Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ภาพถ่าย หินรูปหน้าคน วิหาร และพีระมิดบนดาวอังคาร อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
๛ Nirvana ๛
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 09 เม.ย. 2006
ตอบ: 403

ตอบตอบเมื่อ: 26 ก.ย. 2006, 11:25 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตอนนี้จะพาทุกท่านไปยังดาวอังคารครับ ไปชมเรื่องราวอันน่าพิศวงและความช่างคิด ที่ยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้ของฝรั่งเค้าอีกตามเคย กับหัวข้อนี้ไง "ทฤษฎีสมคบคิด" ตอนที่ 4 ของ Series

ดังที่เคยเป็นข่าวมาเป็นระยะๆ เกี่ยวกับเรื่องราวของดาวอังคารหรือดาวแดงของบางท่าน บนดาวอังคารมีอะไร ? อเมริกาตอบคำถามนี้ด้วยการส่งยานไปสำรวจดาวอังคารมานานนับเป็นร้อยปีแล้วครับ หลังจากที่เรา(หมายถึงทางอเมริกา) พิชิตดวงจันทร์ได้ ดาวอังคารก็เป็นเป้าหมายต่อไป นับมาตั้งแต่การสำรวจนับครั้งไม่ถ้วน เช่น ยานมารีเนอร์ (Mariner) ยานไวกิ้ง 1,2 (Viking) สำรวจเมื่อปี ค.ศ. 1976 ต่อมาในปี 1996 ก็ส่งยาน Mars Global Surveyor ไปอีก และในปีเดียวกันกับยาน Mars Pathfinder ซึ่งก็ไม่ได้อะไรมากไปกว่าบรรดาภาพถ่ายนับพันใบที่ส่งมายัง NASA เป็นไปได้หรือกับการที่ส่งทั้งยานอวกาศ ดาวเทียมและยานสำรวจไปตั้งมากมาย แต่กลับสิ่งที่เราได้รู้เพิ่มเติมภายหลังจากการสำรวจแต่ละครั้ง ก็ไม่ได้มากมายไปกว่าการสำรวจมหาสมุทรหรือท้องทะเลในโลกเราเลย เค้าอาจจะรู้แต่เราไม่รู้ ? แต่ก็ไม่แน่ครับว่าทาง NASA อาจจะ "ซุกซ่อนและปกปิด" อีกครั้งตามความถนัดของทางพี่เค้าเองอีกหรือเปล่า ?

Image

ทางดาวอังคารนั้นก็มีดาวบริวารเหมือนกันครับหรือที่เราเรียกว่าดวงจันทร์ของดาวอังคารอยู่ 2 ดวง ชื่อโฟโบส (Phobos) กับ ไดโมส (Deimos) มีรูปร่างเกือบกลมและมีขนาดเล็กมาก เล็กกว่าดวงจันทร์ของโลกเราเสียอีก ว่ากันว่าแต่เดิมเนี่ยดวงจันทร์ทั้งสองดวงเนี้ยไม่ใช่ดาวบริวารของดาวอังคาร แต่อาจจะถูกแรงดึงดูดของดาวอังคารจับเอาไว้ตอนมันโคจรผ่านเข้ามาแล้วก็เลยกลายเป็นดาวบริวารไป และโคจรอยู่ใกล้กับดาวอังคารมากจนเห็นได้ชัด แต่ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นมานานกี่แสนกี่ล้านปีมาแล้ว ก็ยังไม่อาจทราบได้

บริเวณที่อเมริกาชอบส่งบรรดายานสำรวจหรือดาวเทียมถ่ายภาพระยะไกลทั้งหลายแหล่ไปนั้น เป็นส่วนที่เรียกกันว่า "ไซโดเนีย (Cydonia)" ทำไม๊ ทำไมถึงชอบไป Landing บริเวณนี้กันนักหนาล่ะ สำรวจทีไรก็ไซโดเนีย หรือไม่ก็ไม่ไกลจากบริเวณนั้นไปเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพียงพิกัดหรือบริเวณที่เหมาะแก่การสำรวจเท่านั้น แต่ !! ถ้ามีบางสิ่งอยู่ตรงบริเวณนั้นล่ะ ? บางสิ่งที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ในเวลานี้หรืออาจจะตลอดไปตราบเท่าที่ทางอเมริกาจะสามารถทำได้ แล้วมันคืออะไรละ ? จำได้มั๊ยครับว่าบริเวณ Cydonia นั้นมีอะไรอยู่ ใช่แล้ว มันคือรูปภาพหน้าคนที่เราเรียกกันว่า "Face on Mars" หินที่ก่อตัวจนเป็นรูปหน้าคน บังเอิญหรือว่ามีอะไรหรือใครไปสร้างเอาไว้บนนั้น

ได้มีการพิสูจน์กันว่าแท้ที่จริง "Face on Mars" คืออะไรกันแน่ เป็นเพียงภาพหินธรรมดาที่บังเอิญแสงและเงาทำให้เกิดภาพเช่นนี้ขึ้นมา หรือว่ามันเป็นสิ่งก่อสร้างของสิ่งมีชีวิตที่ทรงปัญญาบนดวงดาวนั้น หลายท่านอาจจะเคยผ่านตากับภาพชุดนึงที่เค้าว่าเป็นภาพถ่ายจากทางด้านข้างหรือทางด้านอื่นๆ ของ "Face on Mars" นี้ แล้วได้มีการสรุปออกมาว่า มันเป็นเพียงภาพก้อนหินใหญ่ธรรมดาที่โดนเล่นตลกด้วยแสงเงา จนเป็นรูปร่างหน้าคนขึ้นมา แต่ก็มีบรรดานักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์บางท่าน รวมไปถึงนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญและบรรดาชายขี้สงสัยทั้งหลายไม่เห็นด้วยและได้แย้งเอาไว้ว่า มันจะง่ายไปหน่อยหรือเปล่า กับการที่จะสรุปว่ามันเป็นเพียงก้อนหินธรรมดาที่ไม่มีอะไรหรือบังเอิญเกิดขึ้นจากธรรมชาติ โดยอาศัยบทสรุปเพียงภาพถ่ายจากทางด้านข้างหรือด้านอื่นที่ไม่ใช่ภาพด้านบน

"ลองมองลายเส้นนาซก้าจากบนดินซิ คุณเห็นอะไรมั๊ย ? วิหารต่างๆ ละ ทำไมต้องสร้างให้มันใหญ่โตด้วย เพื่ออะไร ? แล้วปิระมิดหรือบรรดาสิ่งก่อสร้างโบราณที่ใหญ่ยักษ์ทั้งหลายล่ะ มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเหตุผลใด ? เพื่อบูชาและเป็นเครื่องหมายแสดงถึงการเคารพและเพื่อให้พระเจ้าของเขามองเห็นได้ง่ายยังไงล่ะ เมื่อเทพเจ้าของพวกเขาเสด็จหรือมองลงมาจากท้องฟ้า" ครับ ก็ว่ากันไป

Image

เมื่อมีการสร้างสิ่งต่างๆ ขึ้นมาได้นั่นย่อมแสดงว่าบนดาวอังคารย่อมมีสิ่งมีชีวิตที่ทรงปัญญาอาศัยหรือ "เคยอาศัย" อยู่บนนั้น ดังที่อาจจะรู้กันแล้วว่าบนดาวอังคารนั้นไม่ได้มี "Face on Mars" เพียงหน้าเดียว ที่ถูกควรจะเป็น "Faces on Mars" มากกว่า ใช่ครับยังมีอีกใบหน้าหนึ่งนอกจากใบหน้าที่เราๆ ท่านๆ คุ้นเคยกัน แต่มีลักษณะที่เล็กกว่าและอยู่ถัดไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น (แต่ก็เป็นกิโลแน่ะ) ดวงจันทร์สองดวงนี้กับใบหน้ามีความเกี่ยวข้องอะไรกันหรือเปล่า ? เป็นประเด็นที่มีการขบคิดของบรรดาผู้ที่(อยาก)รู้ กันครับ

แล้วสรุปกันออกมาว่า มันน่าจะเป็นสิ่งก่อสร้างที่สร้างขึ้นมาเพื่อสักการะหรือบูชาต่อดวงจันทร์ทั้งสองดวง โอ้โฮ ! ช่างสรุปกันได้น่าสนใจทีเดียว เอ ลองฟังไว้ก็ไม่เสียหลายนี่นา ว่าแล้วก็ฟังหรือดูกันเลย ขอย้อนกลับไปในปี ค.ศ.1976 ที่ NASA ส่งยานไวกิ้ง (Viking) ไปถ่ายภาพดาวอังคาร หนึ่งในหลายๆ ภาพนั้นเป็นภาพของก้อนหินเป็นรูปร่างที่มีองค์ประกอบต่างๆ เช่น ดวงตา จมูก ปากและที่ครอบศีรษะหรือบางทีอาจจะเป็นหัว อยู่อย่างชัดเจน พูดกันง่ายๆ ว่ามันดูเหมือนใบหน้าของสิ่งมีชีวิตที่ดูคล้ายกับมนุษย์ !!!

เพียงไม่กี่วันหลังจากนั้น ก็เป็นข่าวไปทั่วโลกว่าพบสิ่งก่อสร้างหรือใบหน้ามนุษย์บนดาวอังคาร แต่ทาง NASA ก็ไม่ได้ให้ข้อมูลหรือรายละเอียดมากไปกว่าที่เราทราบกัน ทั้งภายหลังยังพยายามออกมาชี้แจงรวมทั้งนำภาพถ่ายอื่นๆ จากทางด้านข้างและด้านอื่นให้ดูว่ามันไม่ใช่อะไรที่มากไปกว่าหินหรือภูเขาก้อนหนึ่งเท่านั้น เอ มันก้อแปลกๆ นาทำอย่างนี้ จนกระทั่งได้มีการวิเคราะห์และตรวจสอบกันจากทางทั้งนักดาราศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญและนักสืบเอกชน (ไปเกี่ยวไรด้วยว๊า -_-'') และนำมาตีแผ่ต่อสื่อ รวมทั้งต่อว่าทาง NASA ว่าปกปิดข้อมูลที่แท้จริงเอาไว้ และทาง NASA ก็ได้ออกมาโต้กลับว่า ก็มันไม่มีอะไรจริงๆ นี่น๊า จะไม่เชื่อกันบ้างหรือไง มันก็เป็นเพียงก้อนหินเท่านั้นไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้นเล๊ย และจากภาพถ่ายของดาวอังคารแถบบริเวณ Cydonia เค้าว่าถ้าสังเกตให้ดีบนภาพจะมีจุดอยู่ 4 จุด ถัดจาก "Face on Mars" ออกไปหรือก็คือมันล้อมรอบ "Face on Mars" อยู่นั่นเอง ซึ่งเค้าว่ากันว่าแต่ละจุดเปรียบได้กับมหาปิระมิดของอียิปต์ ซึ่งเราก้อได้ทราบกันไปบ้างแล้วใช่มั๊ยครับ ว่ามีการค้นพบสิ่งก่อสร้างที่คล้ายกำแพงเมืองและปิระมิด (Pyramid) รวมไปถึง สฟิงซ์ (Sphinx) บริเวณนั้นด้วย มาว่ากันต่อเรื่องจุดนั้นมีการเรียงตัวเป็นมุมทั้ง 4 และล้อมรอบด้วยกลุ่ม ปิระมิดเล็กๆ ที่ไม่เล็กเสียทีเดียว โดยทั้งบริเวณนี้กินเนื้อที่ไปกว่าหนึ่งไมล์หรือราว 1.6 กิโลเมตรโดยประมาณ แถมทั้งหมดนี่ยังมีการเรียงตัวที่เป็นเส้นตรงซะอีกแน่ะ

ซึ่งเค้าว่ากันว่ามันดันเหมือนกับจุดศูนย์กลางกองบัญชาการของเพนทากอน (Pentagon) หรือกระทรวงกลาโหมของอเมริกาเพียงแต่เพนทากอนนั้นมีอยู่ 5 มุม อุ อุ อุ แต่ก็คล้ายกับ "Face on Mars" ที่ล้อมรอบด้วยจุดหรือปิระมิดเหล่านี้เช่นกัน !!! หรือที่เรียกจดศุนย์กลางนี้ว่า "The Center Point" ทีนี้เราลองไปทางตะวันตกจาก Cydonia อีกหน่อยก็จะเจอกับหินที่มีรูปร่างลักษณะคล้ายกับหัวแครอทหันไปทางใต้ อันนี้ละครับที่เค้าว่ามันคล้ายกว่าใบหน้าของสิ่งมีชีวิตมากกว่าอันแรกเสียอีก !! ซึ่งประกอบไปด้วยสองตา ริมฝีปากและคาง แม้แต่สันจมูกด้วยซ้ำไป รวมจากองค์ประกอบมันแล้วเป็นอะไรที่คล้ายใบหน้ามาก แต่ทว่าไม่น่าจะใช่ใบหน้าของมนุษย์อย่างเราๆ แน่นอนเลยครับ กับ "The Second Face" เป็นชื่อที่เรียกกันของสิ่งนี้



มีต่อ >>>
 

_________________
ขอความสวัสดีจงมีแด่ท่าน

แก้ไขล่าสุดโดย ๛ Nirvana ๛ เมื่อ 26 ก.ย. 2006, 11:29 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวตำแหน่ง AIMMSN Messenger
๛ Nirvana ๛
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 09 เม.ย. 2006
ตอบ: 403

ตอบตอบเมื่อ: 26 ก.ย. 2006, 11:28 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เอาละครับทีนี้เรามาถึงข้อมูลที่ทฤษฎีนี้ว่ากันไว้เมื่อตอนต้นว่า สิ่งเหล่านี้คืออะไรกันแน่และทำไมชาวดาวอังคาร (Martians) ถึงสร้างมันขึ้นมา ?? คำตอบที่เค้าว่าเอาไว้ก็คือ มันถูกสร้างเพื่อให้เป็นวิหารไว้สำหรับเคารพและสักการะบูชาต่อดวงจันทร์ทั้งสองของดาวอังคาร !! โดยชาวดาวอังคารก็เคยถูกมาเยือนด้วยสิ่งมีชีวิตที่ทรงปัญญาจากระบบสุริยะที่ไกลออกไป และสั่งสอนศิลปะวิทยาความรู้ให้แล้วก็จากไป เช่นเดียวกันกับที่อาจจะเกิดขึ้นบนโลกเรานี้กับอารยธรรมโบราณต่างๆ !?!?! และผลพวงนั้นก็ทำให้เกิด Cydonia Complex ขึ้นมาเพื่อที่จะพยายามติดต่อและเพื่อเป็นที่สักการะของเหล่าชาวดาวอังคารต่อพระเจ้าของพวกเขานั่นเอง ด้วยการสร้างใบหน้าให้หันขึ้นไปบนท้องฟ้า เพื่อให้พระเจ้าของเค้ารู้ว่าพวกเขากำลังคอยการกลับมาของพระองค์อยู่ ฟังแล้วคุ้นๆ มั๊ยครับเหมือนกับหลายอารยธรรมบนโลกนี้เอาเสียจริง มันจะเป็นการบังเอิญที่เกินไปหรือเปล่า

Image

ถ้าเกิดครั้งหนึ่งบนดาวอังคารเคยมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่และมีอารายธรรมอยู่บนนั้น ดังที่เคยกล่าวไปแล้วว่า ชาวอังคารอาจจะเคยถูกเยือนด้วยสิ่งมีชีวิตและทรงปัญญากว่าพวกเขาตอนนั้น แล้วก่อนหน้าที่จะมีผู้มาเยือนละ ? มันหมายถึงว่าในขณะนั้นพวกเค้าอาจมีเทคโนโลยีและความรู้ที่อาจยังล้าหลัง เหมือนยุคบรรพบุรุษของเราในยุคหินหรือยุคที่ยังมีความเชื่อต่อพระเจ้า และสิ่งที่มองไม่เห็นก็อาจเป็นได้ และเมื่อมีผู้มาเยือนจากฟากฟ้าแล้วสั่งสอนวิทยาความรู้ให้แล้วก็ทรงเสด็จกลับไปยังบนฟ้า และนึกว่าดวงจันทร์เป็นที่ที่พระองค์ทรงเสด็จลงมา ก็เลยสร้างวิหารและปิระมิดขึ้นมาตามที่กล่าวไว้ข้างต้น อย่างนี้เปรียบได้กับอารยธรรมส่วนใหญ่บนโลกเราทื่มีการสักการะบูชาต่อดวงจันทร์ หรือว่าเราจะเดินตามรอยชองชาวดาวอังคารอีกคำรบนึง ? มาดูตัวอย่างบรรดาอารยธรรมที่มีการสักการะบูชาต่อสิ่งบนฟ้ากันดีกว่าครับ ชาวอียิปต์โบราณบูชาพระอาทิตย์และดวงดาว ชาวสุเมเรียนเคารพและบูชาดวงจันทร์ ชาวกรีกและโรมันนับถือต่อดวงดาวต่างๆ หลายๆ อย่างที่มองไม่เห็นและน่าเชื่อถือจะกลายเป็นพระเจ้าของพวกเขาไปในที่สุด แล้วถ้าเกิดชาวดาวอังคารเคยทำอย่างนี้มาก่อนละ ? กับดวงจันทร์ที่คิดว่าพระเจ้าอาศัยอยู่บนนั้นและคอยพิทักษ์รักษาพวกเขาอยู่ Cydonia Complex เลยกลายเป็นคำตอบในเวลาต่อมาจาก "The First Face" สร้างขึ้นเพื่อสักการะต่อดวงจันทร์โฟโบส และ "The Second Face" ต่อไดโมส "Deimos"

Image

นอกจากนี้ยังมีในส่วนความสัมพันธ์ทางคณิตศาสตร์ของตรีโกณระหว่าง Cydonia Complex ที่ลงตัวกันอย่างเหมาะเจาะกับระบบวงโคจรของดวงจันทร์ทั้งสอง เมื่อเปรียบเทียบมาเป็นอัตราส่วนที่เท่าๆ กัน เหมือนดังปิระมิดของอียิปต์ที่มีอัตราส่วนหลายๆ อย่างไปตรงกันกับความสัมพันธ์ทางคณิตศาสตร์เช่น จำนวนขั้นของปิระมิดเมื่อนำมาคำนวณทางคณิตศาสตร์ (ขอโทษขะรับ ผมจำไม่ได้ว่ายังไงแล้ว -_-''') จะได้ออกมาเท่ากันกับจำนวนวันของโลกคือ 365 วันและระยะทางระหว่างจากโลกไปดวงดาวต่างๆ ก็มีบอกอยู่ (อันนี้ลองหาอ่านกันดูนะขะรับ ผมจำได้แค่นี้ง่ะ -_-''') ก็เป็นข้อมูลระหว่างดวงจันทร์ทั้งสองดวงและ Cydonia Complex ที่เค้าว่าเอาไว้ อ้อ มีทิ้งท้ายนิดนึงครับ "เป็นไปได้ที่หินเพียงก้อนนึงอาจจะดูเหมือนใบหน้าได้ แต่เป็นไปได้ยากที่หินหลายๆ ก้อนมารวมตัวกันแล้วมีลักษณะคล้ายสิ่งก่อสร้างและใบหน้า รวมไปถึงกับระบบโคจรของดวงจันทร์ที่มีความลงตัวกันทางคณิตศาสตร์ โดยเฉพาะเมื่อรายละเอียดมันค่อนข้างที่จะสมบูรณ์"

ครับทั้งหมดก็เป็นเรื่องราวของวิหารบนดาวอังคารจากแนวคิดและการวิเคราะห์ของทางฝรั่งเค้า ที่ดูเหมือนจะได้รับอิทธิพลแนวความคิดมาจากอารยธรรมโบราณของโลกเราไม่น้อยเลย แต่ถ้าครั้งหนึ่งมันเคยเกิดขึ้นบนโลกเราจริงๆ ล่ะ ???

เรากำลังเดินตามรอยชาวอังคารกระนั้นหรือ ?



.....................................................

คัดลอกจาก
http://www.mythland.org/html/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=124
 

_________________
ขอความสวัสดีจงมีแด่ท่าน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวตำแหน่ง AIMMSN Messenger
แมวขาวมณี
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2006
ตอบ: 307

ตอบตอบเมื่อ: 08 พ.ย.2006, 6:37 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ชอบมากค่ะ ขอบคุณที่นำมาลงให้อ่านกันนะคะ
 

_________________
พฤษภกาสร อีกกุญชร อันปลดปลง
โททนต์ เสน่งคง สำคัญหมาย ในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้น ทั้งอินทรีย์
สถิตย์ทั่ว แต่ชั่วดี ประดับไว้ ในโลกา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง