Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
สาวิกาน้อย
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 27 มี.ค. 2006
ตอบ: 2065
ตอบเมื่อ: 05 ธ.ค.2006, 11:23 am
พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ
ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน 60 ปี ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติ ประชาชนชาวไทยทุกคนล้วนประจักษ์และ ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงอุทิศพระวรกายและพระสติปัญญา บำเพ็ญพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุข ยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าให้ดีขึ้นในทุกด้าน โดยเฉพาะประชาชนผู้ยากไร้ด้อยโอกาสในชนบทห่างไกล
๏ ทรงครองแผ่นดินโดยธรรม
เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองราชย์นั้น ได้ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการว่า
เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม
คำว่า
ครองแผ่นดินโดยธรรม
เป็นหลักการเงื่อนไขในการครองแผ่นดินของพระองค์ ทรงใช้คำง่ายๆ คือ
ธรรมะ
หรือ
ธรรมาภิบาล
ได้พระราชทานคำแปลอย่างง่ายที่สุดก็คือ ความดีและความถูกต้อง เพราะฉะนั้นในการครองแผ่นดินของพระองค์ทรงดำรงอยู่ในความดีความถูกต้องตลอดเวลา
๏ เพื่อประโยชน์สุขของมหาชน
และนอกเหนือไปจากนั้น ได้ทรงกำหนดเป้าหมายในการครองแผ่นดินของพระองค์ด้วย คือเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม คำว่า
ประโยชน์สุข
นี้ เป็นคำที่ยิ่งใหญ่ และเป็นคำที่ลึกซึ้งยิ่ง ณ วันนี้ประเทศไทยควรเหลียวกลับมายึดคำว่า ประโยชน์สุข เป็นเป้าหมายในการพัฒนาประเทศ ซึ่งพระองค์ท่านได้ทรงยึดคำนี้มาโดยตลอด คือเมื่อร่ำรวยแล้วต้องมีความสุขด้วย นั่นคือคำว่าประโยชน์สุขที่จะเกิดขึ้น
๏ ทรงขอให้บ้านเมืองและประชาชนมีพอกิน
นอกจากนั้น คำที่เรียบง่ายที่รับสั่งมาตลอดระยะเวลาที่ทรงครองราชย์ คือ
ขอให้บ้านเมืองของเรา ประชาชนชาวไทยนั้นพอกินกันเถิด
พอมีพอกินกันเถิด คำว่า
พอมีพอกิน
นั้นเป็นคำที่ยิ่งใหญ่ ถ้าประเทศใดไม่มีพอมีพอกินแล้ว คิดว่าประเทศนั้นย่อมไม่สามารถอยู่รอดได้ มิไยจะมีความเจริญเติบโตอย่างไรทางด้านวัตถุ แต่ถ้าหากไม่มีพอมีพอกินแล้ว ความสงบสุข ความผาสุก คงจะไม่เกิดขึ้นบนแผ่นดินนั้นอย่างแน่นอนที่สุด
เพราะฉะนั้นตลอดระยะเวลา 60 ปี ที่ทรงครองราชย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพยายามสร้าง
ความมีกินกับความพอกิน
ให้เกิดขึ้นบนแผ่นดินไทย เราคนไทยเคยเอ่ยอย่างภาคภูมิใจว่าเราเป็น 1 ใน 7 ประเทศ ในโลกนี้เท่านั้น ที่มีอาหารเหลือกินนำออกไปขายเลี้ยงดูชาวโลก โดยเฉพาะข้าว จนถึงทุกวันนี้ต่อให้ใช้เทคโนโลยีสูงส่งเพื่อจะผลิตอะไรอย่างไร ผลสุดท้ายความสำคัญก็กลับมาที่ข้าว ยามใดที่ประเทศชาติเกิดวิกฤติขึ้นมา ก็ได้ข้าวนี่แหละที่ช่วยเหลือให้เรารอดพ้นขึ้นมา เพราะฉะนั้นอย่ามองข้ามสิ่งต่างๆ เหล่านี้ไป ส่วนความเจริญทางด้านวัตถุ หรือเทคโนโลยีที่สูงส่งต่างๆนั้น พอเกิดภาวะวิกฤติจริงๆ ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเราได้ แต่คำว่าพอมีพอกินต่างหากที่ทำให้ประเทศ ชาติของเราเงยหน้าอ้าปากและเราก็มีความสุขขึ้นมาได้
๏ ไม่มีอะไรจะให้นอกจากความสุข
ผมได้เข้าไปถวายงานพระองค์ท่านตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 ผมจำได้ว่าวันแรกที่เข้าเฝ้าฯนั้น พระองค์ท่านรับสั่งได้จับใจมากและผมได้ยึดเป็นวิถีชีวิตของผมมาจนกระทั่งบัดนี้ ประโยคแรกนั้นเป็นเงื่อนไขในการเข้าไปถวายงานพระองค์ พระองค์ท่านรับสั่งว่า
ดีแล้วขอบใจที่มาช่วยงานฉัน แต่เข้ามาทำงานกับฉันนั้น ฉันไม่มีอะไรจะให้นะ นอกจากความสุขที่จะมีร่วมกันในการทำประโยชน์ ให้กับผู้อื่น
ประโยคแรกที่ผมได้รับ จนกระทั่งมาถึงเวลานี้ นับเป็นระยะเวลายี่สิบกว่าปีแล้ว จนบัดนี้ยังฝังแน่นอยู่ในหัวใจ ฝังแน่นอยู่ในสมอง ฉันไม่มีอะไรจะให้ นอกจากความสุขที่จะมีร่วมกันในการทำความสุขให้กับผู้อื่น นี่คือสิ่งที่พระราชทานให้
๏ เสด็จถิ่นทุรกันดาร
สมัยก่อนประชาชนยังยากจนอยู่ ในช่วงแรกๆ ของ พ.ศ. 2524 ที่ผมได้มีโอกาสได้เข้าไปถวายงาน ช่วงแรกๆ นั้น ทั้งปีแทบไม่ได้อยู่บ้านเลย เพราะเสด็จแปรพระราชฐานแห่งละ 2 เดือน เดือนละ 4 ภาค ก็ 8 เดือน ที่เหลือ 2 เดือนเท่านั้นเองที่อยู่กรุงเทพฯ ได้ตามเสด็จฯ ทุกวัน เหนื่อยยากมาก เมื่อเวลาที่จะทรงให้ออกไป ณ ที่ใด จะรับสั่งอย่างเรียบง่ายว่า
เดี๋ยวบ่ายวันนี้ไปเที่ยวกัน
การไปเที่ยวของพระองค์คือการออกไปเดินบุกป่าฝ่าดง ลุยน้ำลุยท่าตากแดดตากฝน ขึ้นเขาลูกแล้วลูกเล่า สิ่งนี้คือไปเที่ยว ซึ่งความสุขของพระองค์อยู่ตรงนั้น ทรงสนุกสนาน และก็จะได้เห็นพระองค์ท่านประทับอยู่ท่ามกลางพสกนิกร และผมรู้สึกจริงๆ ว่าทรงมีความสุข
ถึงแม้ว่าทรงจะเหน็ดเหนื่อยพระวรกาย พระเสโทไหลอาบพระวรกาย อาบพระพักตร์หมดก็ตาม พระองค์จะเสด็จออกจากพื้นที่กลับมาตี 1 ตี 2 ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะฉะนั้นจากพระราชภารกิจของพระองค์ ผมจึงคิดว่าเราอยู่ได้ทุกวันนี้เพราะพระมหากษัตริย์ คิดว่าคำพูดนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เกินเลยแม้แต่น้อย ผมคิดว่าเหล่าพสกนิกรของพระองค์ล้วนประจักษ์ในความจริงข้อนี้ เพราะฉะนั้นพระองค์จึงทรงอยู่ใกล้ชิดประชาชน ทรงประทับอยู่ในดวงใจของประชาชนทุกผู้คน พระองค์รับสั่งว่า
เราจะอยู่สุขสบายได้อย่างไร หากคนที่อยู่รอบข้างเรานั้นยังเดือดร้อนอยู่ ต้องแบ่งเบาความทุกข์ยากของเขาบ้างตามกำลังและความสามารถเท่าที่จะทำได้
เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าตลอดเวลา 60 ปีนั้น ภาพของพระองค์ท่านทรงอยู่ใกล้ชิดประชาชน ทรงโน้มพระวรกายลงไปหาประชาชนที่มาเฝ้าแหนเฝ้าฯ กันเป็นชั่วโมงๆ ภาพของพระเจ้าแผ่นดินที่ทรงคุกเข่าต่อหน้าประชาชน ภาพที่ประทับนั่งพับเพียบอยู่กลางดินกลางทราย กลางถนนลูกรัง หรือทรงสนทนากับประชาชนนั้น เป็นภาพที่เราคนไทยเห็นกันมาตลอดระยะเวลา 60 ปี ซึ่งเป็นภาพที่หายากที่พระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใด จะมาประทับนั่งพับเพียบอยู่กับประชาชนกลางดินกลางทรายเช่นนั้น
มีต่อ >>>>>
_________________
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว
สาวิกาน้อย
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 27 มี.ค. 2006
ตอบ: 2065
ตอบเมื่อ: 05 ธ.ค.2006, 11:31 am
๏ การพัฒนาต้องอยู่บนหลักของภูมิสังคม
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่า
...การพัฒนาจะต้องเป็นไปตามภูมิประเทศ ทางภูมิศาสตร์และภูมิประเทศทางสังคมศาสตร์ในสังคมวิทยา ภูมิประเทศตามสังคมวิทยาคือ นิสัยใจคอของคนเราจะไปบังคับให้คนคิดอย่างอื่นไม่ได้ เราต้องแนะนำ เราเข้าไปช่วยโดยที่จะคิดให้เขาเข้ากับเราไม่ได้ แต่ถ้าเราเข้าไปแล้ว เราเข้าไปดูว่าเขาต้องการอะไรจริงๆ แล้วก็อธิบายให้เขาเข้าใจหลักการ ของการพัฒนานี้ก็จะเกิดประโยชน์อย่างยิ่ง...
การพัฒนาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงยึดถือสภาพความเป็นจริงของ
ภูมิประเทศ
ทั้งในด้านพื้นที่ดิน ด้านสังคมวิทยาที่เกี่ยวกับนิสัยใจคอ อัธยาศัยของคนในพื้นที่พัฒนาเป็นหลัก โดยทรงเน้นว่าจะพัฒนาอะไรหรือจะทำการอะไรนั้น ขอให้ยึดหลักประการสำคัญคือ ให้สอดคล้องกับภูมิสังคม
ภูมิ
หมายถึง
ลักษณะของภูมิประเทศ
ซึ่งก็คือสภาพแวดล้อมที่อยู่รอบๆ ตัวเรานั่นเอง หรือจะพูดแบบชาวบ้านก็คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ นั่นเอง เพราะสภาพภูมิประเทศของเรานั้น แม้จะอยู่ประเทศเดียวกันแต่ลักษณะธรรมชาติจะไม่เหมือนกัน ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง ภาคอีสาน ก็ยังมีภูมิที่ไม่เหมือนกัน เช่น ภาคเหนือเป็นภูเขา ภาคใต้เป็นพรุ ภาคกลางเป็นที่ราบลุ่ม ส่วนภาคอีสานเป็นที่ราบสูงแห้งแล้ง เป็นต้น
สังคม
หมายถึง มนุษย์ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมนั้นๆ แม้จะเป็นคนไทยด้วยกันอยู่ในประเทศเดียวกันแล้วก็อาจจะคิดไม่เหมือนกันหมด หรือว่าตัดสินใจในกรณีที่เกิดขึ้นต่อสิ่งที่อยู่ข้างหน้านั้นในลักษณะที่ไม่เหมือนกันทั้งหมด เช่น คนอยู่ทางเหนือ อยู่ทางใต้ เหตุการณ์ๆ หนึ่งที่เผชิญอยู่นั้นก็อาจจะตัดสินใจไม่เหมือนกันก็ได้ เพราะเขาตัดสินใจไปตามวัฒนธรรม ค่านิยมทางสังคม สิ่งแวดล้อมประเพณี การอบรม บ่มฝังมา เขาก็ต้องตัดสินใจไปตามนั้น และหากไปเปรียบเทียบกับต่างประเทศแล้ว ความแตกต่างก็ยิ่งมากขึ้นเป็นทวีคูณ
๏ อย่าไปเปลี่ยนแปลงเขา
ผมจำได้ว่าเมื่อเสด็จพระราชดำเนินไปที่จอมทองครั้งหนึ่งมีหมู่บ้านกะเหรี่ยงอยู่ตรงนั้น พวกเขาแบ่งกลุ่มไว้อย่างดี กลุ่มหนึ่งทำนา กลุ่มหนึ่งเลี้ยงสัตว์ กลุ่มหนึ่งทำพืชไร่พืชสวนและอื่นๆ และเขาจะเอื้อกัน พอกลุ่มหนึ่งล้มเหลวอีก 2 กลุ่มก็จะเข้ามาพยุง พระองค์ท่านทรงหันมารับสั่งว่า
นี่อย่าไปเปลี่ยนแปลงเขานะ
อันนี้เป็นระบบประเพณีภูมิปัญญาของชาวบ้านเขาและเป็นหลักการปฏิบัติของชาวบ้านที่ดีแล้ว อย่าไปเปลี่ยนแปลงเขา
๏ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา
ในกรณีของภาคใต้ก็รับสั่งว่า
เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา
ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องเข้าใจเสียก่อนว่าต้องเข้าใจภูมิประเทศ เข้าใจคน เข้าใจหลักปฏิบัติ เข้าใจประเพณี เข้าใจจารีตต่างๆ และพร้อมกันนั้น นอกจากเราเข้าใจเขาแล้ว จะทำอย่างไรให้ เขาเข้าใจเราด้วย การเข้าใจนี้เป็น 2 ทางความสำเร็จคือต่างฝ่ายต่างเข้าใจซึ่งกันและกัน ต่างฝ่ายต่างเข้าหากันและผลสุดท้ายการ พัฒนาก็เป็นผลที่สอดคล้องต้องกันตกลงร่วมกันเห็นพ้องต้องกัน สิ่งนั้นแหละ คือ สุดยอดของการพัฒนาตามแนวทางของพระองค์ท่าน
๏ ทรงให้ รู้ รัก สามัคคี
ทรงสอนคนไทยให้ รู้ รัก สามัคคี รู้ หมายถึงรู้ถึงปัญหา รู้ถึงวิธีการแก้ปัญหา เมื่อรู้แล้วต้องมีความรัก เป็นพลังผลักดันให้ปฏิบัติ และอย่าคิดคนเดียว ทำคนเดียว ต้องใช้ความสมัครสมาน สามัคคีปฏิบัติร่วมกัน
๏ พระราชทานหลักเศรษฐกิจพอเพียง
ทรงให้ยึดหลัก
เศรษฐกิจพอเพียง
เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต เศรษฐกิจพอเพียง ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทาน คือคำว่า
พอ
คือพอประมาณเดินเส้นทางสายกลางตลอด ทำอะไรด้วยเหตุด้วยผล ตั้งอยู่ในความพอดีและมีภูมิคุ้มกันตลอดเวลา และทุกอย่างต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของคุณธรรมและจริยธรรม
๏ นานาประเทศล้วนซาบซึ้งในพระเกียรติคุณ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่า
พระองค์ทรงทำราชการ
เพราะฉะนั้น ตลอดระยะเวลา 60 ปีนั้นทรงทำตลอด ทรงทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยมาก ทรงช่วยเหลือประเทศและประชาชนทุกแง่ทุกมุม ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นในแผ่นดินไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแก้ไขมาตลอดยาวนานตลอด 60 ปี ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ปัญหาต่างๆ ก็ได้ทุเลาเบาบางลงเป็นอันมาก
พระราชกรณียกิจขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการพัฒนาประเทศ มิเพียงแต่พสกนิกรของพระองค์จะสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น เหล่านานาประเทศทั่วโลกก็ได้ซาบซึ้งใน พระเกียรติคุณดังกล่าวและได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเหรียญและรางวัลต่างๆ เพื่อร่วมเชิดชูพระเกียรติคุณด้วย และใน ปี พ.ศ.2549 นี้ องค์การสหประชาชาติได้ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นายโคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวว่า
เป็นครั้งแรก ที่องค์การสหประชาชาติได้จัดทำ รางวัลเกียรติยศนี้เพื่อมอบแก่บุคคลดีเด่นที่ได้อุทิศตลอดช่วงชีวิต สร้างผลงาน ที่มีคุณค่าต่อการพัฒนา ความก้าวหน้าของคนจำนวนมาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงได้รับการถวายพระราชสมัญญาจากชาวโลกว่า ทรงเป็นพระมหากษัตริย์นักพัฒนาพระบรมธรรมิกราชผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นสมเด็จพระบรมธรรมิกราชผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ต่ออาณาประชาราษฎร์และต่อประเทศไทย พระองค์ได้ทรงนำพาประเทศไทยให้สามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่าง มีความสุขและดำรงเกียรติภูมิของความเป็นประเทศไทยและคนไทยมาจนตราบเท่าทุกวันนี้
เนื่องในวโรกาสมหามงคลทรงเจริญพระชนมพรรษา 79 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม 2549 ขอถวายพระพรด้วยความจงรักภักดี และด้วย ความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ทรงมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน พระพลานามัยสมบูรณ์ทรงสถิตอยู่เป็น มิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยตลอดไปชั่วกาลนาน
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล
......................................................................
คัดลอกมาจาก
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ คอลัมน์ข่าวสังคม-สตรี
ปีที่ 57 ฉบับที่ 17850 วันอังคารที่ 5 ธันวาคม 2549
_________________
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348
ตอบเมื่อ: 05 ธ.ค.2006, 12:15 pm
และขอให้คนไทยเห็นแก่ประเทศชาติโดยรวม มากกว่าเห็นแก่ประโยขน์ส่วนตนและพวกพ้อง สาธุ
_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
gradkeaw
บัวผลิหน่อ
เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2005
ตอบ: 3
ที่อยู่ (จังหวัด): หนองบัวลำภู
ตอบเมื่อ: 07 ธ.ค.2006, 9:01 am
ใช่แล้วค่ะ .. ถ้าคนไทยสมัครสมานปรองดองทำตามพระราชดำรส บ้านเมืองนี้จะพ้นวิกฤตในไม่ช้าได้ ขอภาวนาให้คนไทยทุกศาสนาปรองดองรักกลมเกลียวกัน
สาธุ
_________________
ยินดีเป็น กัลยาณมิตร ของทุกท่านนะคะ
การเปิดโอกาสที่จะได้สนทนาและสร้างเครือข่ายของ
กัลยาณมิตรนั้นเป็นเรื่องสมควรกับยุคสมัย
การสัญญาว่าจะเป็นกัลยาณมิตรที่ดีนั้น น่าเป็นอีกช่องทาง
ที่จะทำให้หัวใจชาวพุทธเข็มแข้งไม่เปราะบาง และมีธรรมะเป็นที่พึ่ง
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
ไม่สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th