Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 สภาวะแวดล้อมในปัจจุบัน กับภัยพิบัติทางธรรมชาติและสุขภาพ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
๛ Nirvana ๛
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 09 เม.ย. 2006
ตอบ: 403

ตอบตอบเมื่อ: 25 ก.ย. 2006, 10:53 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

สภาวะแวดล้อมในปัจจุบัน
กับภัยพิบัติทางธรรมชาติและสุขภาพ
โดย พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ



มนุษย์ทุกเชื้อชาติ ทุกภาษา ได้ร่วมกันทำลาย “บ้าน” ของตน คือ “ดาวโลก” อย่างถาวรต่อเนื่องจนอาจกล่าวได้ว่า “บ้าน” หลังนี้ที่มีหลังคาบ้านที่เต็มไปด้วยรอยรั่ว รอยโหว่ จนไม่สามารถที่จะกันแดด กันฝน กันลม ได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนกับบ้านเมื่อสร้างครั้งแรก หรือถ้าจะเปรียบ “ดาวโลก” เหมือนมนุษย์สักคนหนึ่ง จะเห็นได้ชัดว่าเป็นคนพิการ มีร่างกายไม่สมประกอบ คือ หัวโต ขาลีบ

พฤติกรรมที่มนุษย์ทุกคนมีส่วนร่วมในการช่วยทำลาย “ดาวโลก” ทุกวัน จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม คือการใช้น้ำมันและการก่อให้เกิดสารเคมีสังเคราะห์ (สาร CFC)

การใช้น้ำมัน มนุษย์ได้ขุดเจาะลงไปใต้พื้นโลก และนำน้ำมันขึ้นมาใช้ประโยช์ เพื่อเอื้อให้เกิดความสะดวกสบายในการดำรงชีวิตในทุกๆด้าน ทั้งด้านอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค ฯลฯ จึงเป็นสาเหตุทำให้ของเสียที่เกิดจากการเผาผลาญน้ำมันกลายเป็นควันดำลอยขึ้นไปสะสมอยู่ในชั้นบรรยากาศจนกระทั่งชั้นบรรยากาศหนักขึ้นตามลำดับ (มีศีรษะโตผิดปกติ) และการที่น้ำมันถูกขุดมาจากชั้นของหินใต้พื้นดิน ทำให้ปริมาณของเหลวใต้พื้นโลกลดลง เป็นสาเหตุที่ทำให้โลกกลวง (ขาลีบ เล็ก) ขาดความสมดุล ส่งผลกระทบทำให้การหมุนของ “ดาวโลก” ผิดปกติ คือหมุนช้าลงๆ จนบางครั้งแทบจะหยุดหมุนเอาเลยทีเดียว

สารเคมีสังเคราะห์ หรือสาร CFC (คลอโร-ฟลูออโร-คาร์บอน/ Chloro-Fluoro-Cabon) เป็นสารเคมีที่เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรมหลายชนิด และมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ เช่น อุตสาหกรรมผลิตน้ำยาฆ่าเชื้อ อุปกรณ์การแพทย์ อุตสาหกรรมผลิตโฟมและพลาสติกทุกชนิด อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนวงจอิเลกโทรนิค อุตสาหกรรมผลิตสารขับดันสเปรย์ต่างๆ อุตสาหกรรมผลิตสารก่อความเย็นในเครื่องปรับอากาศและตู้เย็น รวมทั้งควันเสียที่เกิดจากรถยนต์บางชนิด



พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับสาร CFC ไว้ดังนี้

“สาร CFC เป็นสารที่มีคุณลักษณะพิเศษ คือเป็นธาตุที่เบากว่าธาตุอื่นๆ จึงมีอานุภาพสามารถทำลาย นิวเคลียสของธาตุชนิดอื่นที่หนักกว่า” ประกอบทั้งวิวัฒนาการทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันนี้ ไม่ได้มุ่งค้นคว้าหาวิธีกำจัดสาร CFC ที่เกิดขึ้นแล้วให้หมดไปอย่างจริงจังเพราะมนุษย์ส่วนใหญ่มุ่งแต่จะค้นคว้าพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อที่จะเอาชนะธรรมชาติ ดังนั้นมนุษย์ทุกคนต้องรับผลกรรมจากกการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังวิกฤตการณ์ธรรมชาติ 4 อย่าง ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ คือ

1. การเกิดโอโซนโหว่ ซึ่งเกิดจากการที่บรรยากาศชั้นโอโซนในทุกทวีปทั่วโลก ถูกสาร CFC ทำลายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยของเรา บรรยากาศชั้นโอโซนได้ถูกทำลายไปเมื่อปลายปี พ.ศ. 2542 เกิดผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของมนุษย์ทุกคน เนื่องจากตามปกติแล้วบรรยากาศชั้นโอโซน มีประโยชน์ในการช่วยกรองรังสีอัลต้าไวโอเลตจากดวงอาทิตย์ ช่วยกรองของเสียจากชั้นบรรยากาศและห้วงอวกาศที่อยู่สูงขึ้นไป เป็นสิ่งที่ช่วยปิดกั้นไม่ให้ของเสียเหล่านั้นไหลมายังชั้นบรรยากาศโลกได้

ดังนั้นเมื่อเกิดวิกฤตการณ์โอโซนโหว่ จึงทำให้ของเสียทุกชนิดดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น สามารถไหลผ่านเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลก และร่างกายมนุษย์ ทั้งทางผิวหนังและระบบหายใจ ทำให้เกิดโรคชนิดใหม่หลายชนิด และทำการรักษาได้ยากยิ่งตามลำดับ เพราะปรากฎการณ์ของธรรมชาติที่ผิดปกติจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความหลายหลายซับซ้อนของโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็ง โรคระบบทางเดินลมหายใจ โรคไต ฯลฯ

2. การเปลี่ยนแปลงทิศทางการเคลื่อนที่ของพลังงานแม่เหล็กโลกถึง 2 ครั้งในปี พ.ศ. 2544 ซึ่งผู้เขียนจะอธิบายในเรื่องนี้พอสังเขป หากผู้อ่านอยากได้ความรู้เพิ่มเติมโดยละเอียดโปรดสอบถามได้จากพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ

“ดาวโลก” ของเรามีส่วนที่เป็นแกนกลางทอดยาวจากขั้วโลกเหนือไปยังขั้วโลกใต้ และเรียกว่า “แกนโลก” ซึ่งมีลักษณะเป็น “แกนสสาร” เป็นสิ่งที่มนุษย์รับรู้และเข้าใจได้อย่างเป็นรูปธรรมคู่กัน ดังนั้นจึงมี “แกนพลังงานโลก” วางซ้อนอยู่กับแกนสสารของโลกที่ตั้งอยู่ในแนวขั้วโลกเหนือ ขั้วโลกใต้ และเนื่องจาก “แกนพลังงานโลก” เป็นพลังงานที่ละเอียดจึงจำเป็นต้องใช้เครื่องมือที่มีความละเอียดคือ “จิต” เข้าไปศึกษา ค้นคว้าและติดตามการเปลี่ยนแปลง

แกนพลังงานโลก มีองค์ประกอบที่สำคัญ 3 อย่าง คือ

2.1 มโนธาตุ หมายถึงธาตุรู้ที่ถูกนำไปใช้เพื่อการเกิดเป็นมนุษย์ หรือสัตว์ มโนธาตุประกอบด้วย ธาตุเมตตา ธาตุบริสุทธิ์ และธาตุว่าง (ทารกที่ถือกำเนิดมาจากการโคลนนิ่ง / Cloning จะ ไม่มโนธาตุ เป็นองค์ประกอบสำคัญ เป็นการให้กำเนิดที่ผิดธรรมชาติ จนอาจกล่าวได้ว่า เป็นความหายนะครั้งสำคัญสำหรับมนุษยชาติ เพราะเป็นสิ่งที่ธรรมชาติยอมไม่ได้อีกต่อไป)

2.2 ลมปราณ หรือกระแสลมปราณ หมายถึงธาตุสีเหลืองๆ ซึ่งมีแหล่งกำเนิดมาจากดวงอาทิตย์ศูนย์กลางของสุริยจักรวาล เป็นธาตุที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง สำหรับสิ่งมีชีวิตทุกชนิด เป็นธาตุที่เชื่อมระหว่างกายหยาบ (ร่างกาย) กับกายละเอียด (จิตวิญญาณ) ในภาวะปกติ ลมปราณหรือกระแสลมปราณจะไหลวนเวียนอยู่อย่างพอเพียง เพราะในทุกจังหวะ 1 วินาที ที่ดาวโลกถูกดึงเข้าและผลักออกจากศูนย์กลางของดวงอาทิตย์ในสุริยจักรวาล จะมีกระแสลมปราณไหลหมุนวนเข้าสู่ดาวโลกโดยอัตโนมัติ ฉะนั้นในภาวะปกติ ทุกจังหวะของการสืบลมหายใจเข้าเพื่อนำก๊าซออกซิเจนเข้าสู่หัวใจและปอด มนุษย์ทุกคนจึงได้รับกระแสลมปราณไหลเข้าสู่ร่างกายอย่างเพียงพอเช่นเดียวกัน

2.3 พลังงานแม่เหล็กโลก พลังงานแม่เหล็กโลกมีแหล่งกำเนิดมาจากดวงอาทิตย์ดวงแม่ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของกาแลคซี่ทางช้างเผือกและมีอิทธิพลส่งแรงดึงมายังสุริยจักรวาลที่มีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางอีกทอดหนึ่ง พลังงานแม่เหล็กโลกมีคุณสมบัติพิเศษ คือเป็นพลังงานที่มีอานุภาพทำให้เกิดการย่อยสลายทำลายโมเลกุล ในสสารวัตถุ และสิ่งมีชีวิตทุกชนิดตามจังหวะของการดึงเข้าและผลักออกทุกๆ 1 วินาที จากดวงอาทิตย์ดวงแม่ ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือ

ด้วยคุณสมบัติพิเศษของสาร CFC คือการเป็นธาตุที่เบากว่าธาตุอื่น นอกจากได้ทำลายบรรยากาศชั้นโอโซนแล้ว สาร CFC ยังได้เข้าไปทำลาย มโนธาตุซึ่งเป็นธาตุประกอบที่สำคัญธาตุหนึ่งภายในแกนพลังงานโลก จึงเป็นสาเหตุทำให้พลังงานแม่เหล็กโลกในแกนพลังงานโลกถูกรบกวนด้วยเช่นกัน จึงเกิดการเคลื่อนที่เปลี่ยนทิศทางออกไปจากแนวทิศเหนือ-ทิศใต้เดิม นับได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ครั้งที่ 1 ซึ่งได้เกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2544

ผลกระทบที่ตามมา คือพลังงานแม่เหล็กโลกได้กระทุ้งหรือทำการเสียดสีกับใต้พื้นโลก ทำให้ใต้พื้นโลกร้อนระอุ ก๊าซพิษถูกดันขึ้นมา เกิดภัยธรรมชาติขึ้นหลายอย่าง เช่น ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว พายุ และน้ำท่วม ปรากฎขึ้นในทั่วทุกส่วนของโลก และเมื่อประมาณกลางเดือนตุลาคม พ.ศ. 2544 พลังงานแม่เหล็กโลกได้เคลื่อนที่เปลี่ยนทิศทางอย่างรุนแรงอีกครั้ง นับเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งในครั้งนี้ พลังงานแม่เหล็กโลกได้แผ่กระจายไปทั่วทุกส่วนของชั้นบรรยากาศ และใต้พื้นโลกไม่สามารถรวมเป็นกลุ่มและคงสภาพของความเป็นแกนพลังงานได้อีกต่อไป ฉะนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า ในขณะนี้ไม่มีแกนพลังงานโลก

วิกฤตการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจของมนุษย์ เนื่องจากพลังงานแม่เหล็กโลกที่แพร่กระจายอยู่ทั่วทุกส่วนของบรรยากาศโลกได้ไหลเข้าสู่ร่างกายของมนุษย์อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ได้กลายเป็นสาเหตุที่สำคัญของความเจ็บป่วยหลายอย่าง จนยากที่จะค้นหาสาเหตุของโรคนั้นๆ ได้ด้วย ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เช่นมีอาการเจ็บที่หัวใจแปล๊บๆ รู้สึกปวดเมื่อยไปทั่วร่างกายเหมือนกล้ามเนื้อถูกดึงรู้สึกปวดหรือมึนศีรษะโดยไม่มีสาเหตุ จิตใจหงุดหงิด เครียดและโกรธได้ง่าย อยากนอนตลอดเวลาเหมือนนอนไม่อิ่ม รวมทั้งออกผื่นคันตามร่างกาย

3. สาร CFC เป็นสาเหตุทำให้เกิดพายุสุริยะ หรือการเกิดจุดดับบนดวงอาทิตย์ จากสภาพที่ “ดาวโลก” ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของแรงดึงดูดจากศูนย์กลางที่ใหญ่กว่า คือดวงอาทิตย์ของสุริยจักรวาล จึงทำให้สาร CFC จาก “ดาวโลก” ถูกดึงไปยังดวงอาทิตย์โดยอัติโนมัติตามจังหวะ 1 วินาที ของแรงดึงดูดระหว่างดวงอาทิตย์และดาวโลก

สาร CFC ได้ทำลายพื้นผิวของดวงอาทิตย์เกิดเป็นจุดดับกระจายอยู่ทั่วๆ ไป และเมื่อจุดดับมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นๆ จนเกิดการระเบิด ทำให้ของเสียจากดวงอาทิตย์ และสาร CFC รวมทั้งขยะจากอวกาศจะไหลย้อนกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกอีกครั้ง ตามลักษณะของแรงดึงที่มีระหว่างดาวโลกกับดวงอาทิตย์ประกอบกับบรรยากาศชั้นโอโซนที่เคยห่อหุ้มและป้องกันชั้นบรรยากาศโลกไว้นั้น ได้ถูกทำลายโดย สาร CFC แล้วเช่นกัน จึงเป็นสาเหตุทำให้ของเสียที่เกิดจากพายุสุริยะ รวมทั้งขยะอวกาศสามารถไหลเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลก และไหลซึมผ่านเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ สัตว์ โดยทางลมหายใจ และผิวหนังได้เร็วยิ่งขึ้น

4. จากวิกฤตธรรมชาติที่ได้เกิดขึ้นมาข้างต้นทั้ง 3 ข้อ ได้กลายเป็นสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษยชาติอย่างใหญ่หลวง คือการเกิดแปรปรวนของกระแสลมปราณถึง 2 ครั้ง

4.1 วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2545 เวลาประมาณ 06.00 น. กระแสลมปราณที่มีประโยชน์ ซึ่งดาวโลกเคยได้รับจากการหมุนรอบดวงอาทิตย์ และไหลซึมเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ตามธรรมชาติ โดยทางลมหายใจเข้าเช่นเดียวกับก๊าซออกซิเจนนั้นได้ลดปริมาณลงไปมาก จนถึงขั้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพมนุษย์ได้เนื่องจากชั้นบรรยากาศโลกหนาแน่นเต็มไปด้วยของเสีย จึงให้กระแสลมปราณแทรกเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกได้อย่างเจือจาง กลายเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ระบบภูมิต้านทานร่างกายลดลงและระบบทางเดินลมหายใจผิดปกติ รู้สึกอึดอัด ไม่สามารถหายใจได้ลึกถึงท้อง หายใจได้ลึกเพียงแค่คอหรือหน้าอกเท่านั้น รู้สึกชาตามปลายประสาทมือ แขนและขา

อีกทั้งจะพบผู้ป่วย “มะเร็ง” เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ เพราะประโยชน์ที่สำคัญของกระแสลมปราณ นอกจากจะเป็นธาตุที่ช่วยทำให้เกิดความสดชื่นกระปรี้กระเปร่ากับร่างกายแล้ว ยังมีความสำคัญในการช่วยดันระบายรังสีอัลตร้าไวโอเลตที่มนุษย์ทุกคนได้รับอยู่ทุกวันไม่ให้ตกค้างและสะสมอยู่ในร่างกายมากเกินไป จนไม่สามารถทำให้ปฏิกิริยากับนิวเคลียสในเซลล์ร่างกายของมนุษย์ ทำให้เปลี่ยนสภาพจากเซลล์กลมที่เป็นปกติให้กลายเป็นเซลล์เหลี่ยมที่ผิดปกติ ที่เรียกว่า เซลล์ “มะเร็ง” นั้นเอง

4.2 วันพุธที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2546 เวลาประมาณ 04.15 น. กระแสลมปราณภายในดาวโลกของเราได้รับการกระทบอย่างรุนแรงที่สุด และในครั้งนี้มนุษย์ทุกคนจำต้องยอมรับผลจากการกระทำที่ได้ร่วมกันทำลายดาวโลกมาโดยตลอด เนื่องตากสภาพของชั้นบรรยากาศโลกที่ทวีความหนาแน่นของมลภาวะได้ปิดกั้นไม่ให้กระแสลมปราณ สามารถไหลผ่านเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้ตามปกติ มนุษย์ทุกคนตกอยู่ในภาวะที่เสี่ยงต่อชีวิต ซึ่งอาจจะทำให้เสียชีวิตได้อย่างฉับพลัน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยทางเดินลมหายใจทุกชนิด มะเร็ง เอดส์ ไต และความดันโลหิต และอาจทำให้มนุษย์มีอาการไหลตาย คือ นอนหลับจนสิ้นลมหายใจ หมดโอกาสที่จะแก้ไข หรือเป็นโรควูบ คือหมดสติฟุบลงไปและเสียชีวิตทันที ฉะนั้นแต่ละบุคคลควรจะหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหรือการทำงานที่หักโหมเกินกำลัง ควรจะหยุดพักเมื่อรู้สึกเหนื่อย

ควรหลีกเลี่ยงการอยู่กับแสงแดดนานๆ ควรนั่งเก้าอี้เพื่อทำงานแทนการก้มลงนาน ๆ



http://www.geocities.com/healthmeditation/healthmeditation/health.html
 

_________________
ขอความสวัสดีจงมีแด่ท่าน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวตำแหน่ง AIMMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง