Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
สภาวะแวดล้อมในปัจจุบัน กับภัยพิบัติทางธรรมชาติและสุขภาพ
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
นานาสาระ
ผู้ตั้ง
ข้อความ
๛ Nirvana ๛
บัวบาน
เข้าร่วม: 09 เม.ย. 2006
ตอบ: 403
ตอบเมื่อ: 25 ก.ย. 2006, 10:53 pm
สภาวะแวดล้อมในปัจจุบัน
กับภัยพิบัติทางธรรมชาติและสุขภาพ
โดย พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ
มนุษย์ทุกเชื้อชาติ ทุกภาษา ได้ร่วมกันทำลาย บ้าน ของตน คือ ดาวโลก อย่างถาวรต่อเนื่องจนอาจกล่าวได้ว่า บ้าน หลังนี้ที่มีหลังคาบ้านที่เต็มไปด้วยรอยรั่ว รอยโหว่ จนไม่สามารถที่จะกันแดด กันฝน กันลม ได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนกับบ้านเมื่อสร้างครั้งแรก หรือถ้าจะเปรียบ ดาวโลก เหมือนมนุษย์สักคนหนึ่ง จะเห็นได้ชัดว่าเป็นคนพิการ มีร่างกายไม่สมประกอบ คือ หัวโต ขาลีบ
พฤติกรรมที่มนุษย์ทุกคนมีส่วนร่วมในการช่วยทำลาย ดาวโลก ทุกวัน จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม คือการใช้น้ำมันและการก่อให้เกิดสารเคมีสังเคราะห์ (สาร CFC)
การใช้น้ำมัน มนุษย์ได้ขุดเจาะลงไปใต้พื้นโลก และนำน้ำมันขึ้นมาใช้ประโยช์ เพื่อเอื้อให้เกิดความสะดวกสบายในการดำรงชีวิตในทุกๆด้าน ทั้งด้านอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค ฯลฯ จึงเป็นสาเหตุทำให้ของเสียที่เกิดจากการเผาผลาญน้ำมันกลายเป็นควันดำลอยขึ้นไปสะสมอยู่ในชั้นบรรยากาศจนกระทั่งชั้นบรรยากาศหนักขึ้นตามลำดับ (มีศีรษะโตผิดปกติ) และการที่น้ำมันถูกขุดมาจากชั้นของหินใต้พื้นดิน ทำให้ปริมาณของเหลวใต้พื้นโลกลดลง เป็นสาเหตุที่ทำให้โลกกลวง (ขาลีบ เล็ก) ขาดความสมดุล ส่งผลกระทบทำให้การหมุนของ ดาวโลก ผิดปกติ คือหมุนช้าลงๆ จนบางครั้งแทบจะหยุดหมุนเอาเลยทีเดียว
สารเคมีสังเคราะห์ หรือสาร CFC (คลอโร-ฟลูออโร-คาร์บอน/ Chloro-Fluoro-Cabon) เป็นสารเคมีที่เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรมหลายชนิด และมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ เช่น อุตสาหกรรมผลิตน้ำยาฆ่าเชื้อ อุปกรณ์การแพทย์ อุตสาหกรรมผลิตโฟมและพลาสติกทุกชนิด อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนวงจอิเลกโทรนิค อุตสาหกรรมผลิตสารขับดันสเปรย์ต่างๆ อุตสาหกรรมผลิตสารก่อความเย็นในเครื่องปรับอากาศและตู้เย็น รวมทั้งควันเสียที่เกิดจากรถยนต์บางชนิด
พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับสาร CFC ไว้ดังนี้
สาร CFC เป็นสารที่มีคุณลักษณะพิเศษ คือเป็นธาตุที่เบากว่าธาตุอื่นๆ จึงมีอานุภาพสามารถทำลาย นิวเคลียสของธาตุชนิดอื่นที่หนักกว่า ประกอบทั้งวิวัฒนาการทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันนี้ ไม่ได้มุ่งค้นคว้าหาวิธีกำจัดสาร CFC ที่เกิดขึ้นแล้วให้หมดไปอย่างจริงจังเพราะมนุษย์ส่วนใหญ่มุ่งแต่จะค้นคว้าพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อที่จะเอาชนะธรรมชาติ ดังนั้นมนุษย์ทุกคนต้องรับผลกรรมจากกการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังวิกฤตการณ์ธรรมชาติ 4 อย่าง ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ คือ
1.
การเกิดโอโซนโหว่ ซึ่งเกิดจากการที่บรรยากาศชั้นโอโซนในทุกทวีปทั่วโลก ถูกสาร CFC ทำลายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยของเรา บรรยากาศชั้นโอโซนได้ถูกทำลายไปเมื่อปลายปี พ.ศ. 2542 เกิดผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของมนุษย์ทุกคน เนื่องจากตามปกติแล้วบรรยากาศชั้นโอโซน มีประโยชน์ในการช่วยกรองรังสีอัลต้าไวโอเลตจากดวงอาทิตย์ ช่วยกรองของเสียจากชั้นบรรยากาศและห้วงอวกาศที่อยู่สูงขึ้นไป เป็นสิ่งที่ช่วยปิดกั้นไม่ให้ของเสียเหล่านั้นไหลมายังชั้นบรรยากาศโลกได้
ดังนั้นเมื่อเกิดวิกฤตการณ์โอโซนโหว่ จึงทำให้ของเสียทุกชนิดดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น สามารถไหลผ่านเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลก และร่างกายมนุษย์ ทั้งทางผิวหนังและระบบหายใจ ทำให้เกิดโรคชนิดใหม่หลายชนิด และทำการรักษาได้ยากยิ่งตามลำดับ เพราะปรากฎการณ์ของธรรมชาติที่ผิดปกติจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความหลายหลายซับซ้อนของโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็ง โรคระบบทางเดินลมหายใจ โรคไต ฯลฯ
2.
การเปลี่ยนแปลงทิศทางการเคลื่อนที่ของพลังงานแม่เหล็กโลกถึง 2 ครั้งในปี พ.ศ. 2544 ซึ่งผู้เขียนจะอธิบายในเรื่องนี้พอสังเขป หากผู้อ่านอยากได้ความรู้เพิ่มเติมโดยละเอียดโปรดสอบถามได้จากพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ
ดาวโลก ของเรามีส่วนที่เป็นแกนกลางทอดยาวจากขั้วโลกเหนือไปยังขั้วโลกใต้ และเรียกว่า แกนโลก ซึ่งมีลักษณะเป็น แกนสสาร เป็นสิ่งที่มนุษย์รับรู้และเข้าใจได้อย่างเป็นรูปธรรมคู่กัน ดังนั้นจึงมี แกนพลังงานโลก วางซ้อนอยู่กับแกนสสารของโลกที่ตั้งอยู่ในแนวขั้วโลกเหนือ ขั้วโลกใต้ และเนื่องจาก แกนพลังงานโลก เป็นพลังงานที่ละเอียดจึงจำเป็นต้องใช้เครื่องมือที่มีความละเอียดคือ จิต เข้าไปศึกษา ค้นคว้าและติดตามการเปลี่ยนแปลง
แกนพลังงานโลก มีองค์ประกอบที่สำคัญ 3 อย่าง คือ
2.1 มโนธาตุ หมายถึงธาตุรู้ที่ถูกนำไปใช้เพื่อการเกิดเป็นมนุษย์ หรือสัตว์ มโนธาตุประกอบด้วย ธาตุเมตตา ธาตุบริสุทธิ์ และธาตุว่าง (ทารกที่ถือกำเนิดมาจากการโคลนนิ่ง / Cloning จะ ไม่มโนธาตุ เป็นองค์ประกอบสำคัญ เป็นการให้กำเนิดที่ผิดธรรมชาติ จนอาจกล่าวได้ว่า เป็นความหายนะครั้งสำคัญสำหรับมนุษยชาติ เพราะเป็นสิ่งที่ธรรมชาติยอมไม่ได้อีกต่อไป)
2.2 ลมปราณ หรือกระแสลมปราณ หมายถึงธาตุสีเหลืองๆ ซึ่งมีแหล่งกำเนิดมาจากดวงอาทิตย์ศูนย์กลางของสุริยจักรวาล เป็นธาตุที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง สำหรับสิ่งมีชีวิตทุกชนิด เป็นธาตุที่เชื่อมระหว่างกายหยาบ (ร่างกาย) กับกายละเอียด (จิตวิญญาณ) ในภาวะปกติ ลมปราณหรือกระแสลมปราณจะไหลวนเวียนอยู่อย่างพอเพียง เพราะในทุกจังหวะ 1 วินาที ที่ดาวโลกถูกดึงเข้าและผลักออกจากศูนย์กลางของดวงอาทิตย์ในสุริยจักรวาล จะมีกระแสลมปราณไหลหมุนวนเข้าสู่ดาวโลกโดยอัตโนมัติ ฉะนั้นในภาวะปกติ ทุกจังหวะของการสืบลมหายใจเข้าเพื่อนำก๊าซออกซิเจนเข้าสู่หัวใจและปอด มนุษย์ทุกคนจึงได้รับกระแสลมปราณไหลเข้าสู่ร่างกายอย่างเพียงพอเช่นเดียวกัน
2.3 พลังงานแม่เหล็กโลก พลังงานแม่เหล็กโลกมีแหล่งกำเนิดมาจากดวงอาทิตย์ดวงแม่ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของกาแลคซี่ทางช้างเผือกและมีอิทธิพลส่งแรงดึงมายังสุริยจักรวาลที่มีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางอีกทอดหนึ่ง พลังงานแม่เหล็กโลกมีคุณสมบัติพิเศษ คือเป็นพลังงานที่มีอานุภาพทำให้เกิดการย่อยสลายทำลายโมเลกุล ในสสารวัตถุ และสิ่งมีชีวิตทุกชนิดตามจังหวะของการดึงเข้าและผลักออกทุกๆ 1 วินาที จากดวงอาทิตย์ดวงแม่ ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือ
ด้วยคุณสมบัติพิเศษของสาร CFC คือการเป็นธาตุที่เบากว่าธาตุอื่น นอกจากได้ทำลายบรรยากาศชั้นโอโซนแล้ว สาร CFC ยังได้เข้าไปทำลาย มโนธาตุซึ่งเป็นธาตุประกอบที่สำคัญธาตุหนึ่งภายในแกนพลังงานโลก จึงเป็นสาเหตุทำให้พลังงานแม่เหล็กโลกในแกนพลังงานโลกถูกรบกวนด้วยเช่นกัน จึงเกิดการเคลื่อนที่เปลี่ยนทิศทางออกไปจากแนวทิศเหนือ-ทิศใต้เดิม นับได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ครั้งที่ 1 ซึ่งได้เกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2544
ผลกระทบที่ตามมา คือพลังงานแม่เหล็กโลกได้กระทุ้งหรือทำการเสียดสีกับใต้พื้นโลก ทำให้ใต้พื้นโลกร้อนระอุ ก๊าซพิษถูกดันขึ้นมา เกิดภัยธรรมชาติขึ้นหลายอย่าง เช่น ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว พายุ และน้ำท่วม ปรากฎขึ้นในทั่วทุกส่วนของโลก และเมื่อประมาณกลางเดือนตุลาคม พ.ศ. 2544 พลังงานแม่เหล็กโลกได้เคลื่อนที่เปลี่ยนทิศทางอย่างรุนแรงอีกครั้ง นับเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งในครั้งนี้ พลังงานแม่เหล็กโลกได้แผ่กระจายไปทั่วทุกส่วนของชั้นบรรยากาศ และใต้พื้นโลกไม่สามารถรวมเป็นกลุ่มและคงสภาพของความเป็นแกนพลังงานได้อีกต่อไป ฉะนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า ในขณะนี้ไม่มีแกนพลังงานโลก
วิกฤตการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจของมนุษย์ เนื่องจากพลังงานแม่เหล็กโลกที่แพร่กระจายอยู่ทั่วทุกส่วนของบรรยากาศโลกได้ไหลเข้าสู่ร่างกายของมนุษย์อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ได้กลายเป็นสาเหตุที่สำคัญของความเจ็บป่วยหลายอย่าง จนยากที่จะค้นหาสาเหตุของโรคนั้นๆ ได้ด้วย ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เช่นมีอาการเจ็บที่หัวใจแปล๊บๆ รู้สึกปวดเมื่อยไปทั่วร่างกายเหมือนกล้ามเนื้อถูกดึงรู้สึกปวดหรือมึนศีรษะโดยไม่มีสาเหตุ จิตใจหงุดหงิด เครียดและโกรธได้ง่าย อยากนอนตลอดเวลาเหมือนนอนไม่อิ่ม รวมทั้งออกผื่นคันตามร่างกาย
3.
สาร CFC เป็นสาเหตุทำให้เกิดพายุสุริยะ หรือการเกิดจุดดับบนดวงอาทิตย์ จากสภาพที่ ดาวโลก ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของแรงดึงดูดจากศูนย์กลางที่ใหญ่กว่า คือดวงอาทิตย์ของสุริยจักรวาล จึงทำให้สาร CFC จาก ดาวโลก ถูกดึงไปยังดวงอาทิตย์โดยอัติโนมัติตามจังหวะ 1 วินาที ของแรงดึงดูดระหว่างดวงอาทิตย์และดาวโลก
สาร CFC ได้ทำลายพื้นผิวของดวงอาทิตย์เกิดเป็นจุดดับกระจายอยู่ทั่วๆ ไป และเมื่อจุดดับมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นๆ จนเกิดการระเบิด ทำให้ของเสียจากดวงอาทิตย์ และสาร CFC รวมทั้งขยะจากอวกาศจะไหลย้อนกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกอีกครั้ง ตามลักษณะของแรงดึงที่มีระหว่างดาวโลกกับดวงอาทิตย์ประกอบกับบรรยากาศชั้นโอโซนที่เคยห่อหุ้มและป้องกันชั้นบรรยากาศโลกไว้นั้น ได้ถูกทำลายโดย สาร CFC แล้วเช่นกัน จึงเป็นสาเหตุทำให้ของเสียที่เกิดจากพายุสุริยะ รวมทั้งขยะอวกาศสามารถไหลเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลก และไหลซึมผ่านเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ สัตว์ โดยทางลมหายใจ และผิวหนังได้เร็วยิ่งขึ้น
4.
จากวิกฤตธรรมชาติที่ได้เกิดขึ้นมาข้างต้นทั้ง 3 ข้อ ได้กลายเป็นสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษยชาติอย่างใหญ่หลวง คือการเกิดแปรปรวนของกระแสลมปราณถึง 2 ครั้ง
4.1 วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2545 เวลาประมาณ 06.00 น. กระแสลมปราณที่มีประโยชน์ ซึ่งดาวโลกเคยได้รับจากการหมุนรอบดวงอาทิตย์ และไหลซึมเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ตามธรรมชาติ โดยทางลมหายใจเข้าเช่นเดียวกับก๊าซออกซิเจนนั้นได้ลดปริมาณลงไปมาก จนถึงขั้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพมนุษย์ได้เนื่องจากชั้นบรรยากาศโลกหนาแน่นเต็มไปด้วยของเสีย จึงให้กระแสลมปราณแทรกเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกได้อย่างเจือจาง กลายเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ระบบภูมิต้านทานร่างกายลดลงและระบบทางเดินลมหายใจผิดปกติ รู้สึกอึดอัด ไม่สามารถหายใจได้ลึกถึงท้อง หายใจได้ลึกเพียงแค่คอหรือหน้าอกเท่านั้น รู้สึกชาตามปลายประสาทมือ แขนและขา
อีกทั้งจะพบผู้ป่วย มะเร็ง เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ เพราะประโยชน์ที่สำคัญของกระแสลมปราณ นอกจากจะเป็นธาตุที่ช่วยทำให้เกิดความสดชื่นกระปรี้กระเปร่ากับร่างกายแล้ว ยังมีความสำคัญในการช่วยดันระบายรังสีอัลตร้าไวโอเลตที่มนุษย์ทุกคนได้รับอยู่ทุกวันไม่ให้ตกค้างและสะสมอยู่ในร่างกายมากเกินไป จนไม่สามารถทำให้ปฏิกิริยากับนิวเคลียสในเซลล์ร่างกายของมนุษย์ ทำให้เปลี่ยนสภาพจากเซลล์กลมที่เป็นปกติให้กลายเป็นเซลล์เหลี่ยมที่ผิดปกติ ที่เรียกว่า เซลล์ มะเร็ง นั้นเอง
4.2 วันพุธที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2546 เวลาประมาณ 04.15 น. กระแสลมปราณภายในดาวโลกของเราได้รับการกระทบอย่างรุนแรงที่สุด และในครั้งนี้มนุษย์ทุกคนจำต้องยอมรับผลจากการกระทำที่ได้ร่วมกันทำลายดาวโลกมาโดยตลอด เนื่องตากสภาพของชั้นบรรยากาศโลกที่ทวีความหนาแน่นของมลภาวะได้ปิดกั้นไม่ให้กระแสลมปราณ สามารถไหลผ่านเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้ตามปกติ มนุษย์ทุกคนตกอยู่ในภาวะที่เสี่ยงต่อชีวิต ซึ่งอาจจะทำให้เสียชีวิตได้อย่างฉับพลัน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยทางเดินลมหายใจทุกชนิด มะเร็ง เอดส์ ไต และความดันโลหิต และอาจทำให้มนุษย์มีอาการไหลตาย คือ นอนหลับจนสิ้นลมหายใจ หมดโอกาสที่จะแก้ไข หรือเป็นโรควูบ คือหมดสติฟุบลงไปและเสียชีวิตทันที ฉะนั้นแต่ละบุคคลควรจะหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหรือการทำงานที่หักโหมเกินกำลัง ควรจะหยุดพักเมื่อรู้สึกเหนื่อย
ควรหลีกเลี่ยงการอยู่กับแสงแดดนานๆ ควรนั่งเก้าอี้เพื่อทำงานแทนการก้มลงนาน ๆ
http://www.geocities.com/healthmeditation/healthmeditation/health.html
_________________
ขอความสวัสดีจงมีแด่ท่าน
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
นานาสาระ
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th