ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
ศายบุตร
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
19 ธ.ค.2005, 1:59 pm |
  |
แม้จะล่วงเลยมาถึงกว่า 2,500 ปี แต่พระธรรมคำสอนและหลักปรัชญาอันเรียบง่ายแต่ลึกซึ้งของศาสนาพุทธ นอกจากจะหยั่งรากลึกเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพุทธศาสนิกชนอย่างมั่นคงแล้ว ยังแผ่ไพศาลจนได้รับแรงศรัทธาจากผู้คนทั่วโลกมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เว้นแม้แต่ในโลกตะวันตก
ชายผู้สอนให้ผมเข้าใจพุทธศาสนามากที่สุดไม่ใช่ภิกษุผู้ปลงผม ไม่ได้พูดภาษาสันสกฤต และไม่ได้อาศัยอยู่ในอารามแถบเทือกเขาหิมาลัย
อันที่จริงเขาไม่ได้นับถือศาสนาพุทธเสียด้วยซ้ำ คนผู้นี้คือคาร์ล เทย์เลอร์ ชาวซานฟรานซิสโกแต่กำเนิดวัยสี่สิบปลายๆ ในตอนนั้น เขานั่งอยู่บนเตียงคนไข้ซึ่งถูกเข็นไปที่สวนนอกหอผู้ป่วยระยะสุดท้ายของโรงพยาบาลลากูนาฮอนดา ดูจากท่าทีเหมือนเขากำลังรู้สึกหนาว แม้จะเป็นยามบ่ายของวันฟ้าใสในฤดูร้อน แต่ในเมืองนี้ ท้องฟ้าที่ปราศจากเมฆอาจหมายถึงอากาศที่เย็นจับจิต เขากำลังจะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง
ผมเข้าร่วมโครงการเซนสงเคราะห์ผู้ป่วยระยะสุดท้ายเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ อาสาสมัครจากองค์กรพุทธศาสนานี้จะช่วยงานเจ้าหน้าที่ในหอผู้ป่วยขนาด 25 เตียงของโรงพยาบาลลากูนาฮอนดา โครงการสงเคราะห์ผู้ป่วยที่ขยายไปทั่วโลกนี้ใช้พุทธธรรม 2 ข้อ คือ สติ หรือความตระหนักรู้ในปัจจุบัน และความเมตตา เป็นเครื่องช่วยให้ผู้ป่วยภาคภูมิในศักดิ์ศรีและคุณค่าของตน แต่บทเรียนที่ว่าใช่จะเรียนรู้ได้ง่ายๆ
ผมนั่งข้างๆคาร์ล และช่วยขยับเสื้อแจ๊คเก็ตคู่ใจที่เขาใช้ต่างผ้าห่มให้เข้าที่ คาร์ลปลงตกและยอมรับชะตากรรมด้วยจิตใจที่กล้าหาญ ผมพยายามชวนคุยแต่ก็ฝืดเฝือเต็มที การปลอบโยนคนที่รู้ตัวว่าจะอยู่ได้อีกไม่นานนั้นเป็นเรื่องยากจริงๆ
"คุณทำ... เอ่อ เคยทำงานอะไรหรือครับ" คาร์ลที่กำลังสูบบุหรี่นั่งเงียบโดยไม่ตอบอะไร เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าขณะที่เราเฝ้ามองกลุ่มเมฆขาวเคลื่อนไปบนท้องฟ้า
"ผมไม่อยากพูดถึงอดีตครับ"
ไม่เป็นไร ผมนึกไล่คำถามอื่นๆเพื่อสานต่อบทสนทนา เมื่อถามถึงอดีตไม่ได้และอนาคตก็ไม่ควรถาม จึงเหลือแต่ปัจจุบันเท่านั้น ซึ่งก็ไม่มีอะไรจะให้ถาม เพราะปัจจุบันขณะก็คือภาวะที่เป็นอยู่ ผมรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ เพราะเมื่อปราศจากคำถาม นักข่าวอย่างผมก็ไม่รู้จะทำอะไรดี
ทว่าเพียงแค่มีคนนั่งเป็นเพื่อน คาร์ลกลับดูสบายใจขึ้นแล้ว เมื่อยอมรับได้ว่าไม่ต้องทำอะไรและไม่ต้องรีบไปไหน ผมก็รู้สึกผ่อนคลาย คาร์ลเหลือบมองผมแล้วยิ้ม เราทั้งคู่ต่างรู้ว่าผมเพิ่งได้บทเรียนเล็กๆบทหนึ่ง
สัปดาห์นั้นผมยังได้บทเรียนเกี่ยวกับพุทธศาสนาอีกหลายบท เช่น อนิจจัง หรือความไม่เที่ยงของชีวิต การยึดมั่นถือมั่นให้ทุกสิ่งเป็นไปดั่งใจและความผิดหวังเมื่อไม่สมใจ ความทุกข์ทางกายและทางใจ และคุณค่าของสิ่งที่ชาวพุทธเรียกว่าสงฆ์ ซึ่งแปลให้ใกล้เคียงที่สุดได้ว่า "หมู่หรือคณะ" แต่สิ่งสำคัญที่สุด ผมได้ประจักษ์ว่า สิ่งที่บุรุษผู้หนึ่งในอินเดียเรียนรู้เมื่อ 2,500 ปีก่อนสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในโลกสมัยใหม่ได้อย่างไร
ปัจจุบันมีพุทธศาสนารูปแบบใหม่เกิดขึ้นทั่วโลก มีการนำพุทธปรัชญามาใช้ในการบำบัดสุขภาพใจและกาย รวมทั้งการปฏิรูปการเมืองและสิ่งแวดล้อม ธรรมะช่วยให้นักกีฬาพัฒนาทักษะ ช่วยให้ผู้บริหารระดับสูงจัดการความเครียดได้ดีขึ้น ช่วยให้ตำรวจคลี่คลายเหตุการณ์วุ่นวาย และช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของผู้ป่วยโรคเรื้อรัง บทบาทร่วมสมัยเช่นนี้ทำให้พุทธศาสนารุ่งเรืองขึ้นใหม่ แม้แต่ในอินเดียที่พุทธศาสนาเกือบสูญหายไป หรือในประเทศจีนที่พุทธศาสนาเคยเป็นสิ่งต้องห้าม
ปัจจุบันศาสนาพุทธไม่ได้จำกัดวงอยู่ในหมู่ภิกษุ หรือเศรษฐีชาวตะวันตกที่เห่ออารยธรรมตะวันออกอีกต่อไป ชาวคริสต์และชาวยิวหันมาปฏิบัติตามหลักธรรมของพุทธศาสนา ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกาฝึกสมาธิร่วมกับชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่น ผู้เชี่ยวชาญบางคนประมาณว่าเฉพาะในสหรัฐฯ มีพุทธศาสนิกชนราว 3 ล้านคน และการวิจัยเมื่อปี 2004 พบว่า ชาวอเมริกันกว่า 25 ล้านคนเชื่อว่า คำสอนของพุทธศาสนามีผลต่อจิตวิญญาณของตนอย่างสูง
โครงการเซนสงเคราะห์ผู้ป่วยระยะสุดท้ายคือตัวอย่างหนึ่งของ "พุทธศาสนาที่มีบทบาทในสังคม" ซึ่งเป็นคำที่บัญญัติขึ้นโดยติช นัท ฮันห์ ภิกษุเวียดนามผู้ถูกเนรเทศในทศวรรษ 1960 เพราะการต่อต้านสงครามด้วยสันติวิธี ปัจจุบันภิกษุชราวัย 79 ปียังคงทำงานเพื่อสังคม และในปีนี้ซึ่งครบรอบ 30 ปีที่พรรคคอมมิวนิสต์ยึดครองเวียดนาม ท่านใช้เวลา 3 เดือนออกเผยแผ่พุทธศาสนาไปทั่วมาตุภูมิที่ท่านเคยถูกขับไล่
ติช นัท ฮันห์ จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อแก้ไขข้อขัดแย้งและเจรจาสันติภาพระหว่างฝ่ายต่างๆ เช่น ชาวปาเลสไตน์และอิสราเอล ขึ้นเป็นประจำ ณ ศูนย์ฝึกสมาธิประจำหมู่บ้านพลัมทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ท่านเล่าว่า การสัมมนาเช่นนี้มักเริ่มต้นด้วยความโกรธเกลียด แต่มักจบลงด้วยอ้อมกอดเสมอ
ท่านกล่าวเรียบๆว่า "การเปลี่ยนความคิดของผู้เข้าร่วมสัมมนาล้วนเกิดจากสุภาษิตที่ว่า ‘นิ่งเสียตำลึงทอง’ ในการแก้ไขปัญหาสังคมทุกอย่าง ก่อนอื่นเราต้องเรียนรู้สิ่งที่พุทธองค์ทรงเรียนรู้ นั่นคือการทำจิตให้ว่าง จากนั้นเราจะรู้เองว่าควรทำอะไรต่อไป"
อ่านเรื่องราวทั้งหมดอย่างจุใจได้จาก นิตยสารเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ฉบับภาษาไทย http://www.agalico.com/board/showthread.php?t=2834 |
|
|
|
|
 |
นิพพาน
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 30 ต.ค. 2006
ตอบ: 34
|
ตอบเมื่อ:
03 พ.ย.2006, 12:10 am |
  |
|
  |
 |
เด็กเมื่อวานซืน
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 22 ต.ค. 2006
ตอบ: 31
ที่อยู่ (จังหวัด): นนทบรี
|
ตอบเมื่อ:
03 พ.ย.2006, 8:45 pm |
  |
ดีครับ ไม่กีดกันว่านั่นเขา นี่เรา ใจกว้างขวางรับสิ่งดีแปลกใหม่ได้ สมกับเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วทั้งเรื่องของวัตถุ จิตใจ เสรีภาพความเป็นมนุษย์
นับถือน้ำใจผู้ทำบุญ
ยังรู้น้อยไม่แตกฉาน ขอศึกษา ศึกษา จนเข้าใจ  |
|
_________________ กินเหมือนสุกร อยู่เหมือนสุนัข ฝักใฝ่เสพกิเลสร่ำไป |
|
  |
 |
แมวขาวมณี
บัวบาน


เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2006
ตอบ: 307
|
ตอบเมื่อ:
04 พ.ย.2006, 9:00 pm |
  |
ศาสนาเซน ......... มีศาสดา.......ชื่อ ...มหาวีระ ช่ายมะ |
|
_________________ พฤษภกาสร อีกกุญชร อันปลดปลง
โททนต์ เสน่งคง สำคัญหมาย ในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้น ทั้งอินทรีย์
สถิตย์ทั่ว แต่ชั่วดี ประดับไว้ ในโลกา |
|
   |
 |
ชัยพร พอกพูล
บัวพ้นดิน

เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2006
ตอบ: 73
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ
|
ตอบเมื่อ:
11 พ.ย.2006, 8:49 pm |
  |
อ่า... เท่าที่ผมเคยอ่านมา ศาสนาเซนที่ว่านี้ ที่จริงเป็นศาสนาพุทธนิกายมหายาน และแตกยอดทางความคิดเป็นนิกายญาณ พอเข้ามาที่ญี่ปุ่นซึ่งออกเสียงญาณไม่ได้ก็เรียกว่า"เซน"แทน แต่เนื่องจากมีวิธีการในการเข้าถึงนิพพานไม่เหมือนกับนิกายหินญาณ หรือแม้แต่ นิกายมหายานเองด้วย การพูดคุยเรื่องธรรมะระหว่างสงฆ์ด้วยกัน ก็เป็นไปแบบอ้อมๆ ไม่ตอบตรงๆ หรือสอนตรงๆ ต้องใช้ปัญญาในการปุจฉา-วิสัชนาอย่างมาก จึงทำให้ฝรั่งเห็นว่าน่าจะเรียกว่าเป็นอีกศาสนาหนึ่ง แยกจากพุทธศาสนาเรา ส่วนเรื่องพระท่านไหนเป็นผู้ตั้งนิกายนั้น ต้องขออภัยครับ จำไม่ได้จริงๆ(ขี้ลืมอะครับ-_-") แต่ท่านอาจารย์ มรว. คึกฤทธิ์ ปราโมชย์ เขียนไว้ในหนังสือ "นิกายเซน" ครับ ลองหามาอ่านดูครับ อ่านแล้วเข้าใจเซนขึ้นพอสมควรเลยครับ |
|
_________________ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม |
|
   |
 |
แมวขาวมณี
บัวบาน


เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2006
ตอบ: 307
|
ตอบเมื่อ:
17 พ.ย.2006, 6:50 pm |
  |
หมายถึง ลัทธิเชนที่มีขึ้นมาพร้อมสมัยพระพุทธเจ้า
มีแนวทางปฏิบัติคล้ายกัน พระมหาวีระเกิดในสกุลกษัตริย์เจ้าลิจฉวี มีกำลังมากเป็นผู้กล้าหาญ
สละราชสมบัติออกบวชเหมือนกันแต่มีข้อแตกต่างในการปฏิบัติน่ะค่ะ
แต่คงไม่ใช่มังค่ะคงชื่อคล้ายกันต้องไปหาอ่านเพิ่มเติม |
|
_________________ พฤษภกาสร อีกกุญชร อันปลดปลง
โททนต์ เสน่งคง สำคัญหมาย ในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้น ทั้งอินทรีย์
สถิตย์ทั่ว แต่ชั่วดี ประดับไว้ ในโลกา |
|
   |
 |
|