมประกาศ งดงาม ด้วยความหมาย
ดับกิเลส เย็นใจ ให้สบาย
พ้น“เกิด-ตาย” ถึงผ่องผุด วิมุติธรรม

อนุปา ทิเสสะ นิพพานธาตุ
ไม่มีชาติ เพราะขาดจบ ภพทั้งหลาย
ไม่ต้องมา เวียนเกิด และเวียนตาย
ขอบรรยาย กราบธรรม ด้วยคำกลอน ฯลฯ


ตรงประเด็น
8 ธ.ค. 2549
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773

ตอบตอบเมื่อ: 08 ธ.ค.2006, 10:44 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

จาก พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)


สอุปาทิเสสนิพพาน นิพพานยังมีอุปาทิเหลือ,
ดับกิเลสแต่ยังมีเบญจขันธ์เหลือ คือ นิพพานของพระอรหันต์ผู้ยังมีชีวิตอยู่,
นิพพานในแง่ที่เป็นภาวะดับกิเลส คือ โลภะ โทสะ โมหะ;
เทียบ อนุปาทิเสสนิพพาน


http://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=สอุปาทิเสสนิพพาน

อนุปาทิเสสนิพพาน นิพพานไม่มีอุปาทิเหลือ,
ดับกิเลสไม่มีเบญจขันธ์เหลือ คือ สิ้นทั้งกิเลสและชีวิต หมายถึง พระอรหันต์สิ้นชีวิต,
นิพพานในแง่ที่เป็นภาวะดับภพ;
เทียบ สอุปาทิเสสนิพพาน

http://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=อนุปาทิเสสนิพพาน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773

ตอบตอบเมื่อ: 08 ธ.ค.2006, 10:47 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขออนุญาต นำบทความมาลงเพิ่ม สาธุ
เพื่อชวนให้เพื่อนสมาชิก เจริญซึ่งนิพพานุสติ โดยทั่วหน้ากัน



นิพพานธาตุ ๒ ประการนี้
พระตถาคต ผู้มีจักษุผู้อันตัณหาและทิฐิไม่อาศัยแล้ว ผู้คงที่ประกาศไว้แล้ว
อันนิพพานธาตุอย่างหนึ่งมีในปัจจุบันนี้ ชื่อว่าสอุปาทิเสส เพราะสิ้นตัณหาเครื่องนำไปสู่ภพ
ส่วนนิพพานธาตุ (อีกอย่างหนึ่ง) เป็นที่ดับสนิทแห่งภพทั้งหลายโดยประการทั้งปวง อันมีในเบื้องหน้าชื่อว่าอนุปาทิเสส
ชนเหล่าใดรู้บทอันปัจจัยไม่ปรุงแต่งแล้วนี้มีจิตหลุดพ้นแล้วเพราะสิ้นตัณหาเครื่องนำไปสู่ภพ ชนเหล่านั้นยินดีแล้วในนิพพานเป็นที่สิ้นกิเลสเพราะบรรลุธรรมอันเป็นสาระ เป็นผู้คงที่ ละภพได้ทั้งหมด ฯ

จาก http://larndham.net/cgi-bin/stshow.pl?book=25&lstart=5242&lend=5274&word1=อนุปาทิเสสนิพพาน



จาก มหาปรินิพพานสูตร

http://larndham.net/cgi-bin/stshow.pl?book=10&lstart=1888&lend=3915&word1=พระอนุรุทธ&word2=อนุปาทิเสสนิพพาน

“……..อานนท์ ในกาลทั้งสองกายของตถาคตย่อมบริสุทธิ์ ฉวีวรรณผุดผ่องยิ่งนัก
ในกาลทั้งสองเป็นไฉน คือ
ในราตรีที่ตถาคตตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ๑
ในราตรีที่ตถาคตปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ๑
ในกาลทั้งสองนี้แล กายของตถาคตย่อมบริสุทธิ์ฉวีวรรณผุดผ่องยิ่งนัก
ดูกรอานนท์ ในปัจฉิมยามแห่งราตรีวันนี้แล ความปรินิพพานของตถาคตจักมีในระหว่างไม้สาละทั้งคู่ ในสาลวันอันเป็นที่แวะพักของมัลลกษัตริย์ทั้งหลาย ในเมืองกุสินารา ……”



และเคยอ่านเจอกรณีที่พระอนุรุทธเถระท่านกล่าวว่า “……จักนิพพาน ด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ…..”

จาก http://larndham.net/cgi-bin/stshow.pl?book=26&lstart=7834&lend=7898&word1=พระอนุรุทธ&word2=อนุปาทิเสสนิพพาน

“…….เราได้ทำคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเสร็จแล้วปลงภาระอันหนักลงได้แล้ว ถอนตัณหาเครื่องนำไปสู่ภพขึ้นได้แล้วเป็นผู้ไม่มีอาสวะ จักนิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ภายใต้พุ่มกอไม้ไผ่ใกล้บ้านเวฬุวคามแห่งแคว้นวัชชี……”
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773

ตอบตอบเมื่อ: 09 ธ.ค.2006, 8:36 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

" เมื่ออุปาทาน ยังเป็นสิ่งที่ตัณหา และ ทิฏฐิอาศัยอยู่ได้
ความหวั่นไหวได้ก็ยังมีอยู่
เมื่ออุปาทานเป็นสิ่งที่ตัณหาและทิฏฐิไม่อาศัยอยู่ได้
ความหวั่นไหวก็ไม่อาจมี
เมื่อความหวั่นไหวไม่มี ความระงับแห่งจิตย่อมมี
เมื่อความระงับแห่งจิตมี ความน้อมไปในทางใดทางหนึ่งของจิตย่อมไม่มี
เมื่อความน้อมไปทางใดทางหนึ่งของจิตไม่มี การมาการไปก็ไม่มี
เมื่อการมาการไปไม่มี การจุติและการเกิดใหม่ก็ไม่มี

เมื่อการจุติและการปรากฎในโลกไม่มี การปรากฎในระหว่างโลกทั้งสองก็ไม่มี
นั่นแหละคือ ที่สุดแห่งทุกข์ล่ะ "


จตุตถสูตร, ปาฏลิคานิยวรรค, อุทาน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773

ตอบตอบเมื่อ: 09 ธ.ค.2006, 8:38 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

จิตที่พ้นเกิด-พ้นตาย

โอวาท ธรรม หลวงปู่ชา สุภัทโท


".........พระศาสดาเห็นอาการจิตของท่านเป็นอย่างนี้ นี่แหละท่านว่า ภพยังอยู่ ชาติยังอยู่ พรหมจรรย์ยังไม่จบ ท่านจึงยกสังขารขึ้นพิจารณาตามธรรมชาติ
เพราะมีปัจจัยอยู่นี่จึงมีเกิดอยู่นี่ตายอยู่นี่ มีอาการที่เคลื่อนไหวไปมาอยู่นี่ ท่านจึงยกสิ่งนี้พิจารณาไปให้รู้เท่าตามเป็นจริงของขันธ์ห้า ทั้งรูปทั้งนาม.....
สิ่งทั้งหลายที่จิตคิดไป ทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านี้ ล้วนเป็นสังขารทั้งหมด เมื่อรู้แล้วท่านให้วาง เมื่อรู้แล้วท่านให้ละ ให้รู้สิ่งเหล่านี้ตามเป็นจริง ถ้าไม่รู้ตามความเป็นจริงก็ทุกข์ ก็ไม่วางสิ่งเหล่านี้ได้ เมื่อรู้ตามความเป็นจริงแล้วสิ่งเหล่านี้ก็เป็นของหลอกลวง
สมกับที่พระศาสดาตรัสว่า

จิตนี้ไม่มีอะไร ไม่เกิดตามใคร ไม่ตายกับใคร จิตเป็นเสรีรุ่งโรจน์โชติการ
ไม่มีเรื่องราวต่างๆเข้าไปอยู่ในที่นั้น ที่จะมีเรื่องราวก็เพราะมันหลงสังขารนี่เองหลงอัตตานี่เอง ....."
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง